นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 316

เสด็จอาเก้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่แท้เมื่อคืนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนเป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง เขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเสียอีก ทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถนอนหลับได้ตลอดทั้งคืน

เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ของเฟิ่งชิงเฉินมีรอยเหี่ยวย่นด้วยความเจ็บปวด เสด็จอาเก้าก็เอื้อมมือมานวดให้แก่เฟิ่งชิงเฉินเบาๆ ด้วยความรู้สึกปวดใจแทน "เจ้ามันช่างโง่เง่าเหลือเกิน ทำให้ตนเองตกใจเสียได้ เจ้าเลือกที่จะเชื่อหวังจิ่นหลิงแต่กลับไม่เชื่อข้า แต่งงานกับเจ้าหรือ? หากข้าไม่พยักหน้าตอบรับ โลกนี้ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้แต่งงานกับเจ้า เรื่องแต่งงานเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะจัดการแก้ปัญหาให้เจ้าเอง ไม่เพียงเท่านี้ในวันพรุ่งนี้ข้าจะแสดงฉากเด็ดให้เจ้าเห็น"

มุมปากของเสด็จอาเก้าเผยอขึ้นอย่างชั่วร้าย ดูเหมือนเขาเป็นมัจจุราชจากขุมนรก รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกไปทั่ว เขาไม่ได้ปิดบังความตั้งใจของตนเอาไว้แม้แต่น้อย

เขาไม่ใช่ผู้ที่จิตใจงดงามและไม่เคยเป็นคนใจดี ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ใดก็ตามเขาจะนำมันมาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่เลือก

เฟิ่งชิงเฉินกำลังกระวนกระวายใจ แต่เมื่อนางได้สติกลับคืนมาก็ทำได้เพียงภาวนาอย่างเงียบๆ ให้กับผู้ที่กำลังจะถูกเสด็จอาเก้าจัดการ ขณะเดียวกันก็ตั้งตารอว่าผู้โชคร้ายในวันพรุ่งนี้จะเป็นใคร

ซูหว่านหรือเหยาหวา? หรือว่าอันผิง? ไม่ใช่สิ ไม่น่าจะเป็นอันผิง เพราะถึงอย่างไรอันผิงก็เป็นหลานของเสด็จอาเก้า ไม่น่าเป็นไปได้......หากว่าเสด็จอาเก้าให้ความใส่ใจกับหลานสาวคนนี้ล่ะก็คงจะไม่ผลักไสนางไปให้เป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนหรอก

นางรู้ดีว่าอาหารและสุราของเสด็จอาเก้าไม่ใช่ว่าจะดื่มกันได้ง่ายหรือมีรสดี ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงได้ยิ้มขึ้นเช่นกัน หากมีคนนอกอยู่ด้วยในบัดนี้ล่ะก็ คงจะพบได้ว่ารอยยิ้มของทั้งสองคนนั้นเหมือนกันโดยสิ้นเชิง

"เอาล่ะอย่าได้เป็นกังวลใจในเรื่องนี้ไปเลย ไม่ว่าจะมีเรื่องใดข้าก็ยังอยู่ที่นี่ เจ้าต้องการจะตอบแทนข้าไม่ใช่หรือ ไปเถอะ บัดนี้ข้าจะให้โอกาสในการตอบแทน" เขาจูงมือเฟิ่งชิงเฉินเดินไปข้างหน้า ย่างก้าวของเขาช้าลงอย่างไม่ได้เต็มใจนัก

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกงุนงงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงไปของเสด็จอาเก้าค่อนข้างมาก ทำให้นางไม่อาจตามได้ทัน

เสด็จอาเก้าไม่ได้ให้เวลาแก่เฟิ่งชิงเฉินมากมายเท่าไรนัก เขาพานางเข้าไปที่ห้องลับใต้ดินแล้วเปิดกล่องระเบิดเทียนเหล่ยออก

"ให้ตายสิ!" เมื่อมองเห็นระเบิดเทียนเหล่ยวางเรียงราย เฟิ่งชิงเฉินไม่มีอารมณ์อื่นใดอีกต่อไป นางสงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วแล้วหันไปเอ่ยถามเสด็จอาเก้าด้วยความสงสัยว่า "เหตุใดเจ้าจึงมีระเบิดเทียนเหล่ยมากมายเพียงนี้?"

ของเหล่านี้เป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้คน เสด็จอาเก้ามีพวกมันมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?

"เช่นนั้นคงต้องถามเจ้าแล้ว" เสด็จอาเก้าเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมองเขาผิดไปแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจอธิบาย กลับกล่าวขึ้นอย่างคลุมเครือ

"ถามข้าหรือ เกี่ยวอันใดกับข้าเล่า?" ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดเกลียดการปรากฏขึ้นของระเบิดเทียนเหล่ยเท่านางแล้ว แล้วนางจะอนุญาตให้มีสิ่งของเหล่านี้ได้อย่างไร?

"ของเหล่านี้เป็นของหลี่เซี่ยงที่ทิ้งเอาไว้ เขาทูลต่อหน้าองค์จักรพรรดิว่าเจ้าจะฆ่าเขา จากนั้นเจิ้นกั๋วกงและหรงชิงชิว

จึงเดินทางไปหาเขา เขาบอกถึงที่อยู่ซึ่งซ่อนระเบิดเทียนเหล่ยเอาไว้แลกกับเงื่อนไขคือการระเบิดเจ้าให้ตาย" เสด็จอาเก้ากล่าวถึงเรื่องราวที่ดำเนินขึ้นอย่างคร่าวๆ และฝ่าบาทก็เห็นด้วย

ซึ่งนั่นหมายความว่าเห็นแก่ระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้ ฝ่าบาทนำเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปแลกอย่างไม่รู้สึกเสียดาย

"ฆ่าข้าหรือ? เขามองข้าสูงเกินไปจริงๆ จะนำระเบิดเทียนเหล่ยมากมายเหล่านี้มาระเบิดข้าให้ตาย? ระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้เพียงหยิบมาลูกหนึ่งแล้วขว้างมายังข้า รับรองว่าข้าคงตายอย่างไร้สิ้นกระดูกแล้ว!" เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะเยาะตนเอง นางเข้าใจดีว่าจากตำแหน่งตัวตนของนางนั้นองค์จักรพรรดิจะสนใจความเป็นความตายของนางได้อย่างไร

เมื่อพบว่าตนมองเสด็จอาเกาผิดไป เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยขอโทษเช่นไรดี นางทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า "หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ข้าควรจะจัดการเขาให้ตายเสียหรือทำให้เขาเป็นเจ้าชายนิททา จะได้ไม่สร้างความวุ่นวายเหล่านี้"

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เอ่ยถามว่าระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้มาอยู่ในมือของเสด็จอาเก้าได้อย่างไร และเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้อธิบายให้แก่นางฟัง

"หากเจ้าฆ่าเขาตาย องค์จักรพรรดิคงจะต้องให้เจ้าตายตามไปด้วย ในสายตาของฝ่าบาท ตัวเจ้าสักร้อยคนหยังสู้หลี่เซี่ยงคนเดียวไม่ได้" เสด็จอาเก้ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก เขาตั้งใจเอื้อมมือไปเคาะศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินที่กล้ากล่าวคำประชดประชันเช่นนี้ออกมาได้

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะว่องไวและหลบทัน "ศีรษะข้าไม่ใช่ว่าผู้ใดล้วนสามารถเคาะได้เสมอ"

เฟิ่งชิงเฉินซึ่งจิตใจสงบเยือกเย็นและเฉลียวฉลาด แม้ความสามารถจะสู้เสด็จอาเก้าไม่ได้แต่ก็ว่องไวกว่าคนธรรมดามากนัก เพียงแต่เมื่อนางอยู่ต่อหน้าเสด็จอาเก้ามักจะไม่ค่อยแสดงท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ออกมา ในวันนี้นับว่าเป็นครั้งแรก

เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ใส่ใจสิ่งใด เขาหดแขนกลับมา "สิ่งที่ข้าจะทำ ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้"

เฟิ่งชิงเฉินส่งเสียงหึๆ ออกมา บนโลกนี้ผู้ที่กล้ากล่าวสิ่งนี้ออกมาได้มีไม่มากนัก ก่อนจะชี้ไปที่ระเบิดเทียนเหล่ยแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า "การที่เสด็จอาเก้าพาข้ามาดูสิ่งเหล่านี้ ต้องการอะไร"

"สิ่งที่หลี่เซี่ยงบอกกับเจิ้นกั๋วกงไม่ได้มีเพียงระเบิดเทียนเหล่ยสองสามลังเหล่านี้" เสด็จอาเก้าไม่ได้สนใจท่าทางจริงจังของเฟิ่งชิงเฉินนัก

เป็นเช่นนี้ก็ดี สตรีที่อารมณ์อ่อนไหวมักทำเรื่องใหญ่ไม่ได้

"อ้อ งั้นหรือ แล้วยังมีสิ่งใดอีก" สิ่งของของหลี่เซี่ยงคงไม่ธรรมดา เสด็จอาเก้ากำลังลองเชิงนางอยู่หรือ

ในใจของเฟิ่งชิงเฉินปั่นป่วนราวกับกระแสน้ำ แต่นางไม่ได้แสดงทีท่าออกมาแม้แต่น้อย เรื่องบางเรื่องต่อให้เป็นเสด็จอาเก้าก็ไม่อาจกล่าวด้วยได้

ความลับก็คือความลับ หากว่ามีคนที่สองรู้เข้า นั่นก็ไม่เรียกว่าความลับอีกต่อไป ไม่ว่าผู้คนภายนอกคาดเดาเช่นไรนางก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด

เสด็จอาเก้าไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่กลับพาเฟิ่งชิงเฉินมายังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องหิน เสด็จอาเก้าเปิดกล่องไม้ออก แล้วพบกับกลิ่นกำมะถันเตะจมูก

"ดินประสิว? หลี่เซี่ยงทำดินประสิวขึ้นมากมายขนาดนี้ ไอ้หมอนั่นต้องการทำอะไรกันแน่?" เฟิ่งชิงเฉินกำมือแน่นแล้วกล่าวออกมาด้วยความโมโห

เสด็จอาเก้าไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ได้แต่มองดูเฟิ่งชิงเฉินอย่างเงียบๆ รอจนกระทั่งนางระบายอารมณ์ออกมาจนหมด เสด็จอาเก้าจึงได้เอ่ยปากขึ้นอย่างไม่รีบร้อนว่า "เจ้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องหลี่เซี่ยงไป ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไรก็ตาม เขาก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เมื่อถึงเวลาอันสมควร ข้าก็จะจัดการเขาทิ้งเสีย"

"จัดการเขาหรือ? เจ้าไม่เสียดายหรือไร?" แม้เฟิ่งชิงเฉินจะไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าคิดสิ่งใดอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเขามีระเบิดเทียนเหล่ยมากมายเพียงนี้ก็พอจะเดาออกได้ว่าเสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่อยู่อย่างสงบนิ่ง ชายผู้นี้มีความคิดและความสามารถอันแข็งแกร่ง

"ถึงแม้ข้าจะรู้สึกเสียดายบ้างเล็กน้อย แต่ข้าเชื่อมั่นหนักหนาว่าเจ้าจะให้เหตุผลแก่ข้าถึงการที่จะจัดการเขา เฟิ่งชิงเฉิน ข้าต้องการ จะทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นระเบิดเทียนเหล่ย" เขาไม่เคยเผยแพร่ด้านร้ายในใจออกมาให้คนอื่นเห็น เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนแรก และนางไม่มีสิทธิ์ในการปฏิเสธ

"ข้าไม่เข้าใจ!" เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา นางปฏิเสธ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้อย่างแน่วแน่

"ไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วเจ้าคงจะเข้าใจ ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน ภายในหนึ่งเดือนนี้หากว่าเจ้าเข้าใจล่ะก็ ข้าจะฆ่าหลี่เซี่ยงเสีย หากว่าเจ้ายังไม่เข้าใจและข้าเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น คงจะทำได้เพียงไว้ชีวิตคนผู้นั้น" เสด็จอาเก้าครึ่งปรึกษาเจรจาและครึ่งข่มขู่

"เจ้า......!" เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันกรอด "ต่อให้ไม่มีเจ้า ข้าก็สามารถฆ่าเขาได้เช่นกัน!"

"งั้นหรือ ข้าจะคอยจับตามองดู" ดูเหมือนว่าเสด็จอาเก้าได้ยินเรื่องราวไร้สาระขบขัน เขาเผยอริมฝีปากขึ้นแล้วกล่าวว่า "เฟิ่งชิงเฉิน อุปกรณ์นี้ของหลี่เซี่ยงดึงดูดสายตาอีกทั้งสี่ประเทศให้จับจ้อง เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสจัดการเขา เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถปิดบังความลับที่ทำให้หลี่เซี่ยงเป็นอัมพาตเช่นนี้ได้หรือ หากไม่ใช่เพราะว่ามีซุนเจิ้งเต้า เจ้าเองคงทำไม่ได้"

การที่หลี่เซี่ยงกลายเป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะว่าหมอหลวงให้การยืนยันหนักหนา องค์จักรพรรดิจะไม่สงสัยในตัวเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินจัดการได้ชัดเจนเกินไป ทำให้หนทางของนางถูกปิดกั้น

ข่มขู่ นี่คือการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัดเจน เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับเสด็จอาเก้า "เสด็จอาเก้า เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอย่างงั้นหรือ?"

"มิได้ ข้าเพียงต้องการจะบอกกับเจ้าว่าเจ้ายังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน เอาล่ะเราไม่กล่าวเรื่องเหล่านี้กันแล้ว ข้าบอกไว้แล้วว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้แก่เจ้า บัดนี้คาดว่าเป็นเวลาอันเหมาะสมแล้ว ไปเถิด ข้าจะพาเจ้าไปดูละครฉากเด็ด" เสด็จอาเก้าจูงมือเฟิ่งชิงเฉินไปอย่างเป็นธรรมชาติ

"ฉากเด็ดอะไร?" เมื่อเสด็จอาเก้ากล่าวขึ้นอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินจะไม่รู้สึกประหลาดใจได้อย่างไร เพียงแต่ว่านางมีความคิดค่อนข้างหนักแน่น

การทำระเบิดเทียนเหล่ยให้กับเสด็จอาเก้า นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่นางจะปฏิเสธได้หรือ นางจะปฏิเสธได้อย่างไร?

"อยากปฏิเสธงั้นรึ? ชีวิตนี้อย่าได้คิดเลย" เสด็จอาเก้ากำมือเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้แน่นและเตือนให้นางได้สติกลับคืนมา ก่อนจะยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า "พวกเราจะไปดูฉากเด็ดของพวกที่ดื่มเหล้าเมามายแล้วเสพกามไปทั่ว ผู้ที่คิดจะจัดการกับข้า ล้วนต้องสูญเสีย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ