นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 460

ไม่ว่าผลการประลองจะชนะหรือแพ้ ซูหว่านจะพอใจหรือไม่อย่างไร ตัวอักษรของซูหว่านจะดีเลิศเพียงใด ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้ชัยไปในครานี้ ก็คือเฟิ่งชิงเฉินอยู่ดี

ถึงแม้ว่าจะเป็นการได้ชัยชนะที่มาจากโชคล้วน ๆ แม้ว่าจะดูไม่โปร่งใสไปบ้าง แต่เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจไม่ เมื่อเห็นผู้คนชี้นิ้วมาที่นาง พร้อมกับกล่าวว่านางชนะได้ก็เพราะเส้นสายนั้น เฟิ่งชิงเฉินได้แต่คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

เส้นสายก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน การที่ผู้อาวุโสเหยียนออกโรงเช่นนี้ ผู้ที่มีสมองเพียงเล็กน้อย ย่อมรู้ว่า ซูหว่านหาได้พ่ายแพ้ที่ตัวอักษรของตนไม่ หากแต่เป็นการพ่ายแพ้จากตัวบุคคล

ฐานะสูงศักดิ์จรดตัวอักษรงดงามเพียงใด แต่การกระทำของซูหว่าน ได้ทำลายความงดงามของตัวอักษรนั้นไปหมดแล้ว เมื่อให้อารมณ์มาอยู่เหนือนำตนเอง จิตวิญญาณย่อมไม่เกิด

มิใช่ผู้ใดก็จะรักใคร่ในตัวบุคคลนั้นไปเสียทั้งหมด แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังคงเกลียดการกระทำเช่นนี้ นับว่าซูหว่านโชคร้ายยิ่งนัก

การประลองอักษรใช้เวลาเพียงสั้น ๆ แต่สำหรับเฟิ่งชิงเฉินนั้น หาใช่เรื่องง่ายดายไม่ นางยังใช้สมองเป็นอย่างมากอีกด้วย การสลักตัวอักษรบนเม็ดข้าวนั้น นับว่าใช้แรงกายแรงใจเป็นจำนวนมาก ในยามนี้ ไม่เพียงแต่นางที่รู้สึกปวดตา แม้แต่นิ้วมือก็รู้สึกปวดเมื่อยเช่นกัน นางอยากจะกลับไปให้ทงจือและทงเหยานวดมือให้นางเดี๋ยวนี้เลย หากรู้ว่าวันพรุ่งนี้ นางจะต้องมีประลองภาพเขียนอีกละก็ นางจะต้องเจ็บนิ้วมากกว่าเดิมเป็นแน่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รีบเร่งฝีเท้าของตนเอง ทว่า ไม่ว่าฝีเท้าของนางจะรวดเร็วเพียงใด คนข้างกายของนางกลับรวดเร็วยิ่งกว่า พร้อมกับเดิมตามนางไม่ห่าง

หากทั้งสองคนเดินออกมาพร้อมกันนั้น ย่อมต้องดึงดูสายตาผู้คนเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน ซีหลิงเทียนเหล่ยเพิ่งกล่าวว่าเสด็จอาเก้ามีความไม่ชอบธรรมไปเมื่อครู่ ยามที่การประลองจบลง พวกเขายังเดินออกมาด้วยกันเช่นนี้อีก นี่มิใช่ทำให้ผู้คนยิ่งคิดมากไปกันใหญ่อีกหรือ เฟิ่งชิงเฉินเกิดความลังเลใจไปครู่หนึ่ง พร้อมกับหยุดฝีเท้าลง เพื่อกล่าวกับเสด็จอาเก้าด้วยความเคารพว่า "เสด็จอาเก้าเพคะ พวกเราหาได้กลับทางเดียวกันไม่"

เฟิ่งชิงเฉินยอมรับว่าตนเองกำลังรื้อสะพานแม่น้ำที่ตนเองเพิ่งข้ามมาทิ้งไป เสด็จอาเก้าที่เพิ่งช่วยเหลือนางเมื่อครู่ นางก็เตะเขาออกไปเสียแล้ว ทว่า นางทำเช่นนี้มิใช่ว่าหวังดีต่อตัวเขางั้นหรือ

เสด็จอาเก้าเป็นผู้สูงศักดิ์ของแว่นแคว้น ย่อมไม่ควรใกล้ชิดกับสตรี เสมือนกับเทพเจ้าเช่นกัน ทำไมเขาต้องมาเข้าใกล้นาง สตรีที่ถูกทอดทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย การที่พระองค์มาเดินคู่กับสตรีที่ไร้ประโยชน์เช่นนางนั้น มีแต่จะแปดเปื้อนเสียมากกว่า

เฟิ่งชิงเฉินพลันก้าวถอยหลังออกมา เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างนางกับเสด็จอาเก้า หากด้านนอกรู้ว่า การประลองในวันนี้ เพื่อเสด็จอาเก้าละก็

"เปิ่นหวางจะไปส่งเจ้า" สายตาของเสด็จอาเก้าพลันสื่อออกมาด้วยความเจ็บปวด หลังจากที่การประลองระหว่างนางกับซูหว่านจบลงนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พยายามรักษาระยะห่างระหว่างเขามาโดยตลอด เสมือนกับว่าต้องการยุติความสัมพันธ์เช่นนี้ลง

เสด็จอาเก้ามิเข้าใจเลย เฟิ่งชิงเฉินทำเช่นนี้หมายความเช่นไรกันแน่ จิตใจของสตรีช่างยากแท้หยั่งถึงเสียจริง เสด็จอาเก้าขอสาบานเลยว่า นอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เขาจะไม่มีวันไปยั่วยุสตรีนางใดอีก แค่นางเพียงคนเดียวก็ทำเขาปวดหัวจะแย่

"นี่มิใช่สิ่งที่ดีนัก หม่อมฉันมีองครักษ์ส่วนตัว" สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันแสดงออกถึงความลำบากใจ

เสด็จอาเก้า นี่มันยังอยู่ในช่วงการประลองอยู่ การเคลื่อนไหวของนางในทุก ๆ ครั้ง ย่อมต้องถูกผู้คนจับตามองเสียมากมาย นางกับเสด็จอาเก้าอยู่ใกล้กันมากเกินไปแล้ว ย่อมทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้ หากเสด็จอาเก้ามิคิดถึงตนเองเสียหน่อย ก็ให้คิดถึงนางบ้างเถิด

ฮึฮึฮึ หานางรู้ว่า การเคลื่อนไหวของนางจะส่งผลทิศทางของการเดิมพันในตงหลิงแล้วละก็ นางคงจะทำทุกอย่างมากกว่านี้ ทำตัวเอิกเกริกมากกว่านี้ นางหาได้กลัวความพ่ายแพ้ไม่ นางกลัวแต่ว่า ผู้ที่จะอยู่ในเงามืดจะลงมือกับนางเสียมากกว่า

อะแฮ่ม ไม่นานนัก คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นความจริง ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีคนที่ไร้พ่ายอยู่เพียงผู้เดียว

หากเป็นในยามปกติละก็ เสด็จอาเก้าย่อมไม่คิดบังคับเฟิ่งชิงเฉินเป็นแน่ เพราะเขารู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินหาใช่คนหน้าซื่อใจคดไม่ ทว่า เขาแค่อยากจะรั้งตัวนางเอาไว้ สายตาของเสด็จอาเก้าพลันเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง พร้อมกับเอ่ยตามตรงว่า "เปลี่ยนยา"

หืม?

เฟิ่งชิงเฉินพลันชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อคิดไปถึงทหารที่บาดเจ็บในคืนก่อน ก็นับว่าได้เวลาที่นางต้องไปเปลี่ยนยาให้แล้วจริง ๆ ช่วงนี้นางยุ่งวุ่นวายเสียจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ