นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 494

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าขัดคำสั่งของข้าหรือ" ฮ่องเต้ทรงพระพิโรธจนตบโต๊ะเสียงดังลั่น ทำเอาถ้วยน้ำชาและเครื่องว่างบนโต๊ะต้องสะเทือน สายพระเนตรของพระองค์ดูเชือดเฉือนราวกับคมดาบที่กำลังชี้หน้าเฟิ่งชิงเฉิน

เมื่อฮ่องเต้ทรงพระพิโรธขึ้นมา คนอื่นๆที่มาเข้าเฝ้าก็ใจเต้นตุบตับ ทุกคนภายในห้องรีบคุกเข่าในทันที ส่วนผู้ที่ควรจะคุกเข่ามากกว่าใครกลับเอาแต่ยืนยิ้มด้วยท่าทางที่ไม่ตื่นตระหนก

ผู้ที่กล้าจ้องพระพักตร์โดยตรงแถมยังวางตัวหยิ่งยโสมีไม่มากนักหรอก แต่ที่แน่ๆ หนึ่งในนั้นก็มีเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่ยอมก้มหัวให้ฮ่องเต้เด็ดขาด

ทุกคนได้ประจักษ์แล้วว่าสิ่งที่ถูกถอดคือชุดของเฟิ่งชิงเฉิน สิ่งที่ถูกตบคือพระพักตร์ของฮ่องเต้ หากเฟิ่งชิงเฉินยอมอ่อนข้อในตอนนี้ ในภายภาคหน้าก็คงยากที่จะแข็งข้อกับฮ่องเต้ได้อีกครั้ง และเรื่องนี้อาจส่งผลไปถึงเสด็จอาเก้า

ฮ่องเต้หรี่พระเนตรจ้องมอง สายพระเนตรอันแหลมคมได้ทำการกรีดชุดของเฟิ่งชิงเฉินไปทั่วร่าง!

อ๋องเก้าชักจะกล้าขึ้นทุกวัน แค่นำเรื่องส่วนตัวของตัวเองมาเผยแพร่ยังพอว่า แต่นี่ถึงกับกล้าให้หญิงกำพร้าอย่างเฟิ่งชิงเฉินมาสวมชุดพระชายาอ๋องเก้า นี่มันหมายความว่าอย่างไร

ไม่เห็นหัวฮ่องเต้องค์นี้แล้วสินะ

ฮ่องเต้ทรงพระพิโรธถึงขีดสุด พระองค์ทรงอยากใช้โอกาสนี้กำราบเสด็จอาเก้าให้อยู่หมัด แต่กลับลืมไปว่าการที่เสด็จอาเก้าเลือกใช้วิธีนี้ก็เพื่อจะกำจัดความคิดเรื่องที่ฉู่ฉางฮว๋าอยากแต่งงานกับเสด็จอาเก้า

"ฮ่องเต้ ชิงเฉินไม่กล้าหรอกเพคะ พวกนางก็แค่มาปกป้องผู้เป็นนาย ขอฮ่องเต้อย่าทรงถือโทษพวกนางเลยนะเพคะ" เฟิ่งชิงเฉินเหมือนจะรู้สึกผิด แต่น้ำเสียงของนางเหมือนไม่ได้จริงใจ จากนั้นนางจึงสั่งเซี่ยหว่านและตงชิง "พวกเจ้าถอยไปก่อน"

"เจ้าค่ะ" ทั้งสองถอยไปคอยด้านหลัง แต่รัศมีความโหดยังคงแผ่ออกมาไม่ลดละ ทำเอาเหล่าขันทีกระจอกไม่กล้าเข้าไปใกล้

เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า สาวใช้ข้างกายเฟิ่งชิงเฉินทั้งสองคนเป็นคนมีวิทยายุทธ แถมฝีมือยังไม่ธรรมดาเสียด้วย

ถึงกับกล้าพาคนเช่นนี้เข้ามาในเขตวัง จะบังอาจเกินไปแล้ว ความคับแค้นในสายพระเนตรของฮ่องเต้ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ......

คนพวกนี้ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาเลย เห็นทีว่าวันนี้พระองค์จะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเสียแล้ว!

ฮ่องเต้ทรงคับแค้นพระทัยมาก ส่วนเฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงใจเย็น หากแต่มือนางกลับกำหมัดไว้แน่น

ชุดที่นางสวมใส่ช่างล่อตาล่อใจผู้คนดีเหลือเกิน ตอนที่นางเข้าวังนางก็รู้แล้วว่าต้องเผชิญกับอะไร ดังนั้นนางจึงพกป้ายตราประทับของเสด็จอาเก้ามาด้วย นางกำป้ายตราประทับเอาไว้แน่น หากฮ่องเต้ทรงคิดต่อกรกับนาง นางก็จะชูป้ายนี้ขึ้นมา

ป้ายตราประทับนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของเสด็จอาเก้า ตราบใดที่ป้ายนี้ยังอยู่ในมือนาง นางจะบังอาจกว่านี้ก็ยังได้ ชุดที่นางใส่มาก็เป็นชุดที่เสด็จอาเก้าต้องการให้นางใส่ นางก็แค่ทำตามคำสั่งของเสด็จอาเก้าเท่านั้นเอง

ดูผิวเผินอาจเป็นแค่เรื่องชุดเพียงตัวเดียว แต่ความจริงแล้วมันคือการต่อสู้ระหว่างฮ่องเต้และเสด็จอาเก้า ฮ่องเต้ทรงต้องการยึดอำนาจในช่วงที่เสด็จอาเก้ากำลัง "ป่วย"

การที่เสด็จอาเก้าส่งนางมานั้นก็เพราะว่าต้องการให้มีตัวแทนของตัวเองเดินไปเดินมาในวังหลวงช่วงที่เขากำลัง "ป่วย" ทำให้ทุกคนในตงหลิงได้รู้ว่าต่อให้เสด็จอาเก้ากำลัง "ป่วย" ก็ยังดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

การต่อสู้แย่งอำนาจของผู้ชาย ผู้ที่ต้องเสียสละในตอนท้ายมักจะเป็นฝ่ายหญิง ผู้ที่ถูกส่งให้มาออกหน้าก็ยังเป็นฝ่ายหญิง ประโยคที่ว่าสู้กันเพื่อสตรีช่างไร้สาระสิ้นดี มันเป็นเพียงข้ออ้างที่ฝ่ายชายนำมาบังหน้าก็เท่านั้น

หากต่อสู้เพื่อฝ่ายหญิงจริงๆ เหตุใดจึงไม่มอบชัยชนะให้กับฝ่ายหญิงล่ะ ระหว่างหญิงสาวกับการเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ชายก็ต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้วล่ะ

เฟิ่งชิงเฉินรู้จุดยืนตัวเองดี และรู้ดีว่าควรทำอย่างไรต่อจึงจะไม่ตกเป็นผู้เสียสละ ระหว่างที่นางกำลังต่อต้านฮ่องเต้ นางจะถอยไม่ได้เด็ดขาด หากนางถอยก็เท่ากับเสด็จอาเก้าต้องยอมถอยไปด้วย

ฮ่องเต้กับเฟิ่งชิงเฉินต่างยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมถึงฮองเฮาต่างพากันเงียบกริบ เพราะในเวลานี้หากใครกล้าส่งเสียงก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ