นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1356

สรุปบท บทที่ 1356 แก้แค้น, เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ช่างเป็นคนตระหนี่ยิ่งนัก: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1356 แก้แค้น, เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ช่างเป็นคนตระหนี่ยิ่งนัก – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1356 แก้แค้น, เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ช่างเป็นคนตระหนี่ยิ่งนัก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เรื่องเป็นสินสอดของเป่ยหลิง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกร้อนใจอะไรมากนัก แต่ซูเหวินชิงกลับร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวจึงรีบกลับเข้ามาในเมืองหลวงในคืนนั้น เขาไม่สนใจว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ ทันทีที่เข้ามาในเมืองก็มุ่งหน้าไปยังจวนเฟิ่ง

ในตอนที่ซูเหวินชิงมาถึงจวนเฟิ่งก็ดึกมากแล้ว คนรับใช้ในจวนเฟิ่งต่างพากันเข้านอน แต่พวกเขาก็ถูกซูเหวินชิงทรมานจนทำให้ตื่นขึ้นมา เฟิ่งชิงเฉินล้างหน้าด้วยน้ำเย็น จากนั้นเดินออกมาด้วยท่าทางสดชื่น

“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว มีคนป่วยเข้ามาทำการรักษาอย่างนั้นหรือ?” ในฐานะหมอ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่มีคนมาหาในตอนกลางคืน สิ่งแรกที่คิดก็คือมีผู้ป่วยต้องการการรักษา คำถามของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด แต่มันกลับทำให้ซูเหวินชิงโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้

“นี่มันกี่โมงแล้ว แต่เจ้ายังกังวลเรื่องของคนป่วย เวลานี้สิ่งที่เจ้าควรกังวลควรจะเป็นตัวของเจ้าเอง” จักรพรรดิไม่รีบ แต่คนที่รีบคือขันที ซูเหวินชิงรู้สึกเสียใจกับตนเองที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน

“ข้า? ข้าต้องกังวลเรื่องอะไรงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าไม่มีผู้ป่วย นางก็รู้สึกโล่งใจ นากนั้นก็นั่งลงตรงที่นั่งของนาง จากนั้นก็จิบชาที่คนรับใช้ของนางรินมาให้

เวลาแบบนี้จำเป็นต้องดื่มชาเพื่อเพิ่มความสดชื่น

“เจ้า......เจ้าจะต้องเดินทางไปยังเป่ยหลิงในฐานะสินสอด เจ้าไม่กังวลเลยอย่างนั้นหรือ” ตอนนี้ซูเหวินชิงไม่มีทีท่าของพ่อค้าเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเหมือนกับมดที่กำลังวิ่งอยู่บนหม้อไฟ

“ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเสด็จอาเก้าให้เร็วที่สุด ให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ หากเจ้าเดินทางไปเป่ยหลิงและไม่ได้กลับมา เช่นนั้นเสด็จอาเก้าอาจจะยกทัพไปโจมตีเป่ยหลิงก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้นใต้หล้าจะเต็มไปด้วยความโกลาหล และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเป็นแน่”

ซูเหวินชิงพูดคุยกับตัวเองเป็นเวลานาน เฟิ่งชิงเฉินรอให้ซูเหวินชิงพูดกับตนเองจบแล้ว นางถึงพูดออกมาอย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้ไปแต่งงานอยู่ที่นั่น ข้าไปในฐานะสินสอด”

“สินสอดอะไร เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะบอกเจ้า สาวรับใช้คนสนิทขององค์หญิงก็ไม่ต่างอะไรกับนางสนม เมื่อถึงเป่ยหลิง ทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า” หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ซูเหวินชิงก็คงไม่ร้อนรนเช่นนี้

“เมื่อถึงเป่ยหลิง มันก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามความต้องการขององค์หญิงอันผิง” เฟิ่งชิงเฉินไม่กังวลกับเรื่องที่นางต้องเดินทางไปยังเป่ยหลิงจริง ๆ ส่วนเรื่องข่าวลือด้านนอก? นางถูกข่าวลือพวกนี้เล่นงานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน หากนางใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ นางก็คงหงุดหงิดตายไปตั้งนานแล้ว

“เรื่องนั้นมันก็จริง แต่เรื่องนี้ข้าจำเป็นต้องบอกกับเสด็จอาเก้าให้เร็วที่สุด ดูว่าเสด็จอาเก้าจะมีวิธีการจัดการกับเรื่องนี้หรือไม่” ซูเหวินชิงยังคงไม่ปล่อยวาง เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินตอนที่เสด็จอาเก้าไม่อยู่

“เสด็จอาเก้าไปไหน?” เฟิ่งชิงเฉินสะบัดขนตาเล็กน้อย ทำให้ยากที่จะมองเห็นความคิดของนาง

ซูเหวินชิงนึกขึ้นได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ดังนั้นความคิดจึงเปลี่ยนไป จากนั้นพูดออกมาว่า “เสด็จอาเก้าไปหาหลานจิ่วชิง มีข่าวจากทางด้านของหลานจิ่วชิงมา บอกว่าเขาพบสิ่งที่เสด็จอาเก้าต้องการแล้ว”

เอาเถอะ แม้จะเป็นข่าวที่ได้จากปู้จิงหยุน ที่เขาพบแผนที่จิ่วโจวแผ่นนั้นในศาลาเสวียนชิง แต่มันก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ จึงส่งข้อความมาหาเสด็จอาเก้า ให้เสด็จอาเก้าเป็นคนไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง และคิดว่าจะนำมันออกมาได้อย่างไร

“อยู่กับหลานจิ่วชิง?” เฟิ่งชิงเฉินถามกลับไป และซูเหวินชิงก็ตอบอย่างสงบโดยไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ

จากนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็ลองถามออกมาอีกสองสามประโยค แต่ซูเหวินชิงก็ยังคงไม่หลุดปากออกมา เฟิ่งชิงเฉินจึงล้มเลิกความคิดดังกล่าว บอกซูเหวินชิงว่าไม่ต้องกังวล และไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเสด็จอาเก้าเพื่อทำให้เขาลำบาก นางสามารถจัดการด้วยตัวเองได้

“เจ้ามั่นใจหรือว่าสามารถจัดการด้วยตัวเองได้?” ซูเหวินชิงถามออกไปด้วยความไม่เชื่อ

เฟิ่งชิงเฉินกลอกตาขาวอย่างไม่พอใจ “หากตอนที่ไม่มีเสด็จอาเก้าอยู่ ข้าก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ลำพังได้อย่างสุขสบาย”

เพียงแต่ หลัง ๆ นี้นางเคยชินกับการพึ่งพาเสด็จอาเก้ามากเกินไป ภายใต้การปกป้องดูแลของเสด็จอาเก้า นางใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสบายใจ จนนางค่อย ๆ สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่ตอนนี้...

ตัวตนของนางนั้นแตกต่างออกไป หลายเรื่องนางก็ไม่อาจเอาแต่พึ่งพาเสด็จอาเก้าเพียงอย่างเดียวได้ ไม่สามารถมอบไพ่ตายทั้งหมดให้กับเสด็จอาเก้า ใต้หล้า ประเทศ ครอบครัว ทุกอย่างต้องเริ่มจากความเข้มแข็งของครอบครัวก่อนถึงจะพัฒนาไปเป็นประเทศและใต้หล้าได้

แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นเหมือนกับฝู่หลินที่ยอมเสียสละตนเองเพื่อตระกูล แต่นางหวังว่าตระกูลเฟิ่งหลีจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ นางเองก็มีครอบครัวและสามารถพึ่งพาคนของตนเองได้ เมื่อนางมีลูก ลูกหลานของนางจะได้อาศัยความแข็งแกร่งของตนเองเพื่ออยู่รอดต่อไป

ฉู่ฉางฮว๋าหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “เจ้าคิดมากเกินไป องค์หญิงเหยาหวาสามารถเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุได้ แน่นอนว่าองค์หญิงหมิงเว่ยก็เป็นไปได้เช่นกัน องค์หญิงเหยาหวา นางมีซีหลิงคอยให้การสนับสนุนอยู่ แต่องค์หญิงหมิงเว่ยผู้นี้ไม่มีอะไรเลย ต่อให้นางตายไป หนานหลิงก็ไม่มีทางพูดอะไรออกมาสักคำ ถึงเวลานั้นเมื่อสมบัติตกถึงมือของลั่วอ๋อง องค์หญิงหมิงเว่ยก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป”

“เจ้าช่างเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายยิ่งนัก” แม้โจวอ๋องจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่ในใจของเขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของฉู่ฉางฮว๋า ชำเลืองมองไปที่ฉู่ฉางฮว๋า “เจ้าคิดว่าพวกเราควรขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ อย่างน้อยก็เพื่อให้สมบัติหลุดไปจากมือของลั่วอ๋อง?”

“ตอนนี้ควรนิ่งไว้ก่อน เจ้าเพิ่งจะทำให้ชุนอ๋องถูกเนรเทศออกไป หากลงมืออีกครั้ง อาจทำให้เสด็จพ่อของเจ้าเกิดความสงสัย และเจ้าเองก็จะถูกเนรเทศออกไปด้วย” ฉู่ฉางฮว๋ากล่าวเตือนออกมาอย่างเคร่งขรึม แม้โจวอ๋องจะไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าคำพูดของฉู่ฉางฮว๋านั้นมีเหตุผล เขาจึงทำได้เพียงโยนความคิดนี้ทิ้งไป

ตอนแรกเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเฟิ่งชิงเฉิน นางกำลังยุ่งกับเรื่องส่งคนไปยังเป่ยหลิงเพื่อสืบหาเรื่องของตระกูลเฟิ่งหลี นางจะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจเรื่องของการต่อสู้ภายในขององค์ชายแห่งตงหลิง แต่ว่า......

เนื่องจากองค์หญิงหมิงเว่ยจัดงานเลี้ยงขึ้น และเฟิ่งชิงเฉินก็ได้รับคำเชิญ ซึ่งองค์หญิงอันผิงบอกกับขันทีว่า เฟิ่งชิงเฉินจำเป็นจะต้องมาร่วมงาน

“นี่องค์หญิงหมิงเว่ยกำลังอวดว่าตนเองกำลังมีความสุขอยู่หรือเปล่า? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็คงต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับนาง”

คิดจะใช้สมบัติของตระกูลลู่ในการทำให้ตนเองประสบความสำเร็จ เช่นนั้นก็ต้องดูก่อนว่าเฟิ่งชิงเฉินเห็นด้วยหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ส่งเสียงก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่ได้ทำอะไร

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น หันไปเรียกทงจือและทงเหยาเข้ามา ให้พวกนางไปแจ้งข่าวดังกล่าวกับหวังจิ่นหลิงที่กำลังเดินทางกลับมาให้เร็วที่สุด ให้หวังจิ่นหลิงรีบเดินทางกลับมาเมืองหลวง

องค์หญิงหมิงเว่ยคิดจะแต่งงานกับลั่วอ๋อง?

ฝันไปเถอะ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ