นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1359

ไม่สนว่าองค์หญิงหมิงเว่ยจะยินดีหรือไม่ ไม่สนว่าฮองเฮาจะใช้ลูกไม้อะไร องค์หญิงหมิงเว่ยก็ต้องกลับไปพร้อมกับทูตของหนานหลิง และจะต้องกลับไปภายในค่ำคืนนี้

ก่อนที่จะจากไป องค์หญิงหมิงเว่ยขอร้องทูตแห่งหนานหลิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้พวกเขาไปบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่านางต้องการพบกับเฟิ่งชิงเฉิน บอกว่านางรู้ความลับของเฟิ่งชิงเฉิน และนางก็อยากพูดมันออกมาต่อหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน

แม้ว่าองค์หญิงหมิงเว่ยไม่อยากจะบอกความลับนี้กับเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย แต่นางก็ไม่อยากตายจริง ๆ เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป เพื่อเกียรติยศและความมั่งคั่ง สิ่งที่นางสูญเสียไปนั้นมากเกินกว่าจะรับได้ และนางก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยมันไปจริง ๆ

หวังจิ่นหลิงกำลังจ้องมององค์หญิงหมิงเว่ย ในตอนที่องค์หญิงหมิงเว่ยคิดว่าหวังจิ่นหลิงจะปฏิเสธ หวังจิ่นหลิงก็ยอมรับคำขอของนาง ให้ทูตแห่งหนานหลิงและองค์หญิงหมิงเว่ยรออยู่ลานด้านนอกของตระกูลหวัง และห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาพบเจอกับองค์หญิงหมิงเว่ยเป็นอันขาด

หลังจากที่หวังจิ่นหลิงจากไปได้ไม่นาน ลั่วอ๋องก็เดินทางมาพร้อมกับองครักษ์หน่วยใหญ่ ต้องการพบกับองค์หญิงหมิงเว่ย แต่น่าเสียดายที่หวังจิ่นหลิงเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรก ประกอบกับคนที่ออกหน้ามารับก็คือทูตแห่งหนานหลิง นอกเสียจากลั่วอ๋องต้องการก่อสงครามระหว่างสองประเทศ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางกล้าบุกเข้าไปเป็นแน่

ลั่วอ๋องล้มเหลวและผิดหวัง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอย่างที่ใคร ๆ คิด มีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏออกมาให้เห็นบนใบหน้า แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง

หวังจิ่นหลิงออกเดินทางอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่อาจปกปิดความสง่างามของเขาได้ เข้าไปถึงจวนเฟิ่งในยามที่แสงจันทร์สาดส่อง ยืนรออยู่ที่ลานเพื่อรอให้เฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัว แสงจันทร์และหมอกลอยอยู่รอบ ๆ และกระทบร่างกายของเขา ทำให้เขาเหมือนกับผู้ที่ลงมาจากสวรรค์พร้อมกับบันไดของแสงจันทร์ สง่างามอย่างไม่อาจเทียบเทียม

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากทำลายความงดงามที่เหมือนกับอยู่ในเทพนิยาย นางจึงค่อย ๆ ลดความเร็วในการก้าวเดิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รบกวนเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อหวังจิ่นหลิงสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวแปลก ๆ จากทางด้านหลัง เขาก็หันกลับไปทันที ชายเสื้อของเขาโยกสะบัด พลิ้วไหวไปกับสายลง จากนั้นก็ตกลงมาอีกครั้ง

เห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ในเงามืด หวังจิ่นหลิงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับก้าวไปด้านหน้า “ชิงเฉิน”

ทั้งสองคนจ้องมองกัน ตกอยู่ในภวังค์แห่งความงดงาม แต่น่าเสียที่เฟิ่งชิงเฉินซึ่งหมกมุ่นอยู่กับตัณหาชายของหวังจิ่นหลิงไม่ได้สังเกตเห็น นางเพียงก้าวมาด้านหน้าและถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจว่า “เจ้าเพิ่งจะกลับมา เหตุใจถึงมีเวลามาหาข้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

“องค์หญิงหมิงเว่ยอยากพบเจ้า บอกว่ามีเรื่องส่วนตัวจะบอกเจ้า” ที่จริงเขาก็ไม่มีเวลาว่างที่จะมา แต่ไม่มีเหตุผลที่จะมา หากไม่ใช่เพราะข้ออ้างนี้ขององค์หญิงหมิงเว่ย เขาคงไม่มีเหตุผลที่จะมาหาเฟิ่งชิงเฉินในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้

“องค์หญิงหมิงเว่ย? ไม่พบ” เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น

“ไม่พบจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ดูจากท่าทีของนาง ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก และไม่มีความกล้าที่จะโกหก” หวังจิ่นหลิงเห็นเฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ เขาจึงกล่าวให้คำแนะนำออกมา

เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างจากปากขององค์หญิงหมิงเว่ย

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า “ไม่จำเป็น เรื่องที่องค์หญิงหมิงเว่ยต้องการจะพูดกับข้าก็คือเรื่องสมบัติของตระกูลลู่ ข้าคิดว่านางน่าจะอยากใช้สมบัติของตระกูลลู่มาแลกกับการที่นางไม่ต้องกลับไปยังหนานหลิง”

“สมบัติของตระกูลลู่?” หวังจิ่นหลิงเข้าใจในทันใด ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ที่แท้......ท่านอาจารย์ก็ต้องตายเพราะเงิน”

ฮองเฮากับลั่วอ๋องยอมปกป้ององค์หญิงหมิงเว่ย เกรงว่าทั้งหมดก็เป็นเพราะสมบัติของตระกูลลู่

“ผู้อาวุโสเหวินหยวนตายเพราะความโลภของคนอื่น มันไม่ใช่ความผิดของเงินทอง แต่เป็นความผิดของใจคน” ไม่ว่าสมบัติของตระกูลลู่จะถูกซ่อนไว้ที่ไหน มันก็ไม่ได้ไปรบกวนผู้ใด ทั้งหมดเกิดจากความโลภของคน

หวังจิ่นหลิงมองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป บรรยากาศโดยรอบเงียบจนน่ากลัว เคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาเบา ๆ

ผู้อาวุโสเหวินหยวนจะเป็นหรือตาย มันก็ “ไม่ได้ถูกกำหนดด้วย” สมบัติของตระกูลลู่ เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ทำได้เพียงหวังว่าหวังจิ่นหลิงจะเข้าใจ

ไม่ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินผิดหวัง หลังจากหวังจิ่นหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ปล่อยวางเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ต้องการถามถึงที่อยู่ของสมบัติพวกนั้นจากปากขององค์หญิงหมิงเว่ยหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ