อ่านสรุป บทที่ 1376 วางใจ, ขอแค่ข้าไม่ตายก็พอแล้ว จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บทที่ บทที่ 1376 วางใจ, ขอแค่ข้าไม่ตายก็พอแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บาดแผลของเฟิ่งชิงเฉินนั้นรุนแรงจนน่าตกใจ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต อาการบาดเจ็บด้านหลังศีรษะไม่ได้กระทบกระเทือนถึงสมอง แม้ว่าจะถูกถีบท้องน้อย แต่แรงที่อีกฝ่ายใช้ก็ไม่ได้มากมายอะไร ทำให้ไม่ส่งผลต่ออวัยวะภายใน
แม้ว่าแขนซ้ายจะหัก แต่หากได้พักฟื้นก็สามารถหายกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาอยู่ก็คือ ไข้ของเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมลดลงเลย
หมอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ตามหลักการแล้วควรจะไปปรึกษากับคุณชายใหญ่ หมอจึงคิดที่จะไปหาคุณชายใหญ่เพื่อสอบถาม แต่คุณชายใหญ่กลับไม่อยู่ในจวนเฟิ่ง พวกเขาเองก็ไม่กล้าส่งคนไปหาที่ตระกูลหวัง
“คราวนี้จะทำอย่างไรดี?” หมอวิตกวังกลเป็นอย่างมาก จ่ายยาให้กับเฟิ่งชิงเฉินมากมาย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรอุณหภูมิร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ลดลงเลย แถมยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้แม่นางเฟิ่งจะปลอดภัย แต่สมองของนางก็คงพังทลายลงเป็นแน่” หมอมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วย เขายังคงสั่งยาต่อไปแม้จะทำอะไรไม่ได้ก็ตาม
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? คุณชายซือซุนก็ไม่อยู่” ทงจือและทงเหยาแทบจะร้องไห้ออกมา ชุนฮุ่ยและพวกของชิวฮว่าทั้งสี่คนเอาแต่ก้มหน้า ใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้เฟิ่งชิงเฉิน หวังว่าอุณหภูมิร่างกายของนางจะลดลง
นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันเต็มแล้ว แต่ยังไม่มีใครในจวนอ๋องเก้าปรากฏตัวออกมา ทำให้พวกนางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
ในตอนที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป คนที่สามารถเป็นตัวแทนของจวนอ๋องเก้าก็ปรากฏตัวออกมาในที่สุด
“ขอโทษด้วย ข้ามาช้าเกินไป” สีหน้าของซูเหวินชิงเต็มไปด้วยความละอายใจ เขารีบเดินเข้ามาพร้อมกับนาของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี
หลังจากที่ป้อนยาชนิดนี้ให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ไข้ของเฟิ่งชิงเฉินก็ลดลงในคืนนั้น และจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เฟิ่งชิงเฉินก็ฟื้นขึ้นมา
“ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว หากเจ้ายังไม่ฟื้นขึ้นมา ข้าคงต้องฆ่าตัวตายเป็นแน่” ซูเหวินชิงไม่สนใจว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเฟิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังอ่อนแอ เขาตะโกนออกมาดังลั่น
เขาตกใจมากจริง ๆ
แต่ระยะเวลาเพียงแค่คืนเดียว กลับทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องมีสภาพเช่นนี้ และเขาก็ไม่ได้รับข่าวเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย หากเสด็จอาเก้ารู้เข้า เกรงว่าคงหั่นร่างกายของเขาเป็นหมื่นชิ้น
เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มองดูหลังคาเป็นเวลานานโดยไม่อาจละสายตา ผ่านไปนานกว่าจะรู้สึกตัว รู้ว่าตนเองพ้นขีดอันตรายแล้ว และรู้ว่าตอนนี้อยู่ที่บ้านของตนเอง
หันศีรษะไปด้านข้าง พูดกับสาวใช้เพียงหนึ่งพยางค์ “น้ำ”
“อ่า น้ำ มาแล้ว มาแล้ว” ทงจือและทงเหยาเห็นเฟิ่งชิงเฉินฟื้นแล้ว พวกนางดีใจจนทำอะไรไม่ถูก วิ่งไปตักน้ำอย่างลุกลี้ลุกลน
เฟิ่งชิงเฉินดื่มน้ำหมดแก้วภายในครั้งเดียว รู้สึกว่าคอของนางไม่ได้อึดอัดมากนัก สมองของนางเองก็ปลอดโปร่งไม่น้อย เห็นทงจือและทงเหยาอยู่ด้วย เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่สนใจที่จะพักผ่อน นางถามออกมาว่า “ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณหนู ท่านพักผ่อนให้สบาย ที่เหลือคุณชายใหญ่จะเป็นคนจัดการเอง” ทงจือและทงเหยาเป็นห่วงเฟิ่งชิงเฉินมาก หากเฟิ่งชิงเฉินมาสนใจเรื่องเล็กน้อยในตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้จิตใจของเฟิ่งชิงเฉินตกต่ำ จึงเลือกรายงานแต่เรื่องดี ๆ ให้เฟิ่งชิงเฉินได้รับรู้ เพื่อทำให้เฟิ่งชิงเฉินสบายใจ
“ใช่ ใช่ ใช่ ชิงเฉิน เจ้าไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ หากมีเรื่องอะไรก็ยังมีข้าอีกคน ข้าจะไปจวนอ๋องเก้าตอนนี้เลย ไปรวบรวมคนที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงทั้งหมดของเสด็จอาเก้ามาที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก” ซูเหวินชิงรีบออกมาปกป้อง ไม่ปล่อยให้หวังจิ่นหลิงสร้างผลงานได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจ ปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไม่เป็นไร จิ่นหลิงได้ลงมือแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้ลั่วอ๋องกลับตัวได้เป็นแน่” ไม่ใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธออกไปเพราะความโกรธ แต่มันไม่จำเป็นจริง ๆ ลั่วอ๋องไม่มีทางกลับตัวได้เป็นแน่
“แต่ว่า แต่......” เสด็จอาเก้าร้อนรนขึ้นมาทันใด แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปอย่างไร
เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว หวังจิ่นหลิงเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ หากเขายื่นมือเข้ามายุ่งในตอนนี้ มันเป็นการแย่งผลงานของคนอื่นอย่างชัดเจน แต่เรื่องนี้จะมาโทษเขาก็ไม่ได้ เสด็จอาเก้าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขาก็ยุ่งจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อย เขาจะไปรู้ว่าลั่วอ๋องคิดจะแอบลงมือกับเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร
“ไม่มีแต่ ข้าสบายดี” เฟิ่งชิงเฉินกลับตาทั้งสองข้างด้วยท่าทางที่บอกว่าไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ ซูเหวินชิงเองก็หมดหนทาง ทำได้เพียงเดิมพันอย่างระมัดระวัง “ชิงเฉิน เจ้าอย่าโกรธ สายลับปกป้องเจ้าไว้ไม่ได้ ข้าจะเรียกพวกเขาทั้งหมดกลับไป จากนั้นส่งสายลับชุดใหม่มาให้เจ้า ข้ารู้ว่าครั้งนี้มันทำให้เจ้าตกใจเป็นอย่างมาก ข้าจะส่งข่าวนี้ไปบอกกับเสด็จอาเก้าทันที บอกให้เขากลับมาขอโทษเจ้า”
เฮ้อ......นี่ก็คือเฟิ่งชิงเฉิน หากเปลี่ยนเป็นเป่าเอ๋อก็ไม่รู้ว่านางจะตายไปแล้วกี่ครั้ง แต่เสด็จอาเก้ารู้จักเป่าเอ๋อดี เขาไม่มีทางปล่อยให้เป่าเอ๋อตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น
“อื้อ ข้าเข้าใจเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอกเขา รอเมื่อเขาได้รับข่าว อาการป่วยของข้าคงหายดีแล้ว” คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินไม่มีร่องรอยของความโกรธปะปนอยู่เลย แต่ซูเหวินชิงกลับรู้สึกกลัวอยู่ในใจ อยากจะพูดอะไรออกมาอีกสักสองสามคำ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็กลับตาอีกครั้งและพูดออกมาว่า “เหวินชิง ข้าเหนื่อยแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าอยากพักผ่อน”
“ได้ ได้ ได้ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้” ซูเหวินชิงนึกขึ้นได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินยังป่วยอยู่ เขาจึงไม่กล้ารบกวนนางไปมากกว่านี้
ซูเหวินชิงออกไปได้ไม่นาน ชุนฮุ่ยก็เดินเข้ามาพร้อมกับซุปไก่ เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่ามันไม่ได้มันจนเกินไป นางจึงดื่มเข้าไปจนหมด หลังจากนั้นก็ไล่ทุกคนออกไป บอกว่านางต้องการอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง
หลังจากทุกคนในห้องออกไปหมดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้า จากนั้นก็หัวเราะเยาะตัวเอง
นางเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะออกมาเพื่อตรวจร่างกายของตัวเอง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร มีเพียงแขนซ้ายที่หัก นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่มองขึ้นไปด้านบนด้วยความงุนงง
แขนนางหักไปแล้ว หลังจากนี้เกรงว่าคงไม่สามารถจับมีดผ่าตัดได้อีกต่อไป แถมยังติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กับหวังจิ่นหลิง ไม่รู้เลยว่าจะคืนกลับไปอย่างไร?
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าหนี้ที่นางติดค้างหวังจิ่นหลิงมีมากกว่านั้น ในตอนที่หวังจิ่นหลิงออกจากจวนเฟิ่ง เขาก็ช่วยเฟิ่งชิงเฉินระบายความโกรธในทันที และนำโชคร้ายมาสู่ลั่วอ๋อง
ในตอนที่ฝู่หลินไปถึงภูเขา มันก็สายไปแล้ว องครักษ์ของตระกูลหวังได้จัดการกับคนของลั่วอ๋องไปหมดแล้ว ศพของคนพวกนั้นอยู่บนรถ ส่วนห้าคนที่เป็นผู้จับตัวเฟิ่งชิงเฉินนั้นโชคดีที่ยังไม่ตาย แต่พวกเขาก็แค่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น
ลั่วอ๋องส่งคนไปค้นหาเฟิ่งชิงเฉินบนภูเขาทั้งหมด 109 คน นอกจาก 5 คนที่ยังมีลมหายใจอยู่ คนอื่นก็ได้กลายเป็นศพไปหมดแล้ว องครักษ์ของตระกูลหวังใช้รถม้าทั้งหมดสิบคันในการนำศพเหล่านี้เข้าเมือง
เนื่องจากมีป้ายคำสั่งของตระกูลหวัง แม้ว่านายพลที่เฝ้าประตูเมืองจะเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่บนรถม้า แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาขวาง เขาอนุญาตให้รถมาสิบคันที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดเดินทางเข้าเมือง และมุ่งหน้าไปยังจวนลั่วอ๋อง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...