เฟิ่งหลีหยูตะโกนออกไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดขาว พุ่งไปด้านหน้าอย่าบ้าคลั่ง คิดจะคว้าร่างของเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ แต่......
เฟิ่งชิงเฉินห้อยอยู่บนเส้นโซ่ เลื่อนไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง ชั่วพริบตาก็ไปถึงระหว่างกลางของภูเขาทั้งสองลูก
ฮู้ว......เฟิ่งหลีหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ร่างกายของเขาตอนนี้นั้นได้ล้มลงกับพื้นไปแล้ว
น่าตกใจยิ่งนัก มันน่าตกใจเกินไป หากครั้งหน้ายังเป็นเช่นนี้อีกเขาคงได้ตกใจตายเพราะเฟิ่งชิงเฉินจริง ๆ
เฟิ่งหลีหยูเสียสติไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะเขาแต่อย่างใด เนื่องจากในตอนนี้ สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่ร่างของเฟิ่งชิงเฉิน การเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้น......นางก็ไปถึงภูเขาอีกลูกหนึ่ง
ระยะห่างนั้นไกลมาก พวกเขามองไม่ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเขารู้แค่ว่าเฟิ่งชิงเฉินขึ้นไปบนกำแพงของภูเขาอีกลูกหนึ่งด้วยการกระโดดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ปีนขึ้นไปสู่ด้านบน
“แม่นางเฟิ่งไม่เป็นวรยุทธ์จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” ครั้งนี้ความสนใจของทุกคนได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“น่าจะไม่เป็น หากเป็นวรยุทธ์ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้ในการเดินทางไปอีกฝั่ง นางคงใช้วิชาตัวเบาออกมาและบินไปโดยตรง ข้าเคยเห็นคนใช้วิชาตัวเบามาก่อน” นายกองผู้หนึ่งอธิบายออกมาเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ
“ที่แท้ก็สามารถใช้วิธีนี้ในการข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ หลังจากนี้......หากพวกเราได้เผชิญหน้ากับกองกำลังอื่น หรือต้องต่อสู้ในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องการลอบโจมตี พวกเราเองก็สามารถทำเช่นนี้ได้เหมือนกัน แม่นางเฟิ่งที่เป็นผู้หญิงยังมีความกล้าที่จะไถลข้ามไป พวกเราเองก็ทำได้เหมือนกันใช่ไหม?” นายกองที่มีดวงตาอันกว้างไกลกล่าวออกมา
ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นการต่อสู้ในอนาคต พวกเขาสามารถจัดการศัตรูนับพันได้ด้วยวิธีการนี้
“ผู้หญิง? เจ้ายังเห็นแม่นางเฟิ่งเป็นผู้หญิงอยู่อีกงั้นหรือ เจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ”
“พวกเราเองก็อยากจะลองดูบ้าง” ชายห้าคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยโคลนยืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา พวกเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินไถลตามโซ่ไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา หัวใจของพวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้
พวกเขาไม่ใช่แค่พ่ายแพ้อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือการพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต
“อยากตายพวกเจ้าก็ลองดู แต่ข้าจะไม่ไปเก็บศพให้พวกเจ้า” ในตอนนั้นเอง แม่ทัพก็ได้แสดงความเป็นผู้นำของเขาออกมา “แม่นางเฟิ่งคือผู้นำของพวกเรา พวกเจ้าจะเอาอะไรไปเทียบกับแม่นางเฟิ่ง?”
ในตอนที่แม่ทัพพูดคำว่าแม่นางเฟิ่งสามพยางค์นี้ออกมา น้ำเสียงของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เห็นทุกคนยืนอยู่บนยอดเขาไม่ขยับ เขาจึงเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้งว่า “ลงเขา พวกเราจะลงไปต้อนรับแม่นางเฟิ่ง”
แม้ว่าจะไม่ชอบความแข็งแกร่งของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้สิ่งที่ผู้ชายอย่างพวกเขาไม่สามารถทำได้ พวกเขาก็ทำได้เพียงให้ความนับถือ การยอมให้ผู้หญิงเช่นนี้กลายเป็นผู้นำ มันไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ
เฟิ่งหลีหยูพาทุกคนลงจากภูเขา ส่วนด้านภูเขาอีกลูกหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินนำอุปกรณ์ปีนเขาออกมา และค่อย ๆ ปีนลงมาด้านล่าง
นี่น่าจะเป็นความโชคดีของเฟิ่งชิงเฉิน สถานที่ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ ไม่อย่างนั้นหากมีใครเห็นอุปกรณ์ปีนเขาที่ติดอยู่บนตัวนาง จะต้องถามออกมาเป็นอย่างแน่ว่าเฟิ่งชิงเฉินไป “นำ” อุปกรณ์พวกนี้มาจากที่ไหน
ปีนเขาลงมา ไม่ใช่การทำเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเอง เวลานี้นางแค่อยากมีประสบการณ์ ต้องการใช้วิธีการพวกนี้ในการคลายแรงกดดันที่แบกรับเอาไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ช่วงเวลาที่ผ่านมา นางเหนื่อยมากจริง ๆ ร่างกายของนางต้องแบกรับอะไรที่มากเกินไป
ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากนัก ความเร็วของเฟิ่งชิงเฉินก็รวดเร็วพอสมควร ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินลงมาถึงตีนเขา พวกของเฟิ่งหลีหยูก็เดินทางมาได้ถึงกลางเขาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังกระโจมที่ตนเองพักอาศัยอยู่
เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยที่กระโจม เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวออกมาในสภาพที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน แต่ละคนก็ตื่นตกใจ “แม่นางเฟิ่ง เหตุใดท่านถึงกลับมา?” มีเพียงแม่นางเฟิ่งคนเดียวเท่านั้นที่กลับมา หรือว่าจะแพ้ไปแล้ว? หรือว่ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้กันแน่?
“ต้มน้ำร้อนมาให้ข้าสองอ่าง” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด นางรีบเดินเข้าไปในกระโจม
แม้ว่านางจะไม่ใช่คนที่รักความสะอาดขนาดนั้น แต่นางก็ทนต่อโคลนเหม็น ๆ ที่ติดอยู่บนร่างกายของตนเองไม่ได้ ยิ่งไปต้องพูดถึงโคลนที่แห่งและติดอยู่บนร่างกาย
“เออคือ......” ทหารปลายแถวมองหน้ากัน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปต้มน้ำร้อนให้กับเฟิ่งชิงเฉิน
แม้ว่าพวกเขาจะดูถูกเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขาเองก็รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนจ่ายเงินเพื่อดูแลเลี้ยงดูพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นานน้ำร้อนก็ถูกนำมามอบให้ เฟิ่งชิงเฉินไล่ทุกคนออกไป จากนั้นก็อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย หลังจากเฟิ่งชิงเฉินอาบน้ำเสร็จแล้ว พวกของเฟิ่งหลีหยูก็ลงมาถึงตีนเขาพอดี
“แม่นางเฟิ่งอยู่ที่ไหน เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?” เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินตายอยู่บนภูเขา แต่ละคนก็มองหน้ากันด้วยความว่างเปล่า
มันบ้าขนาดนี้เลยงั้นหรือ?
แม่ทัพเห็นสีหน้าของคนสารเลวพวกนี้ก็รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ตวาดออกมาด้วยใบหน้าอันดำคล้ำ “พวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แม่นางเฟิ่งคือคนที่พวกเจ้าสามารถล่วงเกินได้งั้นหรือ เร็ว รีบตามข้าไปรับแม่นางเฟิ่งเร็ว”
“อ่า......” ทุกคนไม่เข้าใจ นายกองผู้หนึ่งได้ยินเสียงดังกล่าวก็กระซิบออกมาเบา ๆ ด้วยความหวังดี “แม่นางเฟิ่งอยู่ที่ตีนเขาอีกลูกหนึ่ง”
“อะไรนะ? แม่นางเฟิ่งทำได้อย่างนั้นหรือ?”
ปัง......เสียงอาวุธร่วงหล่นลงพื้น
การตอบสนองของพวกทหารปลายแถวทำให้เหล่านายกองภูมิใจเป็นอย่างมาก พวกเขาสงบกว่าเจ้าสารเลวพวกนี้มาก แม้ว่าจะรู้สึกตกใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยอาวุธที่อยู่ในมือให้หล่นลงพื้น
นายกองผู้โง่เขลาสองคนเห็นทุกคนตกใจจนไม่เคลื่อนไหว เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ “โลกนี้ไม่มีอะไรที่คนอย่างแม่นางเฟิ่งทำไม่ได้ ไม่สนว่าแม่นางเฟิ่งจะเป็นใคร แต่เวลานี้นางคือลูกพี่ของพวกเรา เร็ว เร็วเข้า ตามข้าไปรับลูกพี่เร็ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...