นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1366

สรุปบท บทที่ 1366 ชะตากรรมอันโชคร้าย, พรหมลิขิตบ้าอะไร: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1366 ชะตากรรมอันโชคร้าย, พรหมลิขิตบ้าอะไร จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1366 ชะตากรรมอันโชคร้าย, พรหมลิขิตบ้าอะไร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

แม้แต่พระเจ้ายังช่วยเฟิ่งชิงเฉิน หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินวิ่งเข้าไปในป่าเล็กได้ไม่นาน สายฝนก็สาดลงมา และเป็นฝนที่ตกหนัก

สายฝนสาดลงมาอย่างต่อเนื่อง ลบร่องรอยของเฟิ่งชิงเฉินในทันที เหล่าองครักษ์ที่ถือคบเพลิงไล่ล่าเฟิ่งชิงเฉินตามแสดงความโกรธเกรี้ยวและสาปแช่งออกมา

“นี่มันอากาศบ้าอะไร อยู่ดี ๆ ฝนก็ตก” องครักษ์มองคบเพลิงในมือที่ดับลงเพราะสายฝน เขาโยนมันทิ้งด้วยความโกรธ ก้าวขาออกไปข้างหนึ่ง เหยียบคบเพลิงดังกล่าวเพื่อระบายความโกรธ

“ฝนตกหนักขนาดนี้ พวกเราจะหาตัวอีกฝ่ายได้อย่างไร ตอนแรกก็หายากอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” องครักษ์อีกคนพูดออกมาพร้อมกับโยนคบเพลิงในมือทิ้งไป นำมือขึ้นมาเช็ดฝนที่ตกลงมาบนใบหน้า

“ร่องรอยต่าง ๆ ถูกลบไปด้วยสายฝน พื้นที่ที่ก้าวใหญ่ขนาดนี้ แถมพวกเราก็ไม่คุ้นเคย ใครจะไปรู้ว่านางหนีไปที่ไหน และไม่รู้ว่าในป่านี้มีอันตรายอะไรซ่อนอยู่อีกหรือเปล่า” องครักษ์แต่ละคนต้องการล้มเลิกการค้นหาในครั้งนี้ ไม่มีใครต้องการตามหาเฟิ่งชิงเฉินต่อไป

การตามหาคนในป่าช่วงเวลากลางคืนนั้นเป็นอะไรที่ลำบากอยู่แล้ว แถมตอนนี้ฝนก็ตก มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายจริง ๆ ใครบ้างจะอยากทำเรื่องพวกนี้

แน่นอนว่ามีองครักษ์ที่ไม่ยอมแพ้ “เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวยังกล้าเข้าไปหลบซ่อนในป่า พวกเรามีตั้งหลายคน เช่นนั้นจำเป็นจะต้องกลัวอะไร? ผู้หญิงเพียงคนเดียวจะหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน พวกเราลองตามหาให้ทั่ว ไม่แน่ว่าอาจจะเจอตัวอีกฝ่ายก็ได้”

เมื่อคำพูดนี้ดังออกไปก็มีเสียงคัดค้านขึ้นมาทันที “ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่กลัวหรือไม่กลัว แต่มันอยู่ที่ตามหาอย่างไรก็ตามหาไม่เจอ พื้นที่ที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ พวกเราจะเริ่มตามหานางตั้งแต่ตรงไหน?”

“ใช่ เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป อย่ามองว่านางเป็นผู้หญิงธรรมดา เพื่อที่จะลักพาตัวนางออกมา พวกเราต้องเสียสละพี่น้องถึงห้าสิบคน” คนที่พูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ สำหรับพี่น้องที่จากไปในค่ำคืนนี้ พวกเขารู้สึกเสียใจและภูมิใจแทนพวกเขา

พวกเขาเป็นคนแรกที่ลักพาคนใครสักคนออกมาจากการคุ้มกันของเสด็จอาเก้าได้

“หากตามหานางไม่พบ ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยพวกเราไปแน่” องครักษ์ที่ขาดความกล้ายกชื่อของลั่วอ๋องขึ้นมาอ้าง เมื่อประโยคนี้ดังขึ้นก็ไม่มีใครส่งเสียงออกมา

พวกเขาเห็นมากับตา ลั่วอ๋องยอมเสียสละตนเองเพื่อปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน บาดแผลด้านหลังศีรษะของเขา มันรุนแรงจนน่าตกใจ เลือดที่กองอยู่บนพื้น มันทำให้คนที่เป็นทหารอย่างพวกเขาตกใจจนแทบเป็นลม

ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่าบาทจะเป็นอะไรหรือไม่

องครักษ์เริ่มเป็นกังวล ความไม่พอใจที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินเพิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ลองตามหาดูอีกสักครั้งไหม?” องครักษ์ไม่กล้าพูดว่าจะถอย เพียงแต่......

สภาพอากาศแบบนี้ไม่เอื้ออำนวยจริง ๆ

“ลองดูแล้วกัน หากฝนยังไม่หยุดตกเช่นนี้ พวกเราแยกย้ายกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน พรุ่งนี้ค่อยตามหาใหม่ ในสภาพอากาศที่ฝนตกเช่นนี้ แม่นางเฟิ่งที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่มีทางหนีไปได้ไกลเป็นแน่” องครักษ์ที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดพูดออกมา ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่มีความเห็น

ในความเป็นจริง องครักษ์เหล่านี้คาดเดาได้ถูกต้อง เฟิ่งชิงเฉินหนีไปไหนได้ไม่ไกล ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันไม่เกินร้อยเมตร หากเป็นเวลาที่ฟ้าสว่าง เฟิ่งชิงเฉินจะต้องถูกเปิดเผยโดยเร็วเป็นแน่

แต่เนื่องจากฟ้ามืดและฝนตกหนัก ทัศนวิสัยถูกบดบัง องครักษ์เหล่านี้จึงไม่สังเกตเห็นเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินกำลังซ่อนตัวอยู่ในกองหญ้า พักผ่อนอยู่ระยะหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็อธิษฐานอย่างเงียบ ๆ ขอให้ฝนยังคงตกลงมาเช่นนี้ต่อไป

ไม่รู้ว่าพระเจ้าไม่ไว้หน้าลั่วอ๋องหรือว่าฟังคำอธิษฐานของเฟิ่งชิงเฉิน ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง และในช่วงเวลาดังกล่าว เฟิ่งชิงเฉินได้หนีออกมาตั้งนานแล้ว ต่อให้ฝนหยุดตกในตอนนี้ องครักษ์ก็ไม่มีทางตามหานางเจอ

องครักษ์ทำอะไรไม่ได้นอกจากแยกย้ายกันกลับไป เตรียมตัวที่จะรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเข้ามาตามมาเฟิ่งชิงเฉินในวันพรุ่งนี้

ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่กล้าที่จะหยุดเคลื่อนไหว หยิบเสื้อแจ็คเก็ตออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ ก้าวไปด้านหน้าอย่างหดหู่ ส่วนนางกำลังเดินต่อไปทางไหนนั้น เรื่องนี้นางเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

นางอยากจะใช้โอกาสตอนที่ฝนตกหนีไปให้ไกลที่สุด หากเป็นเช่นนี้ต่อให้ฟ้าสว่าง คนพวกนั้นก็ไม่สามารถตามรอยเท้านางมาได้ หลังจากนั้นนางก็เดินต่อไปเช่นนี้จนฟ้าสว่าง

“น่าจะมาไกลพอสมควรแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ก้าวเดินต่อไป แต่หาพื้นที่ราบบริเวณใกล้เคียง เมื่อตรวจสอบแล้วว่ารอบ ๆ ไม่มีใคร นางก็นำเสื้อผ้าสะอาดตัวใหม่ออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินฟื้นขึ้นมา นางพบว่านางยังคงนอนอยู่ที่เดิม รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น การหมดสติไปครั้งนี้ทำให้อาการของนางรุนแรงขึ้น เฟิ่งชิงเฉินพยายามลุกขึ้นนั่ง ร่างกายของนางหมดสภาพและไร้เรี่ยวแรง

หยิบกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกมาอย่างยากลำบาก หยิบยาออกมาและกลืนเข้าไป จากนั้นก็แขวนยาไว้ข้างเอวสองขวด เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าตนเองมีพลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อดทนต่อความไม่สบายใจ กุมแขนซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บและลุกขึ้นยืน

“หิว” เฟิ่งชิงเฉินลูบท้องน้อยของตนเอง มองไปบนภูเขาที่รกร้าง และรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง

นางจะต้องไปทางไหน?

นางจะหาของกินได้จากที่ไหน?

นางพบว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้ มันไม่ได้ดีไปกว่าการที่นางตกไปอยู่ในมือของลั่วอ๋องเลย อยู่กับลั่วอ๋อง อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องป่วยไม่ต้องหิว แต่ตอนนี้......

นอกจากอิสระ นางไม่มีอะไรทั้งนั้น หากไม่ใช่เพราะว่ามีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอยู่ พึ่งพาได้เพียงแขนและขาคู่นี้ เกรงว่านางคงตายอยู่ที่นี่ไปแล้ว

“ตงหลิงจิ่ว เจ้าคนบ้า ทุกครั้งที่ข้าต้องการเจ้า เหตุใดข้าจึงไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงสภาพของตนเองในเวลานี้ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมา

ทั้งหมดเป็นเพราะเสด็จอาเก้า เขาเป็นคนทำให้หลายชายของเขาวิปริตเช่นนี้

เสด็จอาเก้าที่ถูกเฟิ่งชิงเฉินโกรธอยู่ที่ไหน?

ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ศาลาเสวียนชิง ในที่สุดฉินเป่าเอ๋อก็ได้รับความปรารถนาอันยาวนาน นางได้พบกับเสด็จอาเก้า หรือก็คือหลานจิ่วชิง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ