นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1373

สรุปบท บทที่ 1373 ร่วมมือ, พระเจ้าช่วยผู้ที่ช่วยเหลือตนเอง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1373 ร่วมมือ, พระเจ้าช่วยผู้ที่ช่วยเหลือตนเอง จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1373 ร่วมมือ, พระเจ้าช่วยผู้ที่ช่วยเหลือตนเอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เป็นไปตามการคาดเดาของเฟิ่งชิงเฉิน ในตอนที่องครักษ์กลุ่มนี้คิดว่าหวังจิ่นหลิงไม่กล้าลงมือกับพวกเขา และคิดว่าพวกเขาสามารถฝ่าออกไปได้ หวังจิ่นหลิงออกคำสั่งมาทันที “ล้อมพวกเขาเอาไว้ สังหารม้า”

“ขอรับ” องครักษ์ของตระกูลหวังไม่รอให้ม้าหยุดเคลื่อนที่ เขาหยิบคันธนูขึ้นมาและเล็งไปที่ม้าอย่างเยือกเย็น คำนวณทิศทางและการเคลื่อนไหวของม้า จากนั้นก็ปล่อยลูกธนูออกไป

“คุณชายใหญ่ ให้คนของท่านถอยไป ไม่อย่างนั้นข้าจะตัดมือของแม่นางเฟิ่งทิ้ง” องครักษ์ของลั่วอ๋องไม่ได้โง่ เมื่อได้ยินคำสั่งของหวังจิ่นหลิง พวกเขาก็พาตัวเฟิ่งชิงเฉินออกมาทันที

มีตัวประกันอยู่ในมือ พวกเขาจะต้องกลัวอะไร

ในฐานะตัวประกัน เฟิ่งชิงเฉินไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ แน่นอนว่านางไม่มีทางร้องตะโกนออกไป หรือบอกว่าตนเองกำลังหวาดกลัวและขอให้หวังจิ่นหลิงช่วยเหลือนางโดยเร็ว

เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองมาที่หวังจิ่นหลิงด้วยใบหน้าอันเงียบสงบ ปากของนางเปิดขึ้นเล็กน้อย บอกกับหวังจิ่นหลิงอย่างไร้เสียงว่านางไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง

ในตอนนั้นเอง สิ่งที่นางกังวลก็มีแค่นางจะเป็นตัวปัญหาสำหรับหวังจิ่นหลิง การแสดงของนางในฐานะตัวประกันจะส่งผลร้ายแรงต่อการตัดสินของผู้ช่วยเหลือ

เป็นอย่างที่คิด ในตอนที่หวังจิ่นหลิงเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตกใจหรือเสียสติแต่อย่างใด ไม่ได้ร้องตะโกนหรือบ่งบอกว่าตนเองเจ็บปวด เขาก็สงบลงทันใด ความกังวลในใจก็หายไปเช่นกัน

“ยิง” หวังจิ่นหลิงไม่สนใจคำขู่ ตัดสินใจออกคำสั่งทันที

ให้คนของตนเองถอยไป เฟิ่งชิงเฉินก็ยังถูกคนพวกนี้จับไปอยู่ดี เขาไม่คิดที่จะไล่ตามคนพวกนี้ไปถึงเมืองหลวงเพียงเพราะว่าพวกเขามีตัวประกันอยู่ในมือ

“คุณชายใหญ่ ท่านไม่สนใจชีวิตของแม่นางเฟิ่งเลยอย่างนั้นหรือ?” เมื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจของหวังจิ่นหลิง องครักษ์ของลั่วอ๋องเองก็ร้อนรนเช่นกัน แบบนี้การที่พวกเขามีตัวประกันอยู่ในมือมันจะไปมีประโยชน์อะไร?

องครักษ์ของตระกูลหวังไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หวังจิ่นหลิงออกคำสั่งให้พวกเขายิ่ง พวกเขาก็ปล่อยลูกธนูที่อยู่ในมือออกไปโดยไม่ลังเล

“ควับ ควับ ควับ......” ลูกธนูพุ่งผ่านอากาศ เสียงดังฟังชัด มันพุ่งเข้าไปที่ท้องม้า และอีกลูกหนึ่งก็พุ่งเข้าไปที่ดวงตาของม้าพอดี

“ฮี้ ฮี้......” ม้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ขยับอย่างรุนแรงโดยไร้จุดหมาย รถม้าถูกดึงเป็นวงกลมทำให้ไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

ดาบที่จี้อยู่ตรงลำคอของเฟิ่งชิงเฉินหลุดออกไป แต่เลือดก็กระเซ็นไปที่หน้าออกของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงของนางถูกเสียงร้องอันบ้าคลั่งของม้าระงับเอาไว้ แต่ถึงกระนั้นหวังจิ่นหลิงก็ยังรับรู้มันอยู่ดี

หวังจิ่นหลิงหรี่ตาทั้งสองข้างลง มือซ้ายของเขากำหมัดแน่น จากนั้นก็ข่มขู่ออกไป “พวกเจ้าฟังให้ดี หากเฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าจะทำลายจวนลั่วอ๋องให้สิ้นซาก”

“พวกข้าไม่ได้......” องครักษ์คิดที่จะอธิบาย บอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนของจวนลั่วอ๋อง แต่หวังจิ่นหลิงไม่มีทางเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อธิบายออกมา เขาตะโกนออกมาว่า “ยังไม่รีบทิ้งดาบอีกอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าเชื่อไหม ข้าจะเข้าวังเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย จากนั้นให้จักรพรรดิเรียกลั่วอ๋องเข้าไปในวัง เมื่อถึงเวลานั้นลองมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลั่วอ๋อง”

ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน หลังจากรู้ว่าลั่วอ๋องได้รับบาดเจ็บ หวังจิ่นหลิงก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าคนที่ลักพาตัวเฟิ่งชิงเฉินไปครั้งนี้ก็คือคนของลั่วอ๋อง และลั่วอ๋องก็เป็นคนลงมือด้วยตัวเอง

“คุณชายใหญ่ ท่านกล้า......” แม้ว่าองครักษ์ไม่กลัว แต่พวกเขาก็กลัวสิ่งที่หวังจิ่นหลิงจะทำกับลั่วอ๋อง

ลั่วอ๋องเป็นเจ้านายของพวกเขา หากเกิดอะไรขึ้นกับลั่วอ๋อง พวกเขาก็ไม่กล้าจินตนาการว่าชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป

“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู ดูว่าข้ากล้าหรือไม่ ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม พวกเจ้าจงโดนดาบในมือทิ้งและกระโดดลงจากรถม้า” ปลายมีดทิ่มฝ่ามือ แต่หวังจิ่นหลิงกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด

เขากังวล กังวลเกี่ยวกับสภาพของเฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ แต่เขารู้ว่าเขาไม่อาจแสดงมันออกมาได้ และไม่สามารถอ่อนข้อให้อีกฝ่าย หากอ่อนข้อให้ อีกฝ่ายจะมีพลังขึ้นมาทันที

“สาม......” เสียงของหวังจิ่นหลิงไม่ได้ดังมาก แต่ฟังดูนุ่มนวลและไพเราะ แม้ว่าม้ายังคงส่งเสียงร้องอันเจ็บปวดออกมา แต่องครักษ์ของลั่วอ๋องก็ยังได้ยินเสียงของหวังจิ่นหลิง

“ทำอย่างไรดี?” องครักษ์ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก พวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีตัวประกันอยู่ในมือ มีอำนาจต่อรองมากกว่า แต่เหตุใดสถานการณ์ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

“สอง......” เสียงของหวังจิ่นหลิงดังขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจขององครักษ์เองก็ตื่นตระหนกและร้อนรนยิ่งขึ้น

องครักษ์ไม่ได้พูดโกหก หลังจากเช็ดชั้นฝุ่นบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ทุกคนก็สามารถมองเห็นแก้มแดงมากกว่าปกติของนาง

เฟิ่งชิงเฉินเป็นไข้สูง!

หัวใจของหวังจิ่นหลิงบีบรัด ดวงตาของเขามองผ่านใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินไปยังองครักษ์ กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ปล่อยนาง”

หัวใจขององครักษ์สั่นสะท้าน มือของเขาสั่น แต่ก็ยังยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง “ทางที่ดีคุณชายใหญ่หลีกทางไปเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้น......พวกข้าจะควักดวงตาของแม่นางเฟิ่งออกมาก่อนสักข้างหนึ่ง”

ในตอนที่องครักษ์พูดออกมา เขาหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นยกมีดเล่มนั้นเล็งไปที่เบ้าตาของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวด ทำให้นางมีสติขึ้นเล็กน้อย

เปลือกตาหนักราวกับหิน ใช้เวลานานกว่าที่เฟิ่งชิงเฉินจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ หรี่ตาลงเล็กน้อย เห็นแสงของมีที่กำลังจ่ออยู่ตรงเบ้าตาของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่นหัวใจ

นางช่างโชคร้ายยิ่งนัก ขนาดตอนนี้ยังมีคนเอามีดจ่อมาที่ดวงตาของนาง

เหตุใดคนพวกนี้ถึงไม่อยากทำลายใบหน้าของนาง แต่คิดที่จะควักลูกตาออกมาแทน?

น่ารำคาญชะมัด!

เฟิ่งชิงเฉินยังคงหรี่ตาต่อไป มือของนางที่ถูกมัดไว้ด้านหลังกระตุกอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของนางเริ่มผ่อนคลายขึ้น ขอแค่มีเวลาให้นางมากกว่านี้อีกสักหน่อย นางก็สามารถหลุดออกไปจากเนื้อมือของคนที่จับนางเป็นตัวประกันอยู่ในตอนนี้ได้

เฟิ่งชิงเฉินเชื่อ ตราบใดที่นางหลุดออกจากพันธนาการของคนผู้นี้ได้ คนของหวังจิ่นหลิงจะช่วยนางได้เป็นแน่

ก่อนที่จะลงมือ เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองหวังจิ่นหลิง กะพริบตาให้กับหวังจิ่นหลิง ส่งสัญญาณว่าหวังจิ่นหลิงสามารถร่วมมือกับการกระทำของนางได้......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ