การพิชิตทหารในมือของเฟิ่งหลีหยูนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่แสดงสิ่งที่ทำให้เฟิ่งหลีหยูและทหารของเขายอมรับก็เพียงพอแล้ว
ทหารในมือของเฟิ่งหลีหยูนั้นอยู่ในดินแดนรกร้างใกล้กับเป่ยหลิง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทรายสีเหลืองซึ่งไม่เหมาะกับการปลูก ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น จึงเหมาะสมกับการซ่อนทหารเป็นอย่างมาก
ด้านหลังพื้นที่รกร้างมีภูเขาขนาดใหญ่อยู่สองลูก มีโซ่เส้นหนึ่งแขวนเอาไว้ระหว่างภูเขาทั้งสองลูก ว่ากันว่าที่คือสิ่งที่เฟิ่งหลีอ๋องสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทัพ แต่ท้ายที่สุดก็ถูกทิ้งล้าง เพราะไม่มีผู้ใดกล้าใช้โซ่เส้นนี้ในการเดินทางไปมา
“ชิงเฉิน เจ้าแน่ใจหรือว่าจะท้าทายภูเขาสองลูกนี้ ปกติภูเขาสองลูกนี้มีไว้สำหรับการฝึกทหาร มีอุปสรรคมากมายตลอดทาง และทหารธรรมดาก็ไม่อาจข้ามผ่านมันไปได้ นอกจากนั้น แม้ว่าโซ่เส้นนี้จะดูมั่นคง แต่หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่มีใครสามารถข้ามผ่านมันไปได้ บางทีมันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของเจ้า” เฟิ่งหลีหยูหวังว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินต้องเอาชีวิตมากเสี่ยง เพราะหากเฟิ่งชิงเฉินตายไปก็จะไม่เหลืออะไรเลย
ไม่ว่าจะบอกว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือไร้ยางอาย ในสายตาของเขา ชีวิตของทหารทั้งแปดพันคนนี้เทียบกับชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินเพียงคนเดียวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สำหรับตระกูลเฟิ่งหลี เฟิ่งชิงเฉินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
“เจ้าอยากให้ข้าแสดงความแข็งแกร่งของข้าออกมาไม่ใช่หรือ นี่คือวิธีที่ดีและรวดเร็วที่สุดที่ข้าจะแสดงมันออกมา” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างประชดประชัน
“มันอันตรายเกินไป เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง” เฟิ่งหลีหยูขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นคนวางหินทับขาของตนเอง เขาตกอยู่ในสภาพวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะดื้อด้านถึงเพียงนี้
“หากไม่อันตราย เช่นนั้นจะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของข้าได้อย่างไร มีเพียงแค่ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่อาจทำได้เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าวีรบุรุษ” หากต้องทำ นางจะต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุด และเฟิ่งหลีหยูก็ไม่อาจควบคุมนางได้
เหลือบมองดูนาฬิกาทราย เฟิ่งชิงเฉินเดินนำออกไปก่อน “ถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่ข้าควรออกไป หากข้ายังไม่ออกไปพวกเขาอาจจะคิดว่าข้ากำลังหวาดกลัว”
เฟิ่งชิงเฉินปรับข้อมือและสนับเข่าแล้วก้าวออกไป ไม่สนใจความเห็นของเฟิ่งหลีหยูเลยแม้แต่น้อย
หากเขาเป็นกังวลจริง ๆ เมื่อวานนี้เขาคงไม่ปล่อยให้ทหารแปดพันนายของเขามายั่วยุนาง
ท่าทางในการก้าวเดินทำให้เสน่ห์ของนางลดลงเล็กน้อย บรรยากาศทำให้นางดูเหมือนผู้ชาย หากไม่ใช่เพราะเส้นผมที่ยาวออกมา คนที่มองเห็นคงเข้าใจผิดกันไปหมด
เฟิ่งหลีหยูส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ รู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นางไม่ใช่ผู้นำที่ล่อลวงได้โดยง่ายจริง ๆ
ทหารแปดพันนายมารวมตัวกันที่ตีนเขา เห็นเฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวออกมา ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ปากของพวกเขาอ้าเป็นรูปตัวโอ
แม่นางเฟิ่งจะมาจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ความกล้าหาญของนางช่างน่ายกย่องยิ่งนัก นางไม่กลัวที่จะอับอาย
พวกเขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินแค่พูดออกมาเท่านั้น วันนี้ที่พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่อดูความสนุกที่จะเกิดขึ้น หากแค่ปีนเขาธรรมดา พวกเขายังอาจจะเชื่อ แต่หากบอกว่าจะผ่านโซ่ที่เชื่อมระหว่างภูเขาสองลูกนี้ไป นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในหมู่ของพวกเขาเองก็ไม่มีใครกล้าที่จะลองมัน
“แม่นางเฟิ่ง ในที่สุดท่านก็มาจนได้” ในตอนที่แม่ทัพได้สติกลับมา เฟิ่งชิงเฉินก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“อ่า เริ่มได้หรือยัง คนที่พวกเจ้าเลือกไว้พร้อมแล้วหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินชายตามอง ด้านหลังของแม่ทัพมีทหารอยู่ห้าคน นางก็รู้ว่าคนที่ต้องการประลองกับนางในวันนี้ก็คือห้าคนนี้
“เลือกไว้แล้ว ทั้งห้าคนนี้ล้วนเป็นผู้กล้าหาญในกองทัพของข้า เพียงแต่......แม่นางเฟิ่ง ท่านอยากจะประลองจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ที่จริงแค่ความรู้ที่ท่านมี พวกข้าก็รู้สึกนับถือมากพอแล้ว เพียงแต่ว่า ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านควรจะไปเย็บปักถักร้อยอยู่ในบ้านจะดีกว่า เหตุใดจึงได้อยากประลองถึงเพียงนี้ การที่มาประลองกับกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างพวกข้า ท่านไม่มีโอกาสชนะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่จะให้พวกข้ารับฟังคำสั่งของเจ้า มันไม่ใช่เรื่องง่าย” เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพนั้นดูถูกเฟิ่งชิงเฉินมากเพียงใด
ท้ายที่สุดแล้ว หากในอนาคตพวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว พวกเขาคงรู้สึกเสียใจมากจริง ๆ หากผู้หญิงคนนี้ยอมถอยไปแต่โดยดี ทุกคนก็จะมีความสุข
“เหตุใดถึงไม่ประลอง? ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีความสามารถที่จะเป็นผู้นำของพวกเจ้า ไม่มีคุณสมบัติที่จะออกคำสั่งกับพวกเจ้า เช่นนั้นวันนี้พวกเจ้าก็จงลืมตามองให้ชัดเจนว่าข้ามีความเหมาะสมหรือไม่” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สนใจการดูถูกของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย นางไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งหรือรู้สึกอับอาย มุมปากของนางเผยให้เห็นรอยยิ้ม หันไปมองผู้ที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเฟิ่งหลีหยูเดินเข้ามาแล้วนางก็พูดออกไป “มาเริ่มกันเลยเถอะ”
“แม่นางเฟิ่ง” แม่ทัพอยากที่จะแนะนำออกมา แต่ก็ถูกเฟิ่งชิงเฉินหยุดเอาไว้ด้วยสายตาอันเยือกเย็น “เกียรติของทหารคือการเชื่อฟัง นี่คือคำสั่ง”
“เอาล่ะ ในเมื่อแม่นางเฟิ่งต้องการทำให้ตนเองอับอายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกข้าก็จะทำให้แม่นางเฟิ่งได้สมความปรารถนา หวังว่าแม่นางเฟิ่งจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ” แม่ทัพผงะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นร่างกายก็ตั้งตรงโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เคลื่อนไหว เขาก็หันไปหาทหารทั้งห้าที่อยู่เบื้องหลัง “พวกเจ้าระวังตัวด้วย ไม่จำเป็นต้องปรานี”
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร ความงดงามปรากฏออกมาจากแววตาของนาง แต่มันเร็วจนไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
“ขอรับ” ทั้งห้าคนเดินออกมาพร้อมกับพยักหน้ามาทางเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่มีความกล้าหาญ ส่วนนางจะใช่คนที่ดีแต่ปากหรือไม่ เรื่องนี้ดูต่อไปก็จะรู้เอง
เมื่อลูกธนูถูกยิงออกไปแล้วมันไม่มีทางย้อนกลับมา เมื่อวานเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนพูดออกไป วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็ต้องทำมันให้สำเร็จ แม้ว่าเฟิ่งหลีหยูจะกังวล แต่เขาก็ไม่มีทางพูดอะไรออกมาในเวลาเช่นนี้ เขาเพียงแค่มองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็ประการเริ่มการประลอง
เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าเพื่อซ่อนความเย้ยหยันในดวงตา
โชคดีที่นางไม่ได้ฝากฝังความรู้สึกไว้กับคนอย่างเฟิ่งหลีหยู ไม่อย่างนั้นนางคงต้องเจ็บปวด
“ไป พวกเราเองก็ไปดูกันเถอะ” เฟิ่งหลีหยูคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องผ่านโซ่เส้นนั้นไปให้ได้ ขอแค่ทั้งสองฝ่ายทำไม่ได้ เช่นนั้นผู้ชนะก็คือเฟิ่งชิงเฉิน เพราะเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิง
“ขอรับ” แม่ทัพพยักหน้า เมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาก็แทบจะยืนไม่อยู่ ที่จริงพวกเขาเองก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าแท้จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถนั้นอยู่หรือไม่
แน่นอน ที่จริงพวกเขาเองก็กลัวที่จะต้องพ่ายแพ้ให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อวานนี้พวกเขากล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นไร้ค่า ไม่ให้เกียรติเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย หากไม่เป็นเช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่พูดออกมาว่าต้องการประลองกับพวกเขา
หากถึงเวลา พวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จริง ๆ มันคงไม่ใช่การขายหน้าแบบธรรมดาทั่วไป
เฟิ่งชิงเฉินรู้ถึงความสามารถของตนเองดี นางไม่อาจเทียบกับห้าคนนั้นได้ นางจึงไม่ได้พยายามที่จะเร่งความเร็ว แต่มุ่งสมาธิไปที่ความสมดุล ประกอบกับบนภูเขายังมีอุปสรรคอีกมากมาย เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่กล้าที่จะเร็วเกินไป เพราะนางก็ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
ไม่มีเส้นทางที่คนรุ่นก่อนปูเอาไว้ให้ เฟิ่งชิงเฉินวิ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วคงที่ จากสิ่งที่ทำความเข้าใจมาเมื่อวาน นางจำเป็นต้องวิ่งต่อไปอีกประมาณห้ากิโลเมตร
หากเป็นปีที่ผ่านมา เฟิ่งชิงเฉินคงคิดว่าตัวเองนั้นไปไม่รอด แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีกว่า นางคิดว่าระยะทางเพียงแค่ห้ากิโลนั้นไม่ใช่ปัญหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...