นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1377

สรุปบท บทที่ 1377 จากไป, อารมณ์นี้ยิ่งใหญ่เกินไป: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1377 จากไป, อารมณ์นี้ยิ่งใหญ่เกินไป – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1377 จากไป, อารมณ์นี้ยิ่งใหญ่เกินไป ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

องครักษ์ของตระกูลหวังกว่าร้อยคนเดินอยู่ในเมือง มันจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างไร โดยเฉพาะรถม้าที่บรรทุกศพเข้ามา และมีเลือดไหลออกมาจากรถม้าเป็นครั้งคราว

“คราวนี้น่าจะสนุก” ในโรงน้ำชา ชุยห้าวถิงมองมาจากระยะไกล และรีบเก็บสายตาของเขา

“ความโกรธเป็นสิ่งที่สามารถทำลายความงดงามได้ คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังช้างเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรักยิ่งนัก” คุณชายหยวนซีรินชาให้ตัวเองช้า ๆ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความชื่นชม

ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าเหมือนกับหวังจิ่นหลิง กล้าต่อสู้กับจักรพรรดิเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว

“ทุกอย่างเกิดขึ้นจากอารมณ์ของเขาเอง ดูเหมือนว่าทุกอย่างของตระกูลหวังจะอยู่ภายใต้การควบคุมของหวังจิ่นหลิง” ไม่อย่างนั้นหวังจิ่นหลิงจะกล้าเคลื่อนไหวชัดเจนเช่นนี้ได้อย่างไร หวังจิ่นหลิงไม่ใช่เสด็จอาเก้าที่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่สนใจครอบครัว

“เจ้าแต่งงานกับน้องสาวของเขา เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้เรียนรู้จากเขา เช่นนี้ข้าก็สามารถจากไปอย่างสบายใจ” คุณชายหยวนซียกถ้วยน้ำชาขึ้นมาแต่ไม่ได้ดื่ม จ้องมองควันที่ลอยขึ้นด้วยความงุนงง

ชุยห้าวถิงถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีเสียง “จะไปจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ไม่ดูให้จบก่อนค่อยไป?” ก็รู้ว่าไม่อาจอยู่ต่อไปได้ แต่ยังอยากที่จะอยู่ต่อไปจนถึงเวลานั้น

“ผลลัพธ์มันก็เป็นอย่างที่รู้กันไม่ใช่หรือ ไม่เห็นมีอะไรน่าดู” คุณชายหยวนซีดื่มชาจนหมดและโยนทิ้งไปด้านหลังของเขา

เสียงปังดังขึ้น เศษถ้วยแตกกระจายบนพื้น คุณชายหยวนซีเองก็ยืนขึ้นเช่นกัน “เอาล่ะ ข้าอยู่ในเมืองหลวงมานานพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องไป สุดท้ายข้าของเตือนอะไรเจ้าไว้สักอย่าง ในตอนที่ตระกูลชุยมีอำนาจที่จะแย่งชิงตำแหน่งนั้น ก่อนอื่นต้องจัดการเสด็จอาเก้าเสียก่อน”

ทิ้งประโยคนี้ไว้ คุณชายหยวนซีจากไปโดยไม่หันกลับมา ทิ้งชุยห้าวถิงไว้ที่เดิมเพียงลำพัง ครุ่นคิดถึงความหมายของคำพูดนั้นของเขา

ในตอนที่คุณชายหยวนซีออกมาจากเมือง ความสนุกที่ชุยห้าวถิงพูดถึงก็ได้เริ่มต้นขึ้น หวังจิ่นหลิงรวมตัวกับองครักษ์ตระกูลหวัง จากนั้นเดินทางไปยังจวนซูเหวินชิงพร้อมกับรถม้าที่ขนศพทั้งสิบคัน

องครักษ์ที่เฝ้าประตูจวนลั่วอ๋องอยู่ราวกับได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม หอกในมือของพวกเขาชี้เข้าหาหวังจิ่นหลิงและองครักษ์ของเขา พร้อมที่จะลงมือตลอดเวลา

องครักษ์ของตระกูลหวังเพิ่งจะสังหารคนมาไม่นาน บนร่างกายของพวกเขายังมีรัศมีของความโหดเหี้ยมแอบแฝงอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาปฏิเสธความอ่อนแอ ชักดาบของตนเองออกมา หากอีกฝ่ายกล้าลงมือ พวกเขาก็กล้าฆ่าคนเช่นกัน ต่อให้จะลงมือในเมืองจักรพรรดิก็ตาม

ทั้งสองฝ่ายต่างดูชั้นเชิงกัน บรรยากาศเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น และคนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ก็คือ หวังจิ่นหลิงที่นั่งอยู่บนหลังม้า

ไม่สนใจการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นของทั้งสองฝ่าย หวังจิ่นหลิงเงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มออกมา “ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก วันนี้พวกข้าไม่ได้มาหาเรื่อง พวกข้ามาเพื่อนำของขวัญมามอบให้กับลั่วอ๋องเท่านั้น”

เมื่อหวังจิ่นหลิงกล่าวออกมา บรรยากาศก็เบาบางลง องครักษ์ของตระกูลหวังเก็บความอำมหิต องครักษ์ของลั่วอ๋องเองก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยังคงระมัดระวังในตัวของหวังจิ่นหลิง กลัวว่าหวังจิ่นหลิงอาจจะทำอะไรบางอย่าง

หวังจิ่นหลิงไม่สนใจคนของลั่วอ๋อง บอกให้ลูกน้องของตนเองนำรถม้าทั้งสิบคันไปจอดหน้าประตูจวนลั่วอ๋อง ต่อเป็นแถวเดียว จากนั้นก็จูงม้าที่ลากรถม้าออกมา

นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

องครักษ์ของลั่วอ๋องแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าลงมือ พวกเขาแอบตำหนิตัวเองสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการทหารราบเก้าประตู ราชองครักษ์ วันนี้เป็นอะไรไปงั้นหรือ เหตุใดจึงไม่เห็นหน้าเห็นตา

“เทมันออกมา” หวังจิ่นหลิงออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น องครักษ์ของตระกูลหวังก้าวออกไปพร้อมกัน และยกรถม้าขึ้นจากทางด้านหน้า

ฝู่หลินแอบสาปแช่งความโชคร้ายของตนเอง ทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากับการกระทำอันไร้เหตุผลของหวังจิ่นหลิง ปกติแล้วจะสามารถพูดคุยได้โดยง่าย แต่ครั้งนี้เหตุใดถึงได้ลงมือเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้ ไม่ให้เกียรติลั่วอ๋องเลยแม้แต่น้อย หรือว่าต้องการบีบบังคับให้ลั่วอ๋องตายไปเลยหรือยังไง

ฝู่หลินรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก เขารู้ว่าหวังจิ่นหลิงต้องการระบายความโกรธแทนเฟิ่งชิงเฉิน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังไม่ตายไม่ใช่หรือไง ตรงกันข้าม เวลานี้ลั่วอ๋องเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีใครรู้ คนที่จะโกรธควรเป็นลั่วอ๋องไม่ใช่หรือ เหตุใดหวังจิ่นหลิงถึงได้มีอารมณ์ที่รุนแรงถึงเพียงนี้?

ซูเหวินชิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ใช่หรือไง แต่กลับแสดงท่าทีเหมือนกับผู้ที่สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่ยอมให้อภัยและเข้าใจในความลำบากของเสด็จอาเก้า

ต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่เสด็จอาเก้ากำลังทำนั้นมันอยู่บนเส้นทางแห่งชีวิตและความตาย หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าต้องเสี่ยงชีวิตมากี่ครั้ง แค่อาการบาดเจ็บที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นอยู่ สำหรับเสด็จอาเก้าแล้วมันเป็นเพียงเรื่องปกติ เสด็จอาเก้าสามารถผ่านมันไปได้เพียงลำพัง เหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงทำไม่ได้

“ผู้หญิงนี่เอาแต่ใจเสียจริง” ซูเหวินชิงส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง โดยมุ่งเน้นไปที่ทัศนคติของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งหมดก็เพื่อให้เสด็จอาเก้าได้ไตร่ตรอง

แม้เฟิ่งชิงเฉินจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องรายงานเสด็จอาเก้า แต่ซูเหวินชิงจะเอาความกล้าพวกนั้นมาจากไหน ด้วยอารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉิน หากเสด็จอาเก้าไม่เกลี้ยกล่อมนาง บางที่มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน

“ผู้หญิงนี่น่ารำคาญเสียจริง” ซูเหวินชิงปิดผนึกซองจดหมาย จากนั้นก็นึกถึงฉินเป่าเอ๋อ ในใจรู้สึกว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่คู่ควร แต่เรื่องนี้เขาไม่อาจเป็นคนตัดสินใจได้ ส่วนเฟิ่งชิงเฉิน......

อย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าจะจัดการกับนางอย่างไร เรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

และเมื่อจดหมายนี้ไปถึงเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าจะโกรธแค่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา มีปู้จิงหยุนอยู่ด้วย หากเสด็จอาเก้าโกรธ เขาจะต้องเอาไปลงกับปู้จิงหยุน เมื่อเสด็จอาเก้ากลับมาถึงเมืองหลวง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ