นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1364

สรุปบท บทที่ 1364 บีบบังคับ, เสด็จอาเก้าไม่มีทางมา: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1364 บีบบังคับ, เสด็จอาเก้าไม่มีทางมา – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1364 บีบบังคับ, เสด็จอาเก้าไม่มีทางมา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อมองจากภาพรวมแล้ว ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือเสด็จอาเก้า เพียงแต่......

เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธออกไปทันทีโดยไม่คิด “ไม่มีทาง ชุนอ๋องเป็นหลานชายของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าไม่มีทางลงมือกับเขาเป็นแน่”

หากเสด็จอาเก้าเลือดเย็นถึงเพียงนั้น เขาคงไม่ทนต่อองค์รัชทายาทครั้งแล้วครั้งเล่า องค์รัชทายาทข้ามเส้นของเสด็จอาเก้ามาหลายครั้ง หากเป็นคนอื่น เกรงว่าองค์รัชทายาทคนได้เป็นปุ๋ยอยู่ในดินไปนานแล้ว

แต่เนื่องจากคนผู้นั้นคือองค์รัชทายาท คือคนที่มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา ตอนนั้นเสด็จอาเก้าจึงมอบโอกาสให้ครั้งแล้วครั้งเล่า

หากเสด็จอาเก้าต้องการเอาชีวิตชุนอ๋อง เขาก็สามารถสังหารชุนอ๋องได้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ เหตุใดจะต้องทำให้เรื่องราวมันลำบาก รอให้ชุนอ๋องออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยลงมือสังหาร

“หลานชาย?” ลั่วอ๋องกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าประเมินเสด็จอาเก้าสูงเกินไป อย่าว่าแต่หลานชายเลย ต่อให้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด หากเข้ามาขวางทางของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าก็สามารถลงมือสังหารได้ ในสายตาของเสด็จอาเก้า เขาเคยมองเห็นพวกข้าเป็นหลานชายเสียที่ไหน ชุนอ๋องคือหลานชายของเสด็จอาเก้า ข้าเองก็เป็นหลานชายของเขา แต่เจ้าก็เห็นว่าเขาปฏิบัติกับหลานชายอย่างพวกข้าเช่นไร”

“ข้าเชื่อใจเสด็จอาเก้า เขาไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้เป็นแน่ การตายของชุนอ๋องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขา” เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการกระตุ้นความโกรธของลั่วอ๋อง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยพูดแก้ต่างให้เสด็จอาเก้า

ในตอนที่ชุนอ๋องตาย เสด็จอาเก้าไม่ได้อยู่ในเมืองจักรพรรดิ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นพวกเขาเองที่มองเห็นโอกาส การโจมตีลั่วอ๋องและโจวอ๋องพร้อมกันนั้น มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เกี่ยวข้อง? ในเมื่อเจ้าเชื่อในเสด็จอาเก้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกเรามาเดิมพันกันดูไหม?” ลั่วอ๋องยิ้มออกมา ภายใต้แสงเทียนและแสงจันทร์สลัว มันดูแปลกประหลาดและชั่วร้ายเป็นอย่างมาก

จู่ ๆ หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินก็เต้นแรง นางรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์อันเลวร้าย เป้าหมายที่ลั่วอ๋องมาที่นี่ในวันนี้ก็คือนาง นางในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่

นางจะถูกอีกฝ่ายจับไปไม่ได้!

เฟิ่งชิงเฉินยกมีดขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น พุ่งเข้าแทงตงหลิงจื่อลั่ว เพียงแต่......

ลั่วอ๋องนั้นเร็วกว่าเฟิ่งชิงเฉินอยู่ก้าวหนึ่ง ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินเริ่มเคลื่อนไหว เขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นเพื่อจับข้อมือที่ถือมีดของเฟิ่งชิงเฉิน

เสียงกระทบพื้นดังขึ้น มีดในมือของเฟิ่งชิงเฉินร่วงหล่นลงพื้น

ลั่วอ๋องไม่ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินได้ตอบสนอง เคลื่อนที่ไปด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉินด้วยความเร็วที่ราวกับสายฟ้า จับข้อมือของเฟิ่งชิงเฉินไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็กดอยู่บนแผ่นหลังของเฟิ่งชิงเฉิน

ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว แม้จะมีระยะเวลาเพียงเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ตกอยู่ในมือของลั่วอ๋องเป็นที่เรียบร้อย เห็นได้ว่าลั่วอ๋องเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการรับมือกับเฟิ่งชิงเฉินได้ดีเพียงใด

จัดการเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างราบรื่น ทำให้ลั่วอ๋องรู้สึกดีเป็นอย่างมาก ลั่วอ๋องเอียงศีรษะมาข้างหูของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็กระซิบออกมาว่า “ชิงเฉิน เจ้าว่า หากตอนนี้ข้าตัดมือทั้งสองข้างของเจ้าจะเป็นอย่างไร? หากไม่มีมือคู่นี้ เจ้าลองคิดดูว่า คนอย่างเสด็จอาเก้าจะยังต้องการคนอย่างเจ้าอยู่หรือไม่?”

อากาศร้อนที่พ่นออกมาจากลมหายใจของเขา พุ่งตรงไปยังต้นคอของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกอึดอัด การมีปฏิกิริยาตอบโต้ทำให้ลั่วอ๋องก่อกวนนางมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดสินใจกัดฟันและอดทนอย่างนิ่งสงบ

แม้แต่ในตอนที่มือขวาของลั่วอ๋องสัมผัสไปที่เอวของนาง ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินแข็งทื่อ แต่นางก็เลือกที่จะไม่สนใจ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า การเคลื่อนไหวของนางก็มีผลเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลั่วอ๋อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่นางตกไปอยู่ในมือของลั่วอ๋อง ต่อให้นางฮึดสู้แค่ไหน นางก็ไม่อาจเอาชนะลั่วอ๋องไปได้

ตอนนี้ลั่วอ๋องทุกอย่างถูกควบคุมโดยลั่วอ๋อง มันไม่มีประโยชน์ที่นางจะดื้อดึงหรือทำตัวสุภาพต่อหน้าลั่วอ๋อง มีแต่ทำให้เปลืองแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่สู้นิ่งเฉยเพื่อดูสถานการณ์ต่อไป ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็มีโอกาสได้กลับตัว

“ฮ่าฮ่าฮ่า รู้จักเวลาจริง ๆ ฉลาดจนทำให้รู้สึกว่าอยากเก็บเอาไว้ตลอดไป” ลั่วอ๋องพอใจกับการเชื่อฟังของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างมาก งับใบหูด้านล่างของเฟิ่งชิงเฉิน ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินสั่นเทา ความละอายใจและความโกรธปรากฏออกมาจากแววตาของนาง แต่น่าเสียดายที่ลั่วอ๋องมองไม่เห็น

ลั่วอ๋องงับติ่งหูของเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็นำปลายลิ้นมาสัมผัสที่ลำคอของเฟิ่งชิงเฉิน “เจ้าว่า หากเสด็จอาเก้ารู้ว่าเจ้าตกอยู่ในมือของข้า เขาจะมาช่วยเจ้าหรือไม่?”

“คนใช้ในจวนของเจ้า เชื่อฟังคำสั่งของเจ้ามาก รอให้ข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ ข้าเองก็จะทำให้เจ้าเชื่อฟังข้าเหมือนกับที่พวกเขาเชื่อฟังเจ้า” เชื่อฟังคำสั่งในตอนแรกไม่มีอะไร แต่เชื่อฟังคำสั่งในตอนหลังนั้นมีความหมายที่ลึกซึ้ง

เฟิ่งชิงเฉินทนต่อความหนาวเย็นที่น่ารังเกียจ เดินออกไปนอกลาน ในสมองคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะหลุดไปจากเนื้อมือของลั่วอ๋องได้อย่างไร แต่น่าเสียดาย คืนนี้ลั่วอ๋องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี การที่เฟิ่งชิงเฉินคิดจะหนีไปจากเนื้อมือของเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เป็นอย่างดี ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินและลั่วอ๋องออกไปจากจวนเฟิ่ง รถม้าคันหนึ่งก็เข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าของลั่วอ๋อง จากนั้นลั่วอ๋องก็อุ้มเฟิ่งชิงเฉินกระโดดขึ้นไปบนรถม้า

“ไป!” ไม่รอให้ลั่วอ๋องออกคำสั่ง รถม้าก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อลั่วอ๋องขึ้นไปบนรถม้า ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากมุมถนน ขวางหน้าองครักษ์ของจวนเฟิ่งเอาไว้ องครักษ์ของจวนเฟิ่งจึงทำได้เพียงมองรถม้าคันนั้นแล่นออกไป

ในฐานะคนต้อยต่ำที่ถูกลักพาตัว เฟิ่งชิงเฉินไร้ซึ่งอำนาจใด ๆ ทันทีที่ลั่วอ๋องขึ้นรถม้า เขาก็โอบกอดเฟิ่งชิงเฉินราวกับโอบกอดสุนัขไม่มีผิด

เฟิ่งชิงเฉินนอนอยู่บนตักของลั่วอ๋อง ขาทั้งสองข้างงอ มือซ้ายบิดไปทางด้านหลัง มือขวาถูกกดไว้ใต้เขา นี่เป็นท่าที่ทรมานและอึดอัดมาก แขนขาของนางแข็งทื่อ นอกจากนี้รถม้ายังแล่นไปบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกมึนงงขึ้นไปอีก

เฟิ่งชิงเฉินกัดลิ้นของตัวเองเพื่อเรียกสติและรอโอกาสต่อไป

รถม้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ไม่นานก็ออกจากเมือง ถนนด้านนอกเมืองยิ่งเป็นหลุมเป็นบ่อมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกอึดอัดราวกับว่าตนเองกำลังจะตาย ดูเหมือนลั่วอ๋องจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของเฟิ่งชิงเฉิน เขาจึงปล่อยคลายให้เล็กน้อย

ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย นางรู้ว่าโอกาสของนางใกล้จะมาถึงแล้ว ในตอนที่ลั่วอ๋องหลับตาเพื่อผ่อนคลาย เฟิ่งชิงเฉินใช้โอกาสตอนที่รถม้ากระแทกกับทางที่ไม่ราบเรียบ ดึงมือขวาออกเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ ยกขึ้นด้านบน

ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน มือขวาของเฟิ่งชิงเฉินมีมีดผ่าตัดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเล่ม แต่เนื่องจากมือขวาของเฟิ่งชิงเฉินถูกกดอยู่ด้านล่างของร่างกายมาโดยตลอด ลั่วอ๋องจึงไม่อาจมองเห็นได้......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ