นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 151

"คุณชายใหญ่เจ้าคะ ท่านชื่นชมชิงเฉินมากไปเจ้าค่ะ"

เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังแน่วแน่ของหวังจิ่นหลิงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกกดดันอย่างมาก

คนเหล่านี้เชื่อมั่นใจตัวนางขนาดนี้เชียวหรือ?

เสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิง ทุกคนต่างก็ยอมละเว้นเธอ วันนี้ถือเป็นวันที่ดี คนที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่างานกวีนี้จัดขึ้นเพื่อเฟิ่งชิงเฉินกระมั้ง

หวังจิ่นหลิงอมยิ้ม มือที่ถือพู่กันเอาไว้นั้นแน่วแน่มากเป็นพิเศษ

สิ่งที่เขาสามารถทำเพื่อเฟิ่งชิงเฉินได้นั้นมีไม่มาก ดังนั้นแม้ว่าจะมีโอกาสเล็กน้อย เขาก็จะไม่ยอมแพ้

ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่พูดกระไร แต่คนรอบๆงานนั้นอดใจรอไม่ไหวแล้ว

"คุณหนูเฟิ่ง คุณชายใหญ่แต่งบทกวีให้เจ้า เกียรตินี้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่ได้รับมัน เจ้ารอกระไรอีกหรือ? หรือว่าคุณชายใหญ่ไม่เหมาะสมมากพอที่จะแต่งบทกวีให้เจ้า?" คุณหนูเวินเงยหน้าสูง แทบจะมองนางด้วยคางของตนอยู่แล้ว

นางไม่กลัวเฟิ่งชิงเฉินหรอก เพราะนางไม่มีข่าวฉาวที่น่าละอาย และไม่มีอดีตที่มืดมน

สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแย่ลงทันที ดวงตาของนางเบิกกว้าง แววตาของนางแหลมคมดั่งใบมีด

"คุณหนูเวินกล่าวกระไรไม่รู้ความยิ่งนัก เจ้ากล่าวว่านี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แล้วเหตุใดจึงไม่เหมาะสมเล่า?"

นางเป็นคนชอบปกป้องคนรอบข้าง

หากว่านาง นางทนได้ แต่หากจะมาว่าคนรอบข้างนาง นางมิยอมเป็นอันขาด

"หากเป็นเช่นนั้น คุณหนูเฟิ่งรอกระไรอยู่? เจ้าดูสิ ไม่เพียงแต่คุณชายใหญ่กำลังรอเจ้าอยู่ พวกเราทุกคนต่างก็รอคุณหนูเฟิ่งอยู่เช่นกัน คุณหนูเฟิ่งไม่รู้สึกหรือว่าเป็นการอันใหญ่ยิ่ง การที่เราทุกคนต้องมารอเจ้าเพียงผู้เดียว?" คุณหนูเวินไม่ยอมคน นางกล่าวกระตุ้นความโกรธเคืองที่ทุกคนมีต่อเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง

เป็นไปดั่งที่คิด ทันทีที่นางกล่าวจบ สีหน้าของฮูหยินหลายคนเริ่มแย่ลง

พวกเขายืนอยู่นอกสวน มิใช่เพราะรอเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินมิได้มีเกียรติเช่นนี้ แต่หากเดินออกไปตอนนี้ก็จะเป็นการเสียเกียรติอย่างมาก

ทันใดนั้นพวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต่างก็โทษเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา

"คุณหนูเวิน เจ้าพยายามอยากจะก่อความวุ่นวายแต่หากข้ออ้างไม่ได้ชัดๆ เหล่าฮูหยินและคุณชายที่อยู่ตรงนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับชิงเฉินแต่อย่างใด นี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ คุณหนูเวิน จำเอาไว้ว่าเราสามารถกินตามอำเภอใจได้ แต่จะพูดจาเหลวไหลตามใจตนมิได้ ระวังว่าภัยจะออกจากปาก" คุณหนูเฟิ่งเตือน

"คุณหนูเฟิ่งมิต้องกังวล นี่คืองานกวีในสวนป๋ายฉ่าว มิใช่ตลาดตรอกซอย มิต้องกังวลว่าเราจะเผยแพร่ข่าวกระไรออกไปหรอก คุณหนูเฟิ่งควรเร่งเขียนบทกวีออกมาเสียก่อน ให้พวกเราได้เห็นพรสวรรค์ของเจ้า การเสแสร้งเรื่องจริงกับหลอกนั้นมิใช่ใครก็ทำได้" คุณหนูเวินดูถูกเหยียดหยาม

นางไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถเขียนบทกวีได้ แม้ว่านางจะเตรียมบทกวีเอาไว้แล้ว แต่นางก็จะมารถบีบบังคับนางให้เผยตัวตนออกมาได้

ลูกชายตระกูลหวังไม่ใช่สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินสามารถไขว่คว้าไปได้ อย่าคิดว่ารักษาโรคตาของคุณชายให้หายได้ เท่ากับว่าตนคว้าตระกูลหวังเอาไว้ได้

ตระกูลหวังซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ระดับขุนนาง ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงอย่างเฟิ่งชิงเฉินแน่นอน

การให้เฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวในงานกวีนี้ ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาดในงานก็ว่าได้

"ใช่แล้ว ใช่แล้ว หากว่าเขียนบทกวีไม่เป็น ก็เร่งออกจากตรงนี้ไปซะ อย่าคิดว่าเสด็จอาเก้าเป็นคนส่งเจ้ามา เจ้าก็จะเป็นคนพิเศษ แม้จะเป็นเสด็จอาเก้า หากเขียนบทกวีมิได้ ก็ไม่สามารถเข้าสวนป๋ายฉ่าวนี้ได้เช่นกัน"

"เฟิ่งชิงเฉิน หากเจ้าไม่มีพรสวรรค์นี้ ควรออกไปโดยเร็วที่สุด นี่คืองานบทกวี มิใช่งานดอกเลี้ยงท้อของเหล่าองค์หญิงที่ใครก็สามารถเข้าได้"

ทันทีที่ข่าวงานเลี้ยงดอกท้อออกมา ก็กลายเป็นคำพูดดูถูกของตระกูลชั้นผู้ดีเอาไว้ดูหมิ่นเหล่าตระกูลขุนนาง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์หญิงอู่อันมีเรื่องอื้อฉาวทั้งเรื่องสำส่อน เรื่องแท้งบุตร เป็นเหตุทำให้เหล่าคุณหนูจากตระกูลใหญ่ก็ดูถูกคุณหนูตระกูลขุนนาง คิดว่าพวกนางนั้นสวยงามเพียงแต่ภายนอก อันที่จริงนั้นเป็นคนหยาบคายและไร้มารยาท

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนเปิดโปง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็เป็นคนประเภทนั้นเช่นกัน และวันนี้เฟิ่งชิงเฉินได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ฉะนั้นไม่มีใครชอบนาง

เสียงบ่นของเหล่าหญิงสาวดังขึ้นเรื่อยๆ หวังชีส่ายหน้า

เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนมีความสามารถจริงๆ นางสามารถกระตุ้นให้ทุกคนโกรธเคืองได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถทำให้คุณหนูตระกูลชั้นผู้ดีนั้นไม่สามารถที่จะรักษาภาพลักษณ์ผู้ดีของตนเอาไว้ได้

เขาส่งสายตาถามเฟิ่งชิงเฉินว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่? แม้ว่าอาจจะน่าอาย แต่ก็ดีกว่าถูกไล่ออกจากงานกวี ......

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวเบา ๆ และแสดงท่าทางที่ไม่มีปัญหาออกมา

คนในเหตุการณ์ที่เชื่อว่านางสามารถเขียนบทกวีเชยชมดอกไม้ออกมาได้ คงมีแค่หวังจิ่นหลังแล้วล่ะ

นางไม่เข้าใจจริงๆว่าเหตุใดหวังจิ่นหลิงถึงเชื่อมั่นในตัวนางเช่นนี้

เช่นนั้นล่ะก็ เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ทำความเชื่อใจของอีกฝ่ายพังทลาย ในเมื่อไม่สามารถแต่งบทกวีดอกไม้ออกมาได้ เช่นนั้นก็ท่องออกมาสักบทหนึ่ง เพราะจะทำให้หวังจิ่นหลังผิดหวังมิได้....

"คุณชายใหญ่ ฟังให้ดี"

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวด้วยเสียงดังก้อง ท่ามกลางเสียงโกลาหล มันไม่โดดเด่นมาก แต่น่าแปลกที่สามารถทำให้ทุกคนเงียบได้ พวกนางต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูเฟิ่งชิงเฉินเสียหน้า

เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลงและเดินไปมาอยู่ที่เดิม แล้วก็เอ่ยปากกล่าวว่า "ดอกเสาเย่าที่อยู่หน้าศาลนั้นงามแต่ไร้ความแข็งแกร่ง ดอกบัวที่อยู่ในบึงนั้นสง่าสระบริสุทธิ์แต่มิอาจสื่ออารมณ์ได้ มีเพียงโบตั๋นเท่านั้นที่เป็นความงามของนครนี้ ยามผลิบานสะเทือนเลือนลั่นทั้งนครหลวง"

หวังจิ่นหลิงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นเขาก็เร่งโบกโบยพู่กันในมือ จดเอาไว้ทีละคำ

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินพูดคำสุดท้ายจบ หวังจิ่นหลิงเขียนเสร็จในทันที

"เพี๊ยะ" หวังจิ่นหลิงวางพู่กันลง แล้วหยิบงานที่ตนเขียนขึ้นมา กล่าวชมสามครั้งว่า "ดี ดียิ่ง ดีเยี่ยม"

ดีอย่างมาก!

ดีเสียจริง คุณชายใหญ่ว่าดี จะแย่ได้อย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ