นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 40

ยังไม่ทันที่เฟิ่งชิงเฉินจะเดินมา หวังชีก็เดินไปหานาง "ชิงเฉิน ข้าเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือเปล่า?"

คนอยากได้ความช่วยเหลือ ท่าทางของหวังชีถือว่าทำได้ไม่เลวเลย

"ท่านก็กำลังเรียกอยู่นี่ คุณชายหวังมาหาข้ามีธุระอะไรหรือเปล่า?" เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าการที่หวังชีเรียกชื่อนางตรงๆไม่ได้หมายความว่าเขามองนางเป็นสหาย

เป็นเพื่อนกันงั้นหรือ?

ในสายตาของหวังชี หากนางมีผลประโยชน์ก็สามารถเป็นเพื่อนได้ หากไม่มีก็ไม่ต้องเป็นอะไรกันทั้งนั้น

"ชิงเฉิน ข้านึกว่าเราเป็นสหายกันแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าหวังชีหรือไม่ก็จิ่นหานก็พอแล้ว"

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและตอบกลับไปว่า "ที่มาหาข้าคงมีธุระน่ะสินะ?"

คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลหวังมารอนางที่หน้าจวนเซี่ยด้วยตัวเอง หากบอกว่าไม่มีธุระ อมพระมาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ

หวังชีก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา แล้วอีกอย่าง เฟิ่งชิงเฉินก็ได้พูดคุยกับฮูหยินรองเซี่ยมานานพอสมควร ตอนนี้หวังชีพอจะรู้แล้วว่าควรจะสื่อสารทำนองไหน

แม้หวังชีไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่เขาก็รับรู้ในทุกๆคำพูดและการกระทำของเฟิ่งชิงเฉิน

สำหรับความสามารถของเฟิ่งชิงเฉิน นี่ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับเขา เรื่องที่ฮูหยินรองเซี่ยยังไม่ตั้งครรภ์สักทีนั้นก็เป็นความกังวลใจของตระกูลหวังเช่นเดียวกัน ไม่นึกเลยว่าสำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เรื่องนี้เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้น หวังชีจึงไม่พูดอ้อมค้อม เขาบอกกับนางตรงๆว่า "ชิงเฉิน ที่ข้ามาหาเจ้า ก็เพราะว่าข้าอยากจะให้เจ้าไปช่วยดูคนๆหนึ่งหน่อยน่ะ"

"ไปดู? หมายถึงไปดูอาการคนไข้ใช่หรือเปล่า?" เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าและจ้องตาของหวังชี "ใครล่ะ? แล้วป่วยเป็นอะไร?"

เป็นหมอก็ต้องคิดให้รอบคอบ หมอไม่ใช่เทวดา ใช่ว่าจะรักษาได้สารพัดโรค

ผู้ป่วยบางคน หากอาการย่ำแย่ไม่เท่าไรจึงจะพอรักษาได้ มิฉะนั้นตัวหมอเองนั่นแหละจะลำบาก นางไม่ใช่คนโง่เขลา และยังคงมองว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน นางจะพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถ

บนโลกใบนี้ ผู้ที่มองว่าทุกคนเท่าเทียมกันคงมีไม่มากนัก แต่สำหรับนางแล้ว คนไข้ของนาง ขอเพียงพอจะมีโอกาสรอด นางก็จะช่วยรักษาอย่างเต็มที่

หวังชีมองดวงตาสุกใสของเฟิ่งชิงเฉิน เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปว่า "พี่ชายของข้าเอง คุณชายใหญ่ของตระกูลหวัง ชื่อหวังจิ่นหลิง ดวงตาของเขามีปัญหา"

"โรคทางสายตางั้นหรือ? เป็นมาแต่กำเนิดหรือว่าเพิ่งจะมาเป็น แล้วเขาตาบอดสนิทหรือว่าพอมองเห็นอยู่บ้างล่ะ" นางไม่ใช่จักษุแพทย์ ไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านดวงตาเท่าไรนัก

แต่มีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะอยู่ นางพอจะตรวจดูอาการคนไข้ได้ แล้วเรื่องยาที่ต้องใช้ล่ะ?

นางไม่แน่ใจว่าในกระเป๋านั้นจะมียารักษาดวงตาด้วยหรือไม่ เพราะกระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋าสำหรับศัลยแพทย์มากกว่า

และที่สำคัญ โรคเกี่ยวกับดวงตานั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ เฟิ่งชิงเฉินยิ่งต้องคิดให้ถี่ถ้วน

"เป็นมาแต่กำเนิด ตาบอดสนิทมองไม่เห็นแม้แต่น้อย" หวังชีตอบอย่างหนักแน่น แววตาของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

เป็นมาแต่กำเนิด? มองไม่เห็นอะไรเลย?

เฟิ่งชิงเฉินต้องการปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิด แต่หวังชีไม่ให้โอกาสนั้นกับนาง เขาชิงพูดขึ้นมาว่า "ชิงเฉิน เจ้าไปดูเขาก่อนได้หรือไม่? จะรักษาได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน อย่างน้อยๆเจ้าก็ช่วยหยิบยื่นโอกาสให้กับพี่ชายข้า เขา......ทุกข์ทรมานมากๆเลย"

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หวังชีก็เหมือนอยากจะร้องไห้

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจความรู้สึกญาติคนไข้เป็นอย่างดี แต่ว่า......นางต้องนึกถึงตัวเองด้วย

หากหวังชีเป็นชาวบ้านทั่วๆไป นางคงตอบตกลงไปนานแล้ว ถึงแม้จะไม่มีเงินค่ารักษาก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หวังชีเป็นคนตระกูลหวัง ตระกูลใหญ่ตระกูลดังเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากหาเรื่องมาใส่ตัว

หากตัวเองยังปกป้องตัวเองไม่ได้ นางจะไปช่วยเหลือคนได้อย่างไร ดังนั้น......

"หวังชี ต้องขอโทษจริงๆนะ หากเป็นคนทั่วๆไป ข้าคงไปดูให้ได้ แต่นี่เป็นตระกูลหวัง ข้าไปไม่ได้หรอก ท่านคงเข้าใจนะ"

"ชิงเฉิน เจ้าวางใจเถอะ พี่ใหญ่ของข้าไม่ได้อยู่ที่จวนใหญ่ เขาอยู่ที่นอกเมือง และข้าก็ไม่ได้บอกพี่ใหญ่ว่าเจ้าจะไปตรวจตาให้ เพียงแค่แวะเวียนไปหาเฉยๆ ข้าขอรับรองว่าจะไม่มีปัญหาวุ่นวายใดๆเกิดขึ้นกับเจ้าแน่นอน" คนอย่างหวังจิ่นหานย่อมคิดหน้าคิดหลังอย่างรอบคอบ

เฟิ่งชิงเฉินเคยช่วยซูเหวินหาง หากเกิดปัญหาขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉิน ซูเหวินชิงจะต้องปกป้องนางแน่นอน

แม้ตระกูลหวังจะไม่เกรงกลัวตระกูลซู แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเป็นศัตรูกับตระกูลซูนี่นา

"ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นไปก็ไป"

หวังชีวางแผนไว้พร้อมแล้ว หากนางไม่ไปก็ดูกระไรอยู่ ส่วนตัวนางเองก็ไม่อยากปฏิเสธผู้ป่วยด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ