นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 243

สิ้นสุดการแข่งในสนามแรกไม่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้น องค์หญิงอันผิงพ่ายแพ้ ผู้ที่ชนะคือซีหลิงเหยาหวา

ผู้ชนะในครั้งแรกได้เปรียบ ซีหลิงเหยาหวาทำสีหน้าหยิ่งผยอง องค์หญิงอันผิงแม้จะอึดอัดใจแต่ท่าทางอันสง่างามของนางก็ยังคงสง่างามดังเดิม เฟิ่งชิงเฉินแอบเงยหน้าขึ้นมองพบพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิดูมืดมนเล็กน้อย

"ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ได้ยินมาว่าสตรีในหนานหลิงมีความชำนาญด้านการขี่ม้าและยิงธนู องค์หญิงเหยาหวามีความสามารถทั้งบู๊และบุ๋นเป็นจริงดังนั้น" เมื่อองค์จักรพรรดิทรงกล่าวชื่นชม คนอื่นๆ ก็พากันคล้อยตาม แต่ความจริงใจมีเท่าไหร่นั้นทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ

"มิใช่เพราะเหยาหวาหรอกเพคะ ม้าตัวนี้มีฝีเท้าว่องไวและประกอบกับองค์หญิงอันผิงอ่อนข้อให้" องค์หญิงเหยาหวาไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ องค์จักรพรรดิกล่าวว่าทักษะการขี่ม้าของนางดี นางก็ยืนกรานจะบอกว่าเป็นเพราะม้าของนางดีต่างหาก

แม้ฝ่าบาทจะดูไม่ดีใจเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ดีหากจะไปต่อปากต่อคำกับสตรีน้อยผู้นี้ ยังมีการแข่งขันอีกสองสนาม ใครจะเป็นเช่นไรยังไม่รู้

การแข่งขันสนามที่สอง กังฟูบนหลังม้า

ม้าที่ใช้ขี่ยังคงเป็นตัวเดิม ทั้งสามเปลี่ยนเป็นชุดเกราะแล้วถือดาบเอาไว้ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้า เดิมทีชุดของทหารม้าก็ทำให้รู้สึกสง่างามและโดดเด่น เมื่อชุดเกราะถูกสวมเข้าไปทำให้องค์หญิงทั้งสามดูมีรังสีแข็งแกร่งมากขึ้น

ท่ามกลางสนามแข่งม้า ทั้งสามยืนอยู่อย่างสง่างาม ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือก่อนทำให้เกิดความรู้สึกกดดันในสนามแข่งขันขึ้น ผู้คนรอบข้างไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อทั้งสามคน

บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินจึงเข้าใจว่าเหตุใดซูหว่านและเหยาหวา จึงได้กล่าวกับองค์จักรพรรดิว่าให้นางเดินทางมาด้วยเนื่องจากการแข่งขัน กังฟูบนหลังม้าเช่นนี้บาดเจ็บค่อนข้างง่าย

"ย่ะ!" ซูหว่านส่งเสียงออกมา จากนั้นควบม้ามุ่งตงไป นางหันมาส่งสายตากับเหยาหวา แววตาของเฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างไว นางไม่พลาดการสื่อสารด้วยสายตาของสตรีทั้งสองเมื่อครู่นี้......

องค์หญิงอันผิงแย่แล้ว!

หากว่าองค์หญิงอันผิงเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น คาดว่าเฟิ่งชิงเฉินก็คงจะไม่มีสภาพต่างกัน สตรีสองคนนี้หาเหตุผลที่ค่อนข้างจอมปลอม พวกนางบีบบังคับให้นางปรากฏตัวที่นี่ แล้วในการแข่งขันสนามที่สาม……

นางก็ว่าอยู่ สตรีสามคนแข่งม้ากันจะเรียกให้นางมาด้วยทำไม? ที่แท้ซูหว่านและเหยาหวามีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจนั่นเอง

เป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินคาดเดาเอาไว้ ซูหว่านและเหยาหวาไม่ไว้หน้าตงหลิงแม้แต่น้อย เพียงแค่การโจมตีไปมาอยู่สิบรอบก็ทำให้องค์หญิงอันผิงพ่ายแพ้ ไม่เพียงเท่านั้นทั้งสองคนยังทำในสิ่งเกินเหตุด้วยการบีบบังคับให้องค์หญิงอันผิงตกจากม้า

"องค์หญิงตกม้า!" ขันทีตะโกนออกมาเสียงแหลมด้วยความตกใจ จากนั้นก็มีนางในเข้าไปที่สนามพยุงองค์หญิงอันผิงขึ้นมา

แม้จะมีชุดเกราะคอยป้องกันตัวเอาไว้ แต่การตกลงมาจากหลังม้าขององค์หญิงอันผิงไม่ใช่เบาๆ ทำให้นางสลบไปในทันที

"รีบไปตามหมอหลวงมารักษาเร็วเข้า" การพ่ายแพ้ติดต่อกันอยู่ถึงสองสนามและสนามสุดท้ายนี้ยังพ่ายแพ้เสียจนไม่น่ามอง ต่อให้องค์จักรพรรดิพยายามระงับสติเอาไว้ ก็ไม่อาจอดทนต่อความโมโหได้เช่นกัน

องค์จักรพรรดิโมโหที่หนานหลิงและซีหลิงรังแกกันเช่นนี้ และยิ่งโมโหที่องค์หญิงอันผิงไร้ความสามารถ

"ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปดูหน่อย" จักรพรรดินีกังวลเรื่องของความปลอดภัยขององค์หญิง และยังกังวลเรื่องการแข่งขันในสนามต่อไป สภาพขององค์หญิงอันผิงในตอนนี้ ความเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะ แต่หากไม่เข้าร่วมแข่งขันก็คงจะขายหน้า เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปแล้วผู้คนคงจะกล่าวว่าตงหลิงเป็นพวกขี้แพ้

และที่จริงแล้ว ตงหลิงจะยอมแพ้เช่นนี้ถึงสามสนามติดกันไม่ได้

"ไปเถิด อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง" ขณะเดียวกันเมื่อมองไปยังซูหว่านและเหยาหวา สตรีสองนางนั้นต่อสู้กันบนหลังม้าอย่างสง่า เมื่อหันมามองดูองค์หญิงอันผิงผู้ไร้ความสามารถ องค์จักรพรรดิก็ยิ่งพิโรธ

ตงหลิงจื่อลั่วเพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ ใบหน้าของเขายังคงอ่อนแอ เมื่อเหลือบมองไปยังองค์จักรพรรดิและพบว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้สนใจมองตนอยู่ จึงได้แอบออกมาจากที่นั่ง

"หมอหลวง องค์หญิงเป็นเช่นไรบ้าง?" ที่จริงแล้วหากจะกล่าวว่าจักรพรรดินีเป็นกังวลความปลอดภัยขององค์หญิงอันผิง สู้กล่าวว่านางกังวลถึงการแข่งขันในสนามต่อไปยังจะเหมาะสมกว่า

หมอหลวงเข้าใจดีถึงความหมายของจักรพรรดินี "ทูลเหนียงเหนียง องค์หญิงได้รับบาดเจ็บที่เอว หากยังคงเข้าแข่งขันต่อเกรงว่าจะไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายยิ่งนัก" นั่นหมายความว่าการแข่งขันในสนามหน้าคงจะต้องพ่ายแพ้

"ข้าออกคำสั่งให้พวกเจ้ารักษาองค์หญิงอันผิงให้ได้ในเวลาน้อยที่สุด และให้นางทำการแข่งขันต่อ" เนื่องจากบัดนี้ให้แพ้มาถึงสองสนาม ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรในสนามที่สามจะยอมพ่ายแพ้ไม่ได้ และจะไม่เข้าร่วมแข่งขันไม่ได้เด็ดขาด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ