นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 459

ปรมาจารย์ด้านอักษรของสำนักจี้เซี่ยทั้งสามคนนั้น พลันเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว เพื่อไปหยิบถ่านขึ้นมาวาดวงกลมลงไปบนชื่อ จากนั้นก็พับกระดาษลงด้วยความรวดเร็ว มีเพียงผู้อาวุโสเหยียนและคุณชายหยวนซีเท่านั้น ที่เกิดความลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ถึงค่อยก้มลงไปเขียน

ซีหลิงเทียนเหล่ยที่รอปรมาจารย์ด้านอักษรของสำนักจี้เซี่ยทั้งสามคนให้คะแนนแล้วนั้น เขาก็ค่อย ๆ วาดวงกลมลงไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พับกระดาษลงอย่างช้า ๆ และโยนมันลงไปในกระบอกไม้ไผ่ ท้ายที่สุดแล้วจึงเหลือเพียงเสด็จอาเก้าเพียงคนเดียวเท่านั้น

"เสด็จอาเก้าพ่ะย่ะค่ะ ถึงคราวของท่านแล้ว" ซีหลิงเทียนเหล่ยที่เห็นเสด็จอาเก้าไปขยับตัวมาเป็นเวลานาน อีกทั้งยังไม่คิดที่จะลงมือด้วยตนเองอีกด้วย

"วงกลมชื่อเฟิ่งชิงเฉินแทนเปิ่นหวางที" เสด็จอาเก้าพลันเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย เพื่อเป็นการกล่าวว่าเขาไม่ต้องการลงมือด้วยตนเอง

"ขอรับ" ขันทีที่อยู่ด้านหลังของเสด็จอาเก้าพลันก้าวเข้าไปด้านหน้า จากนั้นก็เขียนวงกลมที่มีชื่อของเฟิ่งชิงเฉินแทนเสด็จอาเก้า จากนั้นจึงพับกระดาษเพื่อนำไปใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่

คำตอบของเสด็จอาเก้านั้น พระองค์หาได้ตั้งใจปิดเป็นความลับไม่ ถึงจะพับกระดาษไปอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

"เสด็จอาเก้าทำเช่นนี้ เพื่อต้องการจะเปิดเผยความไม่ชอบธรรมของตนเองหรือ?" ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันเลิกคิ้วขึ้น การตัดสินใจของเสด็จอาเก้าคือสิ่งใดกันแน่ คงมิใช่ว่าต้องการกลั่นแกล้งซุูหว่านกระมัง?

เสด็จอาเก้าหาได้ชอบทำตัวน่าเบื่อเช่นนั้นไม่

"ไม่ชอบธรรม? เปิ่นหวางมีความไม่ชอบธรรมหรือ หากว่าเปิ่นหวางเลือกเฟิ่งชิงเฉิน นั่นหมายความว่าเปิ่นหวางไม่มีความชอบธรรมหรือ ความหมายขององค์รัชทายาทเหล่ยคือสิ่งใดกันแน่? หรือว่า ต้องเลือกชื่อของซูหว่านเท่านั้นหรือ ถึงจะเรียกว่าความชอบธรรม ถ้าเป็นเช่นนี้ก็มิต้องมีการประลองระหว่างซูหว่านกับเฟิ่งชิงเฉินเลยเถิด เพียงแค่นางบอกมาว่าตนเองไม่มีศัตรูบนโลกใบนี้ก็พอแล้ว" เสด็จอาเก้าพลันส่งความโกรธของเขาที่ได้รับมาจากเฟิ่งชิงเฉิน ไปลงที่ซีหลิงเทียนเหล่ยและซูหว่านในทันที

ถึงแม้ว่าซีหลิงเทียนเหล่ยสมควรจะได้รับสิ่งนี้ ทว่าซูหว่าน ก็สมควรที่จะได้รับเช่นกัน แต่นับว่านางโชคร้ายยิ่งนัก!

"" ซีหลิงเทียนเหล่ยที่ถูกเสด็จอาเก้าพูดใส่เช่นนั้น เขารู้ตัวดีว่าตนเองพูดออกไปผิดที่ผิดเวลา ใบหน้าของซีหลิงเทียนเหล่ยจึงเจือไปด้วยความอับอายเล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาตามตรงว่า "ไม่มีสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะเสด็จอาเก้า ความเมตตาที่เสด็จอาเก้ามีให้ต่อเฟิ่งชิงเฉินนั้น พวกเรารับรู้ได้เป็นอย่างดี การกระทำของเฟิ่งซิ่วนั้น ในสายตาของเสด็จอาเก้านับว่าเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร" พร้อมกับพรั่งพรูความไม่เป็นธรรมออกมา

"เปิ่นหวางเป็นคนที่ได้รักใคร ย่อมรักในตัวตนของเขาคนนั้น ทำไมหรือ? องค์รัชทายาทเหล่ยมีปัญหาหรือไม่?" เสด็จอาเก้าพลันเปิดอกยอมรับออกมาแต่โดยดี จนซีหลิงเทียนเหล่ยไม่รู้ว่าตนควรจะพูดสิ่งใดออกมา

เป็นเวลาพอดีกับที่ซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินก้าวขึ้นมาด้านหน้า เพื่อเปิดกระดาษของผู้ตัดสินทั้งเจ็ดออกมา หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนแรกที่เปิดกระดาษของเสด็จอาเก้าออกมา

"เฟิ่งชิงเฉิน" นางเรียกชื่อตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เสด็จอาเก้ามิเคยลงมือกับสนามรบที่มิได้วางแผนมาก่อน ในเมื่อเสด็จอาเก้ายืนอยู่ข้างนางเช่นนี้ แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินจักต้องได้ชัยในการประลองครั้งนี้อย่างแน่นอน

ซูหว่านพลันยื่นมือออกมา เพื่อหยิบใบกระดาษในกระบอกไม้ไผ่ออกมาคลี่ดูเช่นกัน "ซูหว่าน"

เฟิ่งชิงเฉินแย้มยิ้ม เพื่อหยิบกระดาษใบที่สามออกมา พร้อมพูดออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า "ซูหว่าน"

"ซูหว่าน" สามใบติดกันแล้ว ที่เป็นชื่อของตนเอง ซูหว่านรู้สึกดีใจยิ่งนัก

หนึ่งต่อสามด้านในกระบอกไม้ไผ่ยังมีอีกสามแผ่น ขอเพียงแค่มีอีกใบหนึ่งที่เป็นชื่อของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็แพ้แล้ว แต่ทว่า มิรู้ว่าเหตุใด เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก

ไม่ว่าจะเป็นนางที่รู้สึกมากไปหรือไม่ นางไม่อาจปฏิเสธตนเองได้เลยว่า นางเชื่อใจในเสด็จอาเก้ามาเพียงใด ฉะนั้นแล้ว ยามที่นางคลี่กระดาษออกมานั้น เมื่อเห็นเป็นชื่อของตนเอง นางหาได้มีท่าทีตกใจไม่"เฟิ่งชิงเฉิน"

ซูหว่านที่หยิบกระดาษใบที่หกออกมานั้น นางได้แต่สวดมนตร์ขอร้องอ้อนวอนภายในใจ ว่าให้เป็นชื่อของตนเอง ต้องเป็นชื่อของตนเองเท่านั้น ขอเพียงแค่อีกชื่อเดียว นางก็จะชนะเสียที

ซูหว่านพลันเปิดกระดาษออกมาด้วยใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ทว่า ผลลัพธ์กลับทำให้นางรู้สึกเสียดายยิ่งนัก

"เฟิ่งชิงเฉิน!" สีหน้าที่ไม่พอใจของซูหว่านพลันแสดงออกมา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าไม่มีอีกแล้ว แต่นางมิอาจทำสิ่งใดได้ กระดาษที่อยู่ในมือของนางคือชื่อของเฟิ่งชิงเฉิน

สามต่อสาม กระดาษที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ใบสุดท้าย ย่อมเป็นตัวตัดสินระหว่างซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินว่า ผู้ใดจะแพ้หรือชนะในครานี้ แต่ทว่า การเปิดกระดาษพลันหมุนวนมาถึงตาที่เฟิ่งชิงเฉินจะต้องเป็นคนเปิดออกมาแล้ว หากแต่ เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของซูหว่านนั้น ก็พูดขึ้นมาด้วยความหวังดีว่า "ซูซิ่ว ใบสุดท้าย ท่านอยากจะให้ข้าเปิดหรือท่านจะเปิดดี?"

"ข้าเอง" ซูหว่านพลันก้มลงไปด้านหน้า พร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา

ข้า โชคชะตาของซูหว่าน เฟิ่งชิงเฉินมีสิทธิ์อันใดมาป่าวประกาศกัน

ตึกตักตึกตักตึกตัก ยามที่ซูหว่านหยิบกระดาษขึ้นมานั้น หัวใจของนางเต้นแรงเสียจนแทบจะหลุดออกมา นางมิเคยตื่นเต้นเท่าในครานี้มาก่อนเลยในชีวิต

ฉินหมากอักษร การประลองในสามครั้ง นางแพ้หนึ่งเสมอหนึ่ง ถ้าหากการแข่งขันในครานี้เปลี่ยนไป องค์ชายสามย่อมไม่ปล่อยนางไปแน่ องค์ชายสามได้มีการเตือนนางมาแล้วครั้งหนึ่ง หากนางทำลายเรื่องขององค์ชายสามอีกละก็ องค์ชายสามจะจับนางให้ไปแต่งกับเจ้าเมืองจินเฉิง เพื่อแลกกับค่าใช้จ่ายของกองทัพ

กระดาษในมือของนางจะเป็นตัวตัดสินถึงเรื่องการแพ้ชนะในวันนี้ นางมิอยากจะเปิดมันออกมาดูยิ่งนัก มือทั้งสองข้างของนางพลันกำกระดาษในมือเอาไว้แน่น ฝ่ามือพลันมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาในทันที

ในทางกลับกัน เฟิ่งชิงเฉินหาได้มีท่าทีสนใจในผลลัพธ์ที่จะออกมาไม่ เมื่อเห็นท่าทางของซูหว่านที่เป็นเช่นนั้น นางจึงได้เอ่ยเรียกสติซูหว่านออกมา "ซูซิ่ว?"

ซูหว่านพลันชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับเรียกสติตนเองกลับมาในทันที แล้วจึงแย้มยิ้มออกมาว่า "เฟิ่งซิ่ว ท่านใจร้อนหรือ?"

ซูหว่านที่ต้องการจะปกปิดความตื่นเต้นของตนเองเอาไว้ พร้อมทั้งป่าวประกาศว่า ผู้ที่กำลังตื่นเต้นมิใช่นาง แต่ทว่า นอกจากซูหว่านแล้ว ผู้ที่อยู่ในที่แห่งนี้ ต่างก็รู้ดีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

เฟิ่งชิงเฉินจึงมิคิดเล็กคิดน้อยอันใดกับซูหว่านมากนัก พร้อมทั้งแย้มยิ้มออกมา "ข้ามิได้ใจร้อน ข้าเพียงแค่ต้องการเอ่ยเตือนสติคุณหนูซูว่า กระดาษในมือกำลังจะเปียกแล้ว หากตัวอักษรขาดหายไป ย่อมยากที่จะอ่านออก"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ