นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 437

ยามที่การแข่งขันใกล้เข้ามาเช่นนี้ ผู้ที่มีความคิด จะมิมารบกวนเฟิ่งชิงเฉินในช่วงเวลานี้อย่างแน่นอน ทว่า มีอีกคนหนึ่งที่เป็นกรณีพิเศษ

หาใช่ว่าเป็นคนที่ไม่มีความคิดไม่ แต่เป็นเพราะว่า เข้าใจเฟิ่งชิงเฉินมากจนเกินไปต่างหาก เนื่องจากว่า หากมารบกวนเฟิ่งชิงเฉินในเวลานี้ มิได้เป็นการรบกวนนางแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะว่าเฟิ่งชิงเฉินมิได้มีการวางแผนเตรียมตัวการแข่งขันของนางตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อถึงช่วงเวลาโพล้เพล้ เสด็จอาเก้าพลันมาปรากฏตัวที่เรือนหลังเล็กในตรอกทิศตะวันตกในทันที ผ่านไปไม่นาน เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินก็ได้ขึ้นรถม้าคันเดียวกัน พร้อมกับมีองครักษ์คอยตามคุ้มกันออกไปส่งนอกเมือง

เมื่อรถม้าไปที่ใดนั้น ต่างก็เป็นจุดสนใจของผู้คน แต่ทว่า หาได้มีผู้ใดกล้าเข้าไปขวางทางเสด็จอาเก้าไม่ เพียงแต่ทำทีชะเง้อมองพร้อมกับหูตั้งเพื่อฟังความเคลื่อนไหวแทน

"เจ้าเคยเห็นหรือไม่ นั่นคือรถม้าของเสด็จอาเก้า ข้าเพิ่งได้ยินท่านป้าของข้าเล่าว่า เสด็จอาเก้าเสด็จมาที่นี่ เพื่อมารับเฟิ่งชิงเฉินด้วยตนเอง พร้อมกับออกนอกเมืองไปกันสองคน" มีบางคนพยายามจะปล่อยข้อมูลที่ตนเองได้ยินออกมา

"เจ้าพูดว่า ผู้ที่อยู่ในรถม้าคือเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉิน? เช่นนั้นข้อกล่าวหาของขุนนางเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ ที่เสด็จอาเก้ากระทำการข่มขืนฮูหยินในอนาคตของตนเอง" บุรุษที่คล้ายจะเป็นบัณฑิตแก่เรียนผู้นี้ ปากสว่างยิ่งนัก เขาเอาแต่พูดคุยไม่หยุด

"ป้าบ" เพื่อนของเขาพลันใช้พัดตีไปที่เขาอย่างเต็มแรง "เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใดกัน สตรีงามที่แสนดี ย่อมต้องเป็นที่หมายปองของบุรุษมากมาย เฟิ่งชิงเฉินเองเป็นสตรีที่ยังมิได้ออกเรือน ถึงแม้ว่านางจะเคยถูกถอนหมั้นก็เถอะ " เมื่อชายคนนั้นพูดออกมาจนจบ ก็พลันชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับดึงตัวบัณฑิตผู้นั้นไปอีกทางหนึ่งในทันที "ยวี่เมิ๋ง เจ้ามิคิดจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่ แม้แต่คำพูดให้ร้ายเสด็จอาเก้าเช่นนี้ เจ้าก็กล้าพูดออกมา เจ้าไม่รู้หรือ ขุนนางที่กล่าวหาเสด็จอาเก้าเช่นนั้น ในยานี้เกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง?"

เมื่อบัณฑิตผู้นั้นได้ฟัง สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปในทันที "แล้วจะให้ทำเช่นไรเล่า ทำเช่นไรดี? ข้าจะเป็นเหมือนขุนนางผู้นั้นหรือไม่ ชื่อเสียงถูกกลบดิน ผู้ใดก็ไม่ให้ความเคารพเช่นนั้น " ยวี่เมิ๋งใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้ว

"มิต้องเป็นกังวลไปหรอก เสด็จอาเก้าสูงใหญ่เทียมฟ้าถึงเพียงนั้น พระองค์ย่อมไม่อาจมาสนใจมดตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเราได้แน่ ต่อไปเวลาเจ้าจะพูดอะไร ก็ระมัดระวังคำพูดของตนเองเสียหน่อย ที่นี่คือเมืองหลวง" เพื่อนของยวี่เมิ๋งยังคงทุบตีเขาเพื่อตักเตือนอีกครั้งหนึ่ง

ยวี่เมิ๋งจึงได้แต่ตกอยู่ในอารมณ์หม่นหมอง เขาไม่อาจหาคำใด ไปโต้ตอบได้เลยแม้แต่น้อย

เหล่าราษฎรที่อยู่ระหว่างสองข้างทางถนน ต่างก็พากันพูดถึงเรื่องนี้ให้ควัก แม้แต่โรงน้ำชาหรือเหลาอาหารก็ไม่เว้น ทุกคนเอาแต่พูดถึงเรื่องที่เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินออกไปนอกเมืองไม่หยุดไม่หย่อน

เมื่อการแข่งขันใกล้เข้ามาเช่นนี้ แต่เสด็จอาเก้ากลับพาเฟิ่งชิงเฉินออกไปนอกเมือง ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่คิดได้ ณ โรงน้ำชาใกล้กับประตูเมือง ซีหลิงเทียนเหล่ยนั่งมองรถม้าที่กำลังออกไปทางด้านนอกเมืองแต่โดยดี พร้อมกับหันไปพูดคุยกับเย่เย่ว่า "เจ้าคิดว่า เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินออกไปนอกเมืองด้วยเรื่องอะไร?"

ใช่แล้ว เจ้าเมืองเย่เฉิงเย่เย่ เมื่อเขาได้ยินถึงการแข่งขันของเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านนั้น ก็รับชักม้ามาที่ราชวังตงหลิงในทันที พร้อมกับมาพบซีหลิงเทียนเหล่ยด้วยความ "บังเอิญ" ที่มิใช่ความบังเอิญธรรมดา

"ก็เพื่อ เรื่องของการแข่งขัน?" เย่เย่ยกจอกสุราขึ้นดื่มอย่างสุนทรีย์ พร้อมกับหันหลังยืนพิงราวบันไดให้กับซีหลิงเทียนเหล่ย โดยไม่สนความวุ่นวายที่อยู่ด้านหลัง

แม้ว่าภายในโรงน้ำชาจะมีคนมาดื่มสุราอยู่ไม่มาก แต่ผู้ที่จะดื่มสุราอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นเย่เย่นั้นมีไม่มาก จนทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจไปในทันที

เย่เย่ที่แต่งกายด้วยอาภรณ์ตัวหนา พร้อมกับหยกสีขาวบริสุทธิ์ที่ห้อยเอวอยู่ มันกลับทำให้เขาดูสูงส่งและมีอำนาจขึ้นมาในทันที แม้ว่าเย่เย่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย แต่พวกเขาก็ได้แต่มองมาห่าง ๆ เท่านั้น

ซีหลิงเทียนเหล่ยมิใคร่พอใจนัก ท่ามกลางฝูงชนเช่นนี้ เขาไม่อยากจะเผยตัวตนของตนเองออกไป แต่เย่เย่กลับทำตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เมื่อซีหลิงเทียนเหล่ยเห็นว่าเย่เย่เป็นคนที่ซีหลิงเทียนเหล่ยต้องเอาใจเขา ซีหลิงเทียนเหล่ยจึงได้แต่ต้องเก็บความไม่พอใจนี้เอาไว้

"ข้าเดาว่าไม่ใช่" ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันโบกมือให้เสี่ยวเอ้อร์เข้ามา เปลี่ยนจากน้ำชาเป็นสุรา

"โอ้ เช่นนั้นเพราะอะไรกัน?" เย่เย่ทำทีสนใจเรื่องราวขึ้นมาในทันที พร้อมกับหันหน้ากลับมาถาม อาจจะเป็นเพราะ เขาร่ำสุรามากไป แววตาจึงดูพร่ามัวไปเล็กน้อย

ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันทำทีปล่อยเหยื่อเอาไว้ พร้อมกับแย้มยิ้มออกมาอย่างลึกลับ เพื่อรอให้เสี่ยวเอ้อร์นำสุราเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับยกจอกสุราขึ้นมาดื่มลงไป"สุราดี"

"นับว่าเป็นสุราชั้นดี น่าเสียดายที่ไม่มีกับแกล้ม" เมื่อรู้ว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจงใจทิ้งตนเองไว้นั้น เย่เย่ก็มิได้ถามต่อแต่อย่างใด

หากซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการจะเอาใจเขา ก็ไม่ควรที่จะหยอกล้อเขามากไปนัก หาได้เป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจไม่ จะให้เขาถามด้วยตัวเองงั้นหรือ? ฝันไปเสียเถอะ เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองเย่เฉิงเป็นคนไร้ประโยชน์หรืออย่างไร

หากเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์จริง ก็คงไม่อาจตามจับปู้จิงหยุนมาได้แล้ว

"หากมีโอกาสในครั้งหน้า เปิ่น ข้าจะต้องทำการต้อนรับท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างดี" ซีหลิงเทียนเหล่ยทำทีเป็นพูดลองเชิง เย่เย่เองก็หาได้ได้พูดปฏิเสธออกไปไม่ หากมีโอกาส ข้าจะไปลิ้มลองอาหารที่ซีหลิงให้ได้""

บุรุษทั้งสอง พลางพูดคุยเรื่องสุรา อาหารมากมาย หาได้เอ่ยถึงเรื่องธุระของตนเองไม่ แต่ต่างคนต่างรู้ตัวดี ว่าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาอันใด

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นจากเย่เย่ ซีหลิงเทียนเหล่ยจึงคายข้อมูลของตนเองออกมาแต่โดยดี "ทักษะการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินไม่ธรรมดา การรักษาบาดแผลภายนอกของนาง นับว่าเป็นเลิศยิ่งกว่าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี การที่เสด็จอาเก้าเชิญนางออกไปจากนอกเมืองเช่นนี้ หาได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ไม่"

"เฟิ่งชิงเฉินเป็นอัจฉริยะทางด้านการแพทย์เช่นนั้นเลยหรือ ถึงได้ทำให้เสด็จอาเก้าผู้สูงส่งมาเชื้อเชิญนางด้วยตนเองเช่นนี้ได้?" เย่เย่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินมีทักษะทางการแพทย์ แต่ถ้าจะพูดว่านางเก่งกว่าปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีนั้น เขาย่อมไม่เชื่อ

ซีหลิงเทียนเหล่ยเองก็มิได้ตั้งใจที่จะพูดออกมาอย่างละเอียด ทักษะการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินเป็นเช่นไรเขาย่อมรู้ดี อีกทั้งเขายังเคยพบเจอประสบการณ์นั้นด้วยตนเองแล้ว ซีหลิงเทียนเหล่ยจึงได้แต่เตือนเย่เย่ด้วยความหวังดี "อย่าได้ประมาทนาง ทักษะการแพทย์ของนางนั้นแตกต่าง บางที วันหน้าวันหลังพวกเราอาจจะได้ใช้การแพทย์ของนางก็เป็นได้"

การมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ข้างตัว มักจะตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังต่าง ๆ ได้ง่าย ยิ่งเชี่ยวชาญมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีความหวังว่าตนเองจะมิตายง่าย ๆ มากขึ้นเท่านั้น

"ก็แค่สตรีนางเดียว แต่พวกเจ้าคิดเอาจริงเอาจังกับนางไปได้ หากเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถจริง ๆ เจ้าก็แต่งนางเสียซิ ทำไม? แม้แต่ฐานะของเจ้าเอง ก็ไม่อาจแต่งเฟิ่งชิงเฉิน ที่เป็นเพียงสตรีที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียกลับไปได้งั้นหรือ ?" เย่เย่หาได้คิดจริงจังกับเฟิ่งชิงเฉินมากนัก ในความคิดของเขา สตรีที่มีความสามารถมากเพียงใด ตบแต่งออกไปอย่างไรก็ต้องฟังความแต่สามีของตนเท่านั้น

แต่งงั้นหรือ? เขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ทว่า หากเรื่องทุกอย่าง มันง่ายดายถึงเพียงนั้นก็ดีมิใช่หรือ การที่จะสู่ขอเฟิ่งชิงเฉินกลับไป เรื่องหาได้ง่ายดายเช่นในความคิดไม่ แม้ว่าเขาจะมิได้เอาตำแหน่งพระชายาในองค์รัชทายาทมาให้นาง นั่นเพราะเฟิ่งชิงเฉินมิได้มีคุณสมบัติมากพอถึงเพียงนั่น

"หากมีเสด็จอาเก้าอยู่เช่นนี้ การจะสู่ขอนางหาใช่เรื่องง่ายดายไม่" ซีหลิงเทียนเหล่ยพยายามหาเหตุผลเพื่อมาแก้ต่างในข้อผิดพลาดของตนเอง หาได้เป็นเพราะเขาไม่อาจสู่ขอเฟิ่งชิงเฉินได้ไม่ แต่เป็นเพราะมีเสด็จอาเก้าคอยขัดขวางอยู่ต่างหาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ