ต่อมานางพบอวี่เหวินหยวนฮั่วและกลับมาที่จวนเฟิ่งได้อย่างไรนางล้วนจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย นางเพียงรู้สึกราวกับว่านางกำลังเดินอยู่บนปุยฝ้าย ทั้งร่างของนางล่องลอยขึ้นและยิ้มโง่ๆ ไปตลอดทาง
ยิ่งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนที่ตงหลิงจิ่วอุ้มนางลงจากหลังม้า นางเห็นอวี่เหวินหยวนฮั่วและพูดกับเขาอย่างร่าเริง "อวี่เหวินหยวนฮั่ว เสด็จอาเก้าอุ้มข้าด้วย ฮ่าๆๆ ข้าจะไม่อาบน้ำไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเวลาสามวัน"
ฮ่าๆ ... ทุกคนหัวเราะ แต่ภายใต้สายตาตักเตือนเย็นเยียบของตงหลิงจิ่ว พวกเขาก็รีบกลั้นหัวเราะทันที
ช่างทรมานสุดๆ ไปเลย
ขึ้นเขาตอนกลางคืนก็มีประโยชน์ไม่เลวเหมือนกัน
เล่าทหารต่างกวาดความเหนื่อยล้าและมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน
อวี่เหวินหยวนฮั่วกลับตบหน้าผากด้วยท่าทางเสียใจเสียดายสุดขีด
โธ่สวรรค์ เขารู้จักผู้หญิงอย่างเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร เขารีบยัดผู้หญิงคนนี้เข้าไปในรถม้าเพื่อช่วยไม่ให้นางอับอายไปมากกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งห้ามทุกคนห้ามพูดถึงเรื่องในวันนี้เด็ดขาด
น่าขายหน้า น่าขายหน้ายิ่งนัก
เขาโตมาจนถึงขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นสตรีใดที่ไร้ยางอายแบบนี้มาก่อนเลย เรื่องแบบนี้ยินดีเพียงในใจก็พอแล้ว จะพูดมันออกมาทำไมกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือนางไม่จะยอมรับในภายหลัง หนำซ้ำยังหาว่าเขาเป็นคนใส่ร้ายนางเสียอีก
ช่างแย่เหลือเกิน... ที่เขาไม่สามารถเชิญตงหลิงจิ่วมาเป็นพยานได้
เมื่ออวี่เหวินหยวนฮั่วคุ้มกันตงหลิงจิ่วและเฟิ่งชิงเฉินกลับมาที่เมือง ตระกูลหวัง ตระกูลหลี่ ตระกูลเซี่ย ตระกูลหยาง ตระกูลชุย ตระกูลเจิ้ง ตระกูลฮู่ ตระกูลเวินก็กำลังถกเถียงกันเรื่องหนังสือฟ้องที่จะยื่นให้ราชสำนักตงหลิง
ตระกูลเซี่ยสนับสนุนให้โยนความผิดเรื่องการโจมตีสวนป๋ายฉ่าวให้ตงหลิงจิ่วไปเสีย โดยบอกว่าเขาเป็นผู้นำหมาป่ามา ปล่อยหมาป่าลงจากภูเขาทำให้เกิดอันตรายต่อชาวบ้าน ทำให้คนมากมายต้องสังเวยชีวิต
ข้อเสนอนี้ได้รับการเห็นด้วยจากทุกคนยกเว้นตระกูลหวัง
พวกเขาไม่สนใจว่าใครปล่อยหมาป่าเข้ามาในสวนป๋ายฉ่าว พวกเขาสนใจเพียงแต่ว่าเมื่อโยนความผิดไปให้เชื้อพระวงศ์แล้ว ราชสำนักย่อมต้องชดเชยให้แก่ประชาชน
ตระกูลดังเหล่านี้ถูกกดขี่อย่างรุนแรงในหลายปีมานี้ พวกเขาต้องการโอกาสและนี่เป็นโอกาสที่ดี
หวังจิ่นหลิงไม่เห็นด้วย หากต้องการหาแพะรับบาปสำหรับฝูงหมาป่าก็ควรจะเป็นองค์ชายชุนหยู
ตงหลิงจิ่วดูไม่สนใจเรื่องทั่วไป แต่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนที่จะทำให้ขุ่นเคืองใจได้ หวังจิ่นหลิงไม่อยากเผชิญหน้ากับตงหลิงจิ่ว
ข้อเสนอของหวังจิ่นหลิงถูกผู้อื่นคัดค้าน เหตุผลก็คือจักรพรรดิทรงโปรดปรานองค์ชายชุนหยูและเกลียดชังตงหลิงจิ่ว หากสามารถสาดโคลนตงหลิงจิ่วได้ พวกเขาจึงจะสามารถได้สิ่งที่ต้องการ
หวังจิ่นหลิงตบมือข้างเดียวไม่ดัง ตระกูลเซี่ยและตระกูลหลี่เขียนฎีกาขึ้นถวายต่อองค์จักรพรรดิติดต่อกันหลายคืน
อันที่จริงการคาดเดาของพวกเขานั้นถูกต้อง เมื่อจักรพรรดิเห็นฎีกาของตระกูลเหล่านี้ก็ยิ้มเย็น...
พอจะงีบหลับก็มีคนส่งหมอนให้ทันที...
ไม่ว่าฮ่องเต้จะทำโทษหรือประทานรางวัลล้วนถือเป็นความเมตตา ทันทีที่ตงหลิงจิ่วกลับมายังเมืองหลวง เขาก็ต้องเผชิญกับความโกรธกริ้วดังฝนฟ้าคะนองขององค์จักรพรรดิ...
แม้ไม่ได้นอนทั้งคืน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงร่าเริงและเปี่ยมไปด้วยพลังงานในวันรุ่งขึ้น ดูไม่ออกเลยว่านางได้ต่อสู้กับหมาป่าเมื่อวานนี้และวิ่งไปตามถนนบนภูเขาทั้งคืน
ช่วยไม่ได้ที่นางจะอารมณ์ดี พออารมณ์ดีแล้ว อะไรๆ ก็ดูน่าพอใจไปเสียหมด
เช้าตรู่ นางไปที่ห้องพักเพื่อตรวจอาการบาดเจ็บของเถี่ยโถวและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็กำชับพี่สะใภ้เถี่ยอีกสองสามคำแล้วนางก็ไปยังห้องผ่าตัด เตรียมที่จะเปิดหน้าต่างระบายอากาศ
สำหรับผื่นแพ้ของตงหลิงจิ่ว นางไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เขารู้ว่าตนเองมีปัญหานี้ คงจะเตรียมยาไว้นานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ