"เฟิ่งชิงเฉินผู้ใดกัน? ไม่เคยได้ยินเลย" ซูหว่านย่นจมูกเล็กน้อย เพื่อสื่อว่านางมิได้ตั้งใจจะดูถูก เพียงแต่เอ่ยความจริงขึ้นมาเท่านั้น
"เป็นเรื่องปกติ เพราะข้าเองก็มิเคยได้ยินชื่อของแม่นานเช่นกัน" หากว่าเพียงแค่เรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินถึงกับต้องโมโห คงจะดูโง่เง่ายิ่งนัก
นางหาใช่บุคคลที่โด่งดังเช่นหวังจิ่นหลิงไม่ มิเคยได้ยินชื่อนางย่อมไม่แปลกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ซูหว่านพลันมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาเย้ยหยัน ทั้งยังแฝงไปด้วยความดูถูกมากมาย ทั้งยังเห็นอกเห็นใจและปนความสงสารไปในคราเดียวกัน
เฟิ่งชิงเฉิน สตรีน่าขันยิ่งนัก นางคิดว่าตนเองเป็นสิ่งใดกัน
น่าเบื่อยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินคร้านที่จะใส่ใจสตรีตรงหน้าไปในทันที ทว่า ซูหว่านกลับมิคิดปล่อยนางไปโดยดี ทั้งยังสั่งให้สาวใช้ที่ถือโคมไฟเข้ามากล่าวสั่งสอน
"สตรีบ้าน ๆ ไร้การสั่งสอน แม้แต่คุณหนูของข้าก็ยังมิรู้จัก ตั้งใจฟังให้ดี คุณหนูของข้าคือบุตรีของตระกูลซูแคว้นหนานหลิง จักรพรรดิของแคว้นหนานหลิงเป็นพี่เขยของคุณหนู ไท่ซั่งหวงและไทเฮาเป็นท่านป้าของคุณหนู ฮูหยินของหัวหน้าเมืองเย่เฉิงก็เป็นท่านป้าของคุณหนู หวังกุ้ยเฟยแคว้นเป่ยหลิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณหนู"
ยามที่สาวใช้กำลังจะสาธยายประวัติของนางออกมานั้น ซูหว่านก็พลันโบกมือให้หยุดโดยมิได้สนใจอันใดอีก
"พอแล้ว หงซิ้ว"
แต่ทว่า หากนางมิคิดสนใจจริง ๆ จักเรียกสาวใช้ให้ออกมาทำไมกัน เฟิ่งชิงเฉินยังคงมองภาพตรงหน้าและแย้มยิ้มออกมา
"เพคะ คุณหนู" หงซิ้วรีบหยุดพูดไปในทันที พร้อมทั้งทำความเคารพและถอยกลับไปที่เดิมของนาง แต่ก็ยังมิลืมที่จะเอ่ยเตือนเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา "ตอนนี้ คงรู้แล้วกระมัง ว่าคุณหนูของข้าคือผู้ใด?"
"อื้ม รู้แล้ว เป็นน้องสาวของฮองเฮา เป็นหลานสาวของไท่ซั่งหวงและไทเฮา เป็นน้องสาวของกุ้ยเฟย แต่ของพวกนี้เกี่ยวข้องอันใดกับคุณหนูของพวกเจ้ากัน? คุณหนูของพวกเจ้าเป็นพระชายาของราชวงศ์คนใดงั้นหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินแย้มยิ้มพลางมองที่ซูหว่านด้วยความขบขัน
หัวโขนใหญ่ยิ่งนัก แต่มันเกี่ยวข้องอันใดกับนางเล่า ก็เป็นสตรีที่หวังพึ่งแต่ตระกูลของตนมิใช่หรือ ทำตัวยโสโอหังเช่นนี้ น่าขายหน้ายิ่งนัก
บุรุษตระกูลซู กินอันใดเป็นอาหารกัน
"ช่างกล้านัก ฐานะคุณหนูของพวกข้าสูงส่ง ใช่เรื่องที่สตรีบ้านป่าเช่นเจ้าจะมาพูดถึงได้หรือ" สีหน้าของหงซิ้วพลันมืดลง พลางเอ่ยออกมาด้วยความแข็งกร้าว
เดี๋ยวก็สตรีบ้าน ๆ เดี๋ยวก็สตรีบ้านป่า ความหมายของสาวใช้ผู้นี้ คือไม่รู้ที่มาที่ไปของเฟิ่งชิงเฉินกระมัง ถึงได้บังคับให้นางเงยหน้ามองสตรีที่สูงส่งเช่นซูหว่านเช่นนี้
แม้แต่รูปปั้นยังมีอารมณ์ถึงสามอารมณ์ อีกทั้ง เฟิ่งชิงเฉินหาใช่รูปปั้นไม่
เฟิ่งชิงเฉินพลันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเย็นชา พลางเอ่ยขึ้นมาว่า "ฐานะสูงส่งแล้วอย่างไร? คุณหนูของพวกเจ้าสูงส่งแล้วเป็นอย่างไร? ถึงกระนั้น ก็อยู่ที่แคว้นหนานหลิงมิใช่หรือ แม่นางซูอย่าได้ลืมไป ที่นี่คือตงหลิง ข้าจำได้ว่า ตงหลิงฮองเฮากับกุ้ยเฟยหาได้สกุลซูไม่ หากจะมาแสดงตัวตนในแคว้นตงหลิง ก็รอให้สตรีสกุลซูของพวกเจ้าแต่งเข้าแคว้นตงหลิงก่อน ค่อยมาพูดยกตนข่มท่านเถิด"
หรือว่า สตรีนางนี้ต้องการจะแต่งเข้าแคว้นตงหลิงจริง ๆ หรือนางเล็งเสด็จอาเก้าเอาไว้?
เฮ้อ เสด็จอาเก้าเป็นผู้ใดกัน ที่ใครๆ จะเลือกเสด็จอาเก้าก็ได้งั้นหรือ สตรีสกุลซูคงต้องผิดหวังแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินพลันส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเย้ยหยัน จากนั้นจึงเหลือบตามองไปยังซูหว่าน ด้วยความรู้สึกสงสารปนไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
สตรีสกุลซู แม้มีฐานะสูงส่งแล้วอย่างไรเล่า นางก็เป็นเพียงแค่หมากตัวนึงมิใช่หรือ ทั้งยังเป็นหมากที่มีราคามากนัก ทั้งยังสามารถนำไปวางไว้ในมือผู้ใดก็ได้อีก
ข้าละเห็นใจเจ้าจริง ๆ ซูหว่าน!
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง
ซูหว่านพลันกำหมัดในมือแน่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันที ยามที่กำลังคิดที่จะเอ่ยออกมานั้น ก็พลันหันไปเห็นว่าเสด็จอาเก้ากำลังยืนอยู่ที่นี่ จึงรีบร้อนสงบสติอารมณ์พร้อมกับไปแย้มยิ้มไม่เปลี่ยนเช่นเดิม
เฟิ่งชิงเฉินได้แต่แอบชื่นชมนางอยู่ภายในใจ
สตรีสกุลซูไม่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น ทั้งทักษะการแสดงสีหน้ายังเป็นเลิศอีกด้วย หาใช่ว่าผู้ใดจะเทียบเคียงพวกนางได้เลย
ซูหว่าน สตรีสกุลซู มิใช่คนที่เล่นได้ด้วยเลยแม้แต่น้อย หากสตรีเช่นนางได้แต่งเข้าแคว้นตงหลิงนั้น เกรงว่าแคว้นตงหลิงคงเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินภูมิหลังของซูหว่านนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็มั่นใจได้ว่า ระหว่างเสด็จอาเก้ากับสตรีนางนี้ หาได้มีความเกี่ยวข้องกันไม่ หากมีความเกี่ยวข้องกัน เสด็จอาเก้าก็ย่อมตัดขาดนาง เสด็จอาเก้าที่แข็งแกร่งและมีคุณธรรมเช่นนี้ จะมาเหมาะสมกับสตรีที่มีจิตใจดำมืดเช่นสตรีสกุลซูผู้นี้ได้อย่างไรกัน
ซูหว่านอยากจะปรี่เข้าไปตบหน้าเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก แต่ก็คิดว่าแผนการนี้อาจจะไม่สำเร็จ ทั้งยังทำให้นางเสียหน้าต่อหน้าเสด็จอาเก้าอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ