เย่เย่โมโหมากจนต้องการจะตอบโต้ แต่เขาก็กลัวอาวุธที่ซ่อนอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นเขาจึงยอมล่าถอยอย่างไม่เต็มใจ ในใจแอบรู้สึกเสียดายว่าหากรู้อย่างนี้เขาน่าจะพาคนมามากกว่านี้อีกสักหน่อย
หากพลาดโอกาสไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว!
ทันทีที่เย่เย่จากไป เฟิ่งชิงเฉินก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดใช้งานกล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ นางกลัวว่าตงหลิงจิ่วจะเป็นอะไรไป แต่เมื่อผลการตรวจออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกหน้าแตกในทันที
จริงๆ เลย…
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ นางเคยเห็นเป็นดังพระเจ้า แต่ในขณะนี้นางเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาก็เป็นมนุษย์ เป็นคนธรรมดาเท่านั้น
ตงหลิงจิ่วแพ้น้ำหอม
ฮ่าๆๆๆ …
ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาของตงหลิงจิ่วที่มองนางอยู่เย็นชาเกินไป นางก็อยากจะหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ถึงกระนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็กลั้นหัวเราะจนตัวสั่น
"เฟิ่งชิงเฉิน ถ้าเจ้าอยากหัวเราะก็หัวเราะออกมา" ใบหน้าของตงหลิงจิ่วบึ้งตึง ใบหูของเขาแดงเล็กน้อย
"ข้า ข้า ข้าไม่หัวเราะ แค่กๆ แพ้น้ำหอมเป็นเรื่องปกติจะตายไป" เฟิ่งชิงเฉินพยายามกลั้นหัวเราะ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำเป็นเคร่งขรึม
ตงหลิงจิ่วคร้านจะพูด เขารู้ว่าตอนนี้หากต้องการแสดงท่าทางน่าเกรงขามต่อหน้าผู้หญิงคนนี้คงไม่น่าจะเป็นไปได้นัก
"ช่วยพยุงข้าขึ้นหน่อย" เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่อีกแม้เพียงครู่เดียว กลิ่นคลื่นเหียนของศพและกลิ่นฉุนของน้ำหอมผสมปนเปกันแปลกประหลาดอย่างยากจะพรรณนา
ในทำนองเดียวกัน เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่เช่นกัน เดิมทีนางคิดจะฉีดยาให้ตงหลิงจิ่วเพื่อบรรเทาความอ่อนแอและอาการไม่สบายของเขาในตอนนี้ แต่ทว่า...
เฟิ่งชิงเฉินคิดอย่างชั่วร้าย ท่าทาง "อ่อนแอ" ของตงหลิงจิ่วดูเป็นมนุษย์มากกว่าเสียอีก
วันนี้ตงหลิงจิ่วเกือบจะใช้นางเป็นสาวรับใช้ นางจึงปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานเพิ่มอีกหน่อย อย่างไรก็ตามโรคภูมิแพ้อะไรพวกนี้ก็ไม่ทำให้ตาย เขาจะได้เข้าใจว่าเขาต้องไม่ทำให้หมอขุ่นเคืองใจ โดยเฉพาะหมอผู้หญิง…
ต่อมา เมื่อเฟิ่งชิงเฉินและตงหลิงจิ่วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตงหลิงจิ่วก็มีเหงื่อแตกพลั่กเป็นระยะ เขากล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินใจแคบ เขาช่วยนางแก้ปัญหายุ่งยากมามากมาย นางไม่รู้จักบุญคุณยังไม่เท่าไหร่ นางกลับถึงขั้นมองเขาทุกข์ทรมานต่อหน้าต่อตาโดยไม่ช่วย
สตรีช่างน่ากลัวจริงๆ เขาต้องอยู่ห่างจากผู้หญิงเข้าไว้...
ทั้งสองขี่ม้าด้วยกันโดยอาศัยแสงจันทร์และคบเพลิงฉุกเฉิน ทั้งสองเดินไปตามถนนสายเดิมโดยไม่รีบเร่งออกจากป่า
แม้ว่าจะมีกระเป๋าอยู่ตรงกลาง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองได้อยู่ใกล้ชิดกันมากเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและในเวลาเดียวกันนางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่สะพายกระเป๋ามาขวางทาง
แน่นอนว่าเป็นเพียงความตื่นเต้นเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรตอนนี้ร่างกายของตงหลิงจิ่วก็อ่อนแอมากซึ่งเป็นสิ่งที่นางกำลังกังวลอยู่
ตงหลิงจิ่วแพ้กลิ่นฉุน ภายใต้การร่วมมือซูหว่านและเย่เย่ นอกจากจะน่าขำแล้ว บนตัวเขายังมีผื่นขึ้นตามร่างกายอีกด้วย
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินพบเข้าก็ตกใจและแอบเสียใจอยู่ในใจเล็กน้อย นางใจแคบเกินไป แต่ในเวลานี้หากมีแพทย์ที่น่าสงสัย ตงหลิงจิ่วต้องคิดมากแน่ เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดสินใจที่จะแสร้งโง่ให้ถึงที่สุด หากเขาไม่เอ่ยปาก นางก็จะไม่มีทางเปิดปากพูดก่อน
แม้ว่าเขาจะไม่อายเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของเขา แต่ตงหลิงจิ่วก็อดทน ไปเซ้าซี้ก็มีแต่จะทำให้น่ารำคาญ
เกิดความเงียบขึ้นตลอดทาง ปราศจากความอบอุ่นในป่า ทั้งสองล้วนคิดเรื่องของตนเอง
ความเงียบแบบนี้ดูเหมือนจะทำให้ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองกว้างขึ้น เฟิ่งชิงเฉินรู้อยู่ในใจว่าตงหลิงจิ่วรู้สึกว่านางรู้มากเกินไปแล้ว แต่ทว่า...
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ทำให้นางรู้ความลับเรื่องที่เขามีวิทยายุทธ์เยี่ยมยอดและแพ้น้ำหอม
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าการรู้มากเกินไปไม่ดีอย่างที่ตงหลิงจิ่วได้กล่าวไว้ว่ามีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะไม่เปิดเผยความลับ
ระหว่างทางเฟิ่งชิงเฉินหวาดระแวงเพราะกลัวว่าเขาจะคิดสังหารนาง
นางรักตงหลิงจิ่ว แต่ในสายตาของเขา นางไม่ใช่อะไรเลย การสังหารก็ง่ายเพียงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ทั้งกังวลและยุ่งยากใจ
ความบ้าผู้ชายทำร้ายนาง หากนางไม่มาก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่างไรนางก็มาแล้ว ตงหลิงจิ่วก็อารมณ์ไม่ดีคงจะคิดว่านางเป็นตัวถ่วงกระมัง
เฮ้อ... เฮ้อ... เฮ้อออ!
ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจก็เกิดเสียงความโกลาหลแว่วมาจากในป่าและมีคบเพลิงวับแวมไปมา
"มีใครมาหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินถามตงหลิงจิ่วที่อยู่ข้างหลังนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ