นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 172

"แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก สืบอะไรไม่ค่อยได้นักหรอก พูดถึงสายลับ ในจวนข้ามีเยอะกว่านี้อีก จะว่าไปแล้ว ในจวนเจ้าดีกว่าเยอะเลยนะ มีแค่เจ้ากับโจวสิงเพียง 2 คน ถึงแม้ว่าจะต้องทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ต้องคอยหวาดระแวง เจ้าไม่รู้หรอกว่าเวลาข้าอยู่ที่จวน ข้าไม่กล้าหลับลึกเลยล่ะ แล้วก็ไม่กล้าดื่มเหล้าด้วย ข้ากลัวว่าจะหลุดพูดอะไรตอนที่ตัวเองเมา" ด้วยเหตุนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วจึงมักจะมาที่จวนเฟิ่งชิงเฉินอยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่มีธุระสำคัญก็ตาม

เขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก ขอเพียงแค่ความสบายใจ และความอิสระ

"คนของการเมืองก็เป็นตัวของตัวเองลำบาก เรื่องพวกนี้ท่านค่อยๆทำความเข้าใจก็แล้วกัน ข้าลงไปก่อนนะ" เฟิ่งชิงเฉินไม่เห็นใจอวี่เหวินหยวนฮั่วแม้แต่น้อย

อยู่กับสิ่งใดก็ต้องแบกรับผลกระทบจากสิ่งนั้น นี่เป็นเรื่องธรรมดา

พวกขุนนางไม่ต้องมาพะวงกับการกินการอยู่ แต่ก็ต้องมีเรื่องบางเรื่องทำให้พวกเขาต้องพะวงอยู่ดี

......

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอวี่เหวินหยวนฮั่วเตรียมการมาเป็นอย่างดี หรือเป็นเพราะการคุ้มกันของจวนองค์ชายไม่แน่นหนาดีพอ เฟิ่งชิงเฉินจึงเข้ามาถึงเรือนหลังจวนขององค์ชายได้อย่างง่ายดาย

พื้นที่เรือนหลังจวนเป็นที่อยู่ของบรรดานางเล็กๆ ตงหลิงจื่อชุนยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็มีนางเล็กๆรวมกันกว่า 10 คน

"แม่นาง ข้าคงส่งท่านได้แค่เรือนฝ่ายในนะเจ้าคะ องค์ชายประทับอยู่ที่เรือนชิงเหยียน หากแม่นางต้องการไปที่นั่น ก็ให้หาชื่อฮูหยินสักคนมาแอบอ้าง" หญิงวัยกลางคนมาส่งนางได้เพียงเท่านี้ และเฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี

"ขอบคุณมากค่ะ" เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า แล้วจึงเดินเข้าไปที่เรือนฝ่ายใน

"แม่นาง......" หญิงวัยกลางคนเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปอย่างมั่นอกมั่นใจก็ตกใจยิ่งนัก อยากจะตะโกนห้ามนางแต่ก็ไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ยืนวิตกกังวลแล้วรีบเดินกลับไป

หญิงวัยกลางคนพึมพำในใจว่า ท่านแม่ทัพทำไมถึงมีลูกสาวห้าวหาญเช่นนี้นะ ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย!

"เจ้าเป็นใครน่ะ? นี่คือจวนองค์ชาย จะเข้าออกตามอําเภอใจไม่ได้นะ" ยังไม่ทันที่เฟิ่งชิงเฉินจะเดินมาถึงประตูทางเข้า ก็มีหญิงสูงอายุอีกสองคนมาพบเข้า

ทำอย่างไรได้ล่ะ เฟิ่งชิงเฉินแต่งตัวได้ห่วยมาก ไม่เหมือนสาวใช้ในจวนขององค์ชาย

คนเป็นหมอก็ใช้วิธีแบบหมอ เฟิ่งชิงเฉินหยุดเดินและมองคนทั้งสอง ก่อนจะกล่าวว่า "ข้าเป็นหมอหญิงจากสำนักหมอหลวง ได้รับคำสั่งให้มาเรือนฝ่ายใน เพื่อขอยืมเข็มกับด้ายจากฮูหยินน่ะค่ะ"

"หมอหญิงจากสำนักหมอหลวงหรือ? ไม่เห็นเหมือนเลยนี่? มายืมเข็มกับด้าย เป็นหมอหญิงจะมายืมเข็มกับด้ายไปทำอะไร?" คนของจวนองค์ชาย ใช่ว่าผู้อื่นจะมาหลอกได้ง่ายๆ

แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ตื่นตระหนก นางเงยหน้ามองหญิงสูงวัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมเอ่ยขึ้นมาว่า "ช่วงนี้ท่านน้าทั้งสองมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายใช่ไหมคะ"

"เจ้ารู้ได้อย่างไร?" หญิงสูงวัยทั้งสองถึงกับอึ้ง ความระแวงในสายตาพลันค่อยๆเลือนหายไป

"ก็ข้าเป็นหมอหญิงก็ต้องรู้น่ะสิคะ ถึงแม้ว่าไม่ได้จับชีพจร แต่คนเป็นหมอต้องรู้จักสังเกตทั้งทางการมอง ดมกลิ่น ถามไถ่ ข้าก็แค่พูดไปตามลักษณะของท่านน้าทั้งสอง" เฟิ่งชิงเฉินรับบทหมอหญิงแห่งสำนักหมอหลวงได้อย่างแนบเนียน

ส่วนเรื่องอาการที่นางได้บรรยายไปนั้น......

ดูจากอายุของหญิงสาวทั้งสองคนนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงวัยทองดี แต่ก็คงอีกไม่กี่ปีหรอก บวกกับท่าทางพะวักพะวงของพวกนางแล้ว อีกไม่นานก็ต้องก้าวเข้าสู่วัยทอง

ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดนั่นแหละ

"แม่นางเป็นหมอหญิงจริงๆด้วย ข้าเสียมารยาทจริงๆเลย" หญิงสูงวัยมองเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อเห็นนางไม่โกรธก็เอ่ยถามอย่างกระมิดกระเมี้ยนว่า "แม่นางเข้าใจอาการพวกเราเป็นอย่างดี พอจะมีทางรักษาได้บ้างไหม บอกตามตรงนะ เพราะพวกเราเป็นแบบนี้ จึงเข้าหน้าเจ้านายไม่ค่อยติด"

คนเป็นบ่าวไพร่ หากอารมณ์ร้อนเกินไปก็ไม่มีเจ้านายคนไหนจะโปรดปราน

"ก็พอมีวิธีอยู่บ้างค่ะ แต่ฝีมือของข้ายังไม่ค่อยดีนัก ขอข้ากลับไปถามท่านหมอหลวงก่อน แล้วค่อยกลับมาดูท่านน้าทั้งสอง......"

ยังไม่ทันที่เฟิ่งชิงเฉินจะพูดจบ หญิงสูงวัยทั้งสองคนก็พูดแทรกขึ้นมาว่า "แม่นางพูดเกินไปแล้ว คนอย่างพวกข้ามีหรือจะกล้าให้ท่านหมอหลวงมาดูแล ให้แม่นางมารักษาก็พอแล้ว"

"ท่านน้าคะ แม้ข้าจะเป็นผู้รักษา แต่ก่อนการรักษาก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากท่านหมอหลวงก่อน เพราะหากรักษาคนพลั้งพลาด ก็จะกลายเป็นตราบาปของข้าตลอดไป วันนี้เห็นทีจะไม่ได้ บาดแผลขององค์ชายปริออก กำลังรอข้ามาหยิบเข็มกับด้ายไปเย็บแผลน่ะค่ะ" เฟิ่งชิงเฉินกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญย่อมต้องทำเช่นนี้ คนอื่นๆจึงจะพากันยกย่อง การเจียมเนื้อเจียมตัวมีแต่จะทำให้คนอื่นๆมองเราว่าอ่อนแอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ