นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1410

ไม่มีการตะโกนอย่างรุนแรง ไม่มีการบูชาอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงดวงตาที่สำนึกคุณและหัวใจที่เต้นรัว พวกเขามองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาแห่งความจริงใจ และตอบแทนเฟิ่งชิงเฉินด้วยความภักดีที่บริสุทธิ์ที่สุด

พวกเขาเป็นกลุ่มคนพิเศษ พวกเขาถูกญาติทอดทิ้งและถูกขับไล่โดยผู้มีอำนาจ ในช่วงครึ่งแรกของชีวิตพวกเขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ พวกเขาจมปลักอยู่ในความสับสน แต่เป็นเพราะการปรากฏตัวของเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาถึงสามารถลืมตาขึ้นมาเห็นเดือนเห็นตะวัน และทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปได้

คนทั้งหมื่นคนนี้ไม่ได้ยกย่องเฟิ่งชิงเฉินว่าเป็นเทพเจ้าจากสวรรค์ชั้นฟ้า เนื่องจากพระเจ้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเขา ไม่เคยทำให้พวกเขารอดพ้นจากความหิว ความทุกข์ทรมาน และความหนาวเย็น

มีเสียงร้องสะอื้นดังขึ้นมาจากคนกลุ่มนี้ แม้พวกเขาจะพยายามระงับมันไว้ แต่ก็ไม่อาจปิดกั้นไว้ได้หมด พวกเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเจ้านาย เป็นผู้มีพระคุณ และเป็นคนเดียวที่พวกเขาจะยอมติดตามไปทั้งชีวิต และในตอนที่หลี่เจ๋อก็พูดออกมาว่า “ข้าสาบานว่าจะติดตามแม่นางเฟิ่งไปจนตาย” ไม่มีผู้ใดออกคำสั่ง คนหมื่นคนที่อยู่ด้านล่างคุกเข่ามาทางเฟิ่งชิงเฉินโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “ข้าสาบานว่าจะติดตามแม่นางเฟิ่งไปจนตาย”

“ข้าสาบานว่าจะติดตามแม่นางเฟิ่งไปจนตาย!”

......

เสียงตะโกนทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะเทือน หากไม่ใช่ว่าที่แห่งนี้คือดินแดนของเผ่าเสวียนเซียวกง มันคงดึงดูดความสนใจของทหารอย่างเป็นแน่ เฟิ่งชิงเฉินคิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะพอใจยอมจำนนง่ายดายถึงเพียงนี้ เมื่อเห็นฉากดังกล่าวก็ทำให้นางดีใจและเจ็บปวดไปพร้อมกัน

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นแรง แต่นางไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า นางยืนอยู่บนที่สูงด้วยใบหน้าอันแสนสงบ ปล่อยให้คนพวกนี้ตะโกนออกมา จนกระทั่งเสียงของพวกเขาหยุดลง เฟิ่งชิงเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “ลุกขึ้น!”

เสียงเด็กไปด้วยพลัง ผู้ที่ได้ยินรีบลุกขึ้นมาโดยไม่อาจหายใจ คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนั้นก็ลุกขึ้นตาม จ้องมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่กลายเป็นสีแดง

ในความเป็นจริง ระยะห่างค่อนข้างไกล พวกเขามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเฟิ่งชิงเฉินเลย แต่พวกเขารู้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่บนแท่นสูงคือผู้มีพระคุณของพวกเขา และเป็นคนเดียวที่พวกเขาจะภักดีไปตลอดชีวิต

บุญคุณและอำนาจ เมื่อแสดงบุญคุณออกไปแล้ว ต่อมาก็ต้องแสดงความยิ่งใหญ่ของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินพยายามใช้เสียงให้ดังที่สุด “ข้ารู้ว่าระยะเวลาครึ่งเดือนนั้นเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่ข้าก็มีความต้องการกับพวกเจ้าเป็นอย่างมากเช่นกัน เวลานี้ข้ามอบโอกาสให้กับพวกเจ้า ให้โอกาสพวกเจ้าได้บอกกับข้าว่า พวกเจ้าจะสามารถทำมันได้หรือไม่? พวกเจ้าจะทำให้ข้าผิดหวังหรือเปล่า?”

“ทำได้ พวกข้าทำได้!”

“ไม่มีทาง พวกข้าไม่มีทางทำให้แม่นางเฟิ่งต้องผิดหวัง!”

......

ทหารพวกนี้ไม่ได้เชี่ยวชาญในการรบ พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลือดร้อน พวกเขาเองก็อยากจะมีชีวิตอยู่เหมือนกับคนทั่วไป และอยากจะมีชีวิตอยู่ให้ดีกว่าที่ผ่านมา

คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ได้เป็นการยั่วยุแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะมันออกมาจากปากของเฟิ่งชิงเฉินจึงทำให้พวกเขาตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้ ความภาคภูมิใจในใจพวกเขาเดือดพล่านเพราะคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน

พวกเขาต้องการพิสูจน์ให้เฟิ่งชิงเฉินได้เห็นว่าพวกเขาไม่มีทางทำให้เฟิ่งชิงเฉินผิดหวัง พวกเขาจะทำในสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินต้องการ ขอแค่เฟิ่งชิงเฉินไม่ทอดทิ้งพวกเขาก็เพียงพอ

“ดี ตอนนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้แสดงความแข็งแกร่งของพวกเจ้าออกมา!” หลังจากตะโกนออกไปหลายครั้ง เสียงของเฟิ่งชิงเฉินเริ่มแหบแห้ง แต่นางก็ไม่ได้ลดระดับเสียงลง

ตอนนี้นางมีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หากไม่มีอะไรผิดพลาด ชายหนุ่มที่ยังมีร่างกายที่ผอมบางหมื่นคนนี้ จะต้องเป็นทหารที่นางไว้วางใจมากที่สุดในฐานะลูกสาวโดยชอบธรรม

แม้ว่าความสามารถของพวกเขาอาจจะเทียบกับทหารม้าทมิฬของเสด็จอาเก้าไม่ได้ แต่เรื่องความภักดีของพวกเขานั้นคงไม่จำเป็นต้องสงสัย

“ตั้งกระบวน!” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด หลี่เจ๋อลงไปจากแท่นแล้ว เขาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนบนหลังม้า

ควับ ควับ ควับ......เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน แม้ว่าบางคนอาจจะยังไม่ได้มาตรฐาน แต่ด้วยความตั้งใจและความแข็งแรงของพวกเขาก็ทำให้คนยอมที่จะมองข้าข้อบกพร่องเล็ก ๆ

คนพวกนี้คือทหารที่มีแรงบันดาลใจ พวกเขาคือกองทัพที่มีอนาคต!

การฝึกครึ่งเดือนนั้นไม่ได้ช่วยอะไรมาก เฟิ่งชิงเฉินแค่ต้องการวางรากฐานให้กับพวกเขา เป็นการฟังคำแนะนำ การฝึกร่างกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งเท่านั้น วันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการแสดงศักยภาพทางร่างกายที่พวกเขาฝึกฝนมาเป็นเวลาครึ่งเดือนออกมาให้เฟิ่งชิงเฉินได้เห็น

หนึ่งหมื่นคนนั้นไม่ได้มากมายอะไร แต่เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรก หลี่เจ๋อจึงเตรียมการได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร การทดสอบจึงยืดเยื้อไปจนพระอาทิตย์ตก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ