นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1360

สรุปบท บทที่ 1360 ลงมือ, นางจะเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1360 ลงมือ, นางจะเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1360 ลงมือ, นางจะเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เฟิ่งชิงเฉินรู้มาโดยตลอดว่าภูมิหลังของครอบครัวมีความสำคัญเพียงใด หากต้องการลากลั่วอ๋องลงมาจากตำแหน่ง วิธีที่ดีที่สุดก็คือลงมือกับฮองเฮาใน ตอนที่ฮองเฮาไม่ใช่ฮองเฮาอีกต่อไป สถานะของลั่วอ๋องและองค์หญิงอันผิงก็จะลดลงเป็นอย่างมาก

เมื่อเทียบกับโจวอ๋อง ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลั่วอ๋องก็คือ เขาเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุผลที่องค์รัชทายาทองค์ก่อนถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทก็เพราะเขาเป็นลูกของฮองเฮาคนก่อน สถานะของเขานั้นเหนือกว่าองค์ชายคนอื่นเป็นอย่างมาก

รองจากองค์รัชทายาทองค์ก่อน พระราชโอรสที่โดดเด่นที่สุดก็คือลั่วอ๋อง หากจักรพรรดิสิ้นพระชนม์โดยไม่ทิ้งราชโองการสืบราชบัลลังก์ ก็มีโอกาสสูงที่ลั่วอ๋องจะได้สอบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

“ปล่อยให้ลั่วอ๋องได้ครองบัลลังก์ไม่ได้เป็นอันขาด” หลังจากผ่านช่วงยุ่งงาน หวังจิ่นหลิงก็กลับมายังจวนเฟิ่งอีกครั้ง และได้พบกับซูเหวินชิงที่มาหาเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน

ซูเหวินชิงพยักหน้า “คุณชายใหญ่พูดถูก ปล่อยให้ลั่วอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ไม่ได้เป็นอันขาด หากเขาได้ครองบัลลังก์ขึ้นมาจะต้องเกิดปัญหาเป็นแน่ เขาไม่มีทางปล่อยเสด็จอาเก้ากับเจ้าไปเป็นแน่”

ด้วยนิสัยของลั่วอ๋อง เขาจะต้องดึงตัวเฟิ่งชิงเฉินกลับไปอยู่ในกำมือของเขาเพื่อเป็นการดูหมิ่นและเย้ยหยันเสด็จอาเก้า ลั่วอ๋องเป็นองค์ชายนิสัยเสีย เวลานี้เขายังอดทนเอาไว้ได้ แต่หากได้ครองบัลลังก์ขึ้นมา เขาไม่มีทางทนต่อไปอีกเป็นแน่

“เช่นนั้นเจ้าอยากให้โจวอ๋องขึ้นครองบัลลังก์งั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินถามซูเหวินชิงกลับไป

“แน่นอนว่าไม่” ซูเหวินชิงปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “สองคนนี้ ไม่ว่าใครได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ล้วนไม่เป็นประโยชน์ต่อเสด็จอาเก้า ไม่ว่าจะเป็นลั่วอ๋องหรือโจวอ๋อง ทั้งคู่ต่างเป็นคนที่เฉียบแหลมและแข็งแกร่ง พวกเขาได้เปิดศึกกับเสด็จอาเก้าอย่างเปิดเผยไปแล้ว หากพวกเขาได้กุมอำนาจ จะต้องหันดาบมาทางเสด็จอาเก้าเป็นแน่

เวลานี้พวกเขาไม่ใช่เทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้รับความยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีความเข้าใจ สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำคือขึ้นรับตำแหน่งและจัดการกับเสด็จอาเก้า ด้วยนิสัยและอารมณ์ของพวกเขา พวกเขาสามารถเขย่ารากฐานของประเทศได้อย่างไม่ลังเล

แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่กลัวพวกเขา แต่สถานการณ์ของประเทศทั้งสี่และหัวเมืองทั้งเก้าในตอนนี้กำลังอยู่ในความตึงเครียด เสด็จอาเก้าไม่มีเวลามากพอที่จะเอามาทิ้งไว้กับตงหลิง ตอนนั้นเพื่อให้จักรพรรดิยอมถอย เสด็จอาเก้าต้องเสียเวลาไปนานหลายปี เขาไม่อาจเสียเวลาต่อไปได้อีกแล้ว แม้แค่ปีเดียวก็ตาม หากทุกอย่างล่องลอยไปตามสายลมและสายฝน พวกเราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”

ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดยอมปล่อยให้อำนาจของตนเองตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น ที่จักรพรรดิปฏิบัติกับเสด็จอาเก้าเช่นนี้ก็เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ หากจักรพรรดิต้องการครองโลก ขอแค่เสด็จอาเก้าไม่ต้องการครอบครองบัลลังก์ เขาก็ต้องยอมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ปล่อยให้เสด็จอาเก้าได้มีอิสระในขอบเขต ส่วนเรื่องจักรพรรดิองค์ใหม่ เรื่องนี้มันก็พูดยาก

ตอนแรกนางก็แค่อยากจะดึงฮองเฮาลงมา แต่เวลานี้ดูเหมือนว่านางคงต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของราชสำนักด้วย เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “จักรพรรดิยังไม่ตาย การที่พวกเราพูดคุยถึงเรื่องพวกนี้มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ?”

“ไม่เร็ว จักรพรรดิจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ข้าได้ยินมาจากหมอหลวงในพระราชวังแล้ว ร่างกายของจักรพรรดินั้นว่างเปล่า ภายนอกจากจะดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่อวัยวะภายในเสียหาย ต่อให้พักฟื้นดีแค่ไหนก็มีชีวิตได้อีกไม่เกิดสองปี แต่หากถูกกระตุ้นด้วยเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่เดือน แน่นอนว่าจักรพรรดินั้นไม่รู้เรื่องนี้” ในตอนที่หวังจิ่นหลิงพูดออกมา เขาจงใจมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้หลบตา พยักหน้าตอบรับเบา ๆ ยืดอกยอมรับว่าเป็นฝีมือของนาง

นางวางแผนมาเป็นปี มอบยาให้กับนางสนมเหล่านั้น สิ่งที่นางรออยู่ก็คือวันนี้

“สามารถหลบหลีกการตรวจสอบของหมอหลวงได้ ทักษะทางการแพทย์ของชิงเฉินก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว” หวังจิ่นหลิงชื่นชมจากใจจริง ตอนแรกซูเหวินชิงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกัน แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหวังจิ่นหลิงเขาก็เข้าใจในทันที “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก”

ถึงขั้นกล้าลงมือกับจักรพรรดิอย่างลับ ๆ ขนาดเสด็จอาเก้ายังไม่กล้าทำ ข้างกายของจักรพรรดิมีคนสนิทอยู่มากมาย หากจักรพรรดิรู้สึกตัว ทำการโต้กลับทุกวิถีทาง ผลที่ตามมา ต่อให้เป็นเสด็จอาเก้าก็ไม่อาจแบกรับเอาไว้ได้

แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองทำอะไรลงไป แต่จะให้พูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางยอมรับ นางกล่าวออกไปอย่างตำหนิ “เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ข้าเป็นหมอ ก็แค่จ่ายยาในสิ่งที่ผู้ป่วยหรือคนไข้ต้องการเท่านั้น”

แต่ในยาดังกล่าวมียาพิษอยู่สามส่วน จักรพรรดิใช้ยาดังกล่าวเกินขนาดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาง นางได้เตือนพวกนางสนมไปแล้ว บอกให้พวกนางใช้ยาตามจำนวน แต่พวกนางแค่ไม่ยอมฟังเท่านั้น

“หมอหลวงบอกว่าจักรพรรดิมีกิจกรรมทางเพศมากเกินไป” หวังจิ่นหลิงกล่าวออกมาเพื่อเป็นพยานให้เฟิ่งชิงเฉิน เห็นได้ชัดว่าซูเหวินชิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสองคน จึงยอมเงียบปากไป

“พวกเราทำไม่ได้ แต่มีคนทำได้” หวังจิ่นหลิงเขียนชื่อของคนดังกล่าวลงบนโต๊ะด้วยนิ้วของเขา เฟิ่งชิงเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงกล่าวออกมาว่า “นางจะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป”

ไม่รอให้หวังจิ่นหลิงพูดออกมา ซูเหวินชิงก็ตอบกลับมาว่า “เหตุใดจะไม่เห็นด้วย ความมั่งคั่งและเกียรติยศล้วนอยู่ในใจของคน เวลานี้นางคือสนมเอกของจักรพรรดิ หากฮองเฮาล้มลง นางก็เป็นคนแรกที่จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา และไม่แน่ว่าลูกของนางอาจจะได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป”

“นี่ไม่ใช่ความทะเยอทะยานของนาง” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าสนมเอกเซี่ยไม่เคยมีแผนการเช่นนี้อยู่ในใจ ต่อให้เคยคิด แผนการนี้ก็เร็วเกินไป องค์ชายแปดอายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าจะได้นั่งบนบัลลังก์ เขาก็เป็นได้แค่ของตกแต่ง ด้วยความฉลาดของสนมเอกเซี่ย นางไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้เป็นแน่

“หลังจากเรื่องนี้สำเร็จ บางทีอาจจะปล่อยให้พวกนางสองแม่ลูกเป็นอิสระ” หวังจิ่นหลิงกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

เป็นคนย่อมมีจุดอ่อน สนมเอกเซี่ยไม่อยากให้ลูกชายของตนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือหนีออกไปจากพระราชวัง หนีไปให้ไกลที่สุดจากการแย่งชิงอำนาจ สองแม่ลูกถึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุข

“ตกลง ข้าจะหาโอกาสไปคุยกับนาง” เฟิ่งชิงเฉินเชื่อ มีความเป็นไปได้สูงว่าสนมเอกเซี่ยจะตกลง และด้วยวิธีนี้......หากนางต้องการต่อสู้กับตระกูลเซี่ย มันก็ทำให้ความหนักใจที่นางมีอยู่ลดน้อยลง

“ไม่ต้อง ข้าจะให้คนไปคุยกับนางเอง” หวังจิ่นหลิงไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากเกินไป อีกอย่าง......

“ใช่ คำพูดของเจ้าถึงจะเพียงพอต่อความเชื่อถือของนาง คนอย่างข้า นางจะมาเชื่อถือได้อย่างไร” เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ใช่คนโง่ เสด็จอาเก้าไม่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ สิ่งที่นางเป็นคนพูดออกมา สนมเอกเซี่ยหลงเชื่อก็คงบ้าไปแล้ว

ต้องรู้ก่อนว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่สนมเอกเซี่ยและลูกของนางเพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยอีกทั้งตระกูล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ