นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 498

สรุปบท บทที่ 498 ช่างบังเอิญ ส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับจวน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 498 ช่างบังเอิญ ส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับจวน – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 498 ช่างบังเอิญ ส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับจวน ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

นางจะไม่ใส่ใจกับอารมณ์ของผู้ป่วยให้มากนัก ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นการทำร้ายตนเอง นี่คือหลักการทั่วไปของเฟิ่งชิงเฉิน

ไม่ใช่ว่านางเลือดเย็นไร้ความปรานี แต่ในโลกนี้มีทั้งคนและสิ่งต่างๆ มากมายที่ควรค่าต่อการเห็นอกเห็นใจ นางไม่อยากจะทำตัวเหมือนกับหลินเม่ยเม่ย ที่แต่ละวันอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจน้ำตาไม่เคยหยุดไหล เมื่อพบเห็นกับความเกิดแก่เจ็บตาย มีสิ่งใดอีกที่นางจะไม่อาจปล่อยวางได้......

นางสวมหน้ากากอนามัยแล้วไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางเพิกเฉยต่อความคาดหวังและความรอคอยอันเล็กน้อยในสายตาของห้าวถิง เนื่องจากหากว่านางจะได้ทำการตรวจ นางจะไม่กล้าให้คำสัญญาใดกับผู้ป่วยเลย

เวลามีจำกัด หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินทำการจับชีพจรแล้วก็ได้ทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นให้แก่ห้าวถิง แน่นอนว่าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะของนางได้ถูกเปิดออกแล้วก่อนหน้านี้ มิใช่ว่านางเอาแต่พึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่อาการเจ็บป่วยบางอย่างไม่ใช่สิ่งที่ตรวจมองได้จากภายนอกด้วยสายตา อีกอย่างผู้ป่วยตรงหน้านี้ก็ไม่ให้ความร่วมมือกับนางสักเท่าไหร่

เฟิ่งชิงเฉินตรวจดูรูม่านตาของห้าวถิง จากนั้นก็พิจารณาถึงอัตราการเต้นของหัวใจรวมไปถึงการหายใจด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะถามเขาว่ามีส่วนใดที่รู้สึกไม่สบาย และสามารถรับประทานอาหารนอนหลับใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติหรือไม่?

จากคำพูดของห้าวถิงประกอบกับประสบการณ์ทางเทคนิคที่นางมี เฟิ่งชิงเฉินรู้ได้ทันทีว่านางกำลังพบกับปัญหาใหญ่เข้าแล้ว การแข่งขันในครั้งนี้จะชนะหรือไม่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาใหญ่ก็คือนางอาจสามารถรักษาห้าวถิงให้หายได้หรือไม่

“คุณชายห้าวถิง ข้าต้องการจะนำเลือดของท่านออกมาสักหยด” เฟิ่งชิงเฉินไม่รอให้ห้าวถิงปฏิเสธ นางก็ได้หยิบเข็มเล่มเล็กออกมาจากกล่องยาแล้วแทงไปที่ปลายนิ้วของห้าวถิง

ห้าวถิงรู้สึกเจ็บปวดแต่ไม่ได้เคลื่อนไหว แล้วยอมให้เฟิ่งชิงเฉินเจาะเลือดของเขาไป ขนตาเรียวยาวของเขาขยับเล็กน้อย หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินใส่เลือดลงไปในขวดบรรจุเรียบร้อยแล้วเขาจึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “หมอเฟิ่ง ข้าเป็นโรคอะไรกันแน่ เหตุใดบัดนี้จึงไม่มีผู้ใดตรวจพบโรคของข้าได้เลย”

“บัดนี้ข้ายังไม่รู้ อีกประเดี๋ยวรอให้ข้ากลับไปและนำเลือดของเจ้าทำการทดสอบแล้วจึงจะรู้ได้” เฟิ่งชิงเฉินเปิดกล่องยาออกแล้วถอดถุงมือและหน้ากาก ยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตน เซี่ยหว่านรีบหยิบผ้าขนหนูเปียกผืนหนึ่งเข้ามา แล้วทำการเช็ดนิ้วมือทั้งสิบของเฟิ่งชิงเฉินให้อย่างสะอาดสะอ้าน

สาวใช้ที่ฉลาดหลากแหลมเช่นนี้ นางสังเกตเห็นลักษณะนิสัยอันเคยชินเล็กๆ น้อยๆ ของตน บ่าวที่มาจากจวนอ๋องเก้าไม่ธรรมดาทีเดียว

เฟิ่งชิงเฉินหันไปพยักหน้าให้แก่เซี่ยหว่านเป็นความหมายว่านางยอมรับ เซี่ยหว่านดวงตาเป็นประกายด้วยความปีติยินดี

หลังจากจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เดินหันหลังกลับไปมองเห็นซูหว่านที่อยู่ตรงนั้นทำท่าทางเสแสร้งตรวจจับชีพจรของผู้ป่วยหมายเลขแปด แล้วเอ่ยถามคำถามที่โดยมากหมอจะเอ่ยถามคนไข้ ท่าทางที่ซูหว่านแสดงออกมานั้นเกรงว่าหลายวันมานี้นางเองก็คงจะฝึกฝนไม่น้อย

ในการแข่งขัน แพ้ชนะทุกครั้งวัดกันไม่ใช่ที่ความสามารถ แต่วัดกันที่กลยุทธ์ ดังเช่นการแข่งขันฉิน คัดลายมือ วาดภาพและหมากรุกทั้งสี่นั้น ที่นางเอาชนะซูหว่านมาได้

สำหรับกลยุทธ์การจัดการของหนานหลิงจิ่นฝานและซูหว่าน เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สนใจและโกรธเคืองแต่อย่างใด เพราะนี่คือความสามารถของพวกเขา

เฟิ่งชิงเฉินเผยอยิ้มขึ้นอย่างนุ่มนวลแล้วหันไปคารวะองค์รัชทายาทและคนอื่นๆ “ฝ่าบาท บัดนี้ชิงเฉินได้ทำการวินิจฉัยโรคของเขาแล้ว หากไม่มีเรื่องใดอื่นชิงเฉินขอตัวก่อน”

“ชิงเฉินวินิจฉัยโรคของคุณชายผู้นั้นได้แล้วหรือ จำเป็นต้องเขียนใบสั่งยาหรือไม่?” องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ เฟิ่งชิงเฉินสามารถมองเห็นความผิดปกติไปของซูหว่านได้ แน่นอนว่าเขาก็ค้นพบมันเช่นกัน การที่เขากล่าวออกมาเช่นนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เฟิ่งชิงเฉินกล่าวถึงกลยุทธ์ในการแข่งขันครั้งนี้ออกมา แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่สนใจ ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น การใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการแข่งขันเป็นเพียงเรื่องปกติ

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ใส่ใจ บัดนี้ชิงเฉินยังไม่อาจทราบได้ว่าคุณชายผู้นี้เป็นโรคอะไร ชิงเฉินจำเป็นจะต้องใช้เวลากลับไปครุ่นคิดก่อน” แม้นางจะมีข้อสงสัยที่ตั้งเอาไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นางจะรอผลการตรวจเลือดออกมาก่อน หากยังตรวจไม่พบ นางจะไม่มีสิทธิ์กล่าวคำใด เพราะก่อนที่จะมั่นใจ หมอไม่สามารถคาดเดาอาการต่อหน้าคนไข้เช่นนี้ได้ หากว่านางวินิจฉัยผิดและทำให้คนไข้ตกใจก็คงแย่

“ข้าได้ยินมาว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูเฟิ่งยอดเยี่ยมยิ่งนัก ยังมีโรคที่คุณหนูเฟิ่งไม่อาจวินิจฉัยออกมาได้ด้วยหรือ?” หนานหลิงจิ่นฝาน ทำท่าทางเหมือนตนเป็นแมลงสาบ ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ ข้าก็จะคอยปรากฏตัวอยู่ข้างกายเสมอ

เฟิ่งชิงเฉินเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจแล้วกล่าวอย่างไร้ความอดทนว่า “การที่ชิงเฉินยังไม่อาจวิเคราะห์อาการเจ็บป่วยของคุณชายผู้นี้ออกมาได้ องค์ชายสามคาดว่าคงจะรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ส่วนที่องค์ชายสามกล่าวว่าทักษะทางการแพทย์ของชิงเฉินยอดเยี่ยมนั้นเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เฟิ่งชิงเฉินมีความคุ้นเคยกับการรักษาบาดแผลภายนอกเท่านั้น”

จะใช้กลยุทธ์ใดนั้นย่อมได้ แต่การเปิดเผยกลยุทธ์พร้อมด้วยท่าทางอันน่าขยะแขยงเช่นนั้นนางรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก ทำเรื่องผิดเอาไว้แต่ยังแสร้งทำเป็นคนดี เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะสนทนากับอีกฝ่ายหนึ่งให้เสียเวลานางจึงได้กล่าวออกมาปิดปากเขา

ใบหน้าของตงหลิงจื่อลั่วและซีหลิงเทียนเหล่ยรู้สึกผิดหวังและอับอายเล็กน้อยจึงได้เบือนหน้าหนีอย่างเป็นธรรมชาติ บัดนี้พวกเขามีใครเล่าที่จะกล้าเอ่ยถามเฟิ่งชิงเฉินอีกถึงเรื่องข่าวลือเหล่านั้น องค์รัชทายาททำสีหน้าเก้ๆ กังๆ ก่อนจะกล่าวปิดฉากนี้อย่างสมบูรณ์ เฟิ่งชิงเฉินยังคงทำสีหน้าเย็นชาไม่เห็นแก่หน้าขององค์รัชทายาท

องค์รัชทายาทเองก็ไม่อยากจะกล่าวสิ่งใดให้มากความ เขาเพียงกล่าวออกมาอีกสองสามประโยคหลังจากนั้น แล้วประกาศว่า “การแข่งขันในวันนี้ยุติลงแล้ว ทุกคนสามารถเดินทางกลับได้”

องค์รัชทายาทจากไปก่อนเป็นคนแรก ต่อมาเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อยากจะอยู่ที่นั่นให้เสียเวลา นางติดตามองค์รัชทายาทและคนอื่นๆ ออกไป ห้าวถิงมองไปยังร่างของเฟิ่งชิงเฉินที่จากไปเขาอ้าปากเล็กน้อย ดูเหมือนจะกล่าวบางอย่างออกมาแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดกลับเดินหันหลังไปยังห้องของตน

เฟิ่งชิงเฉินเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการของห้าวถิงยิ่งนัก ประกอบกับเมื่อคืนนี้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินรีบร้อนจะกลับไปพักผ่อนที่จวน แต่คาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเดินทางออกไปจากพระราชวังก็ได้ถูกตงหลิงจื่อลั่วเข้ามารั้งเอาไว้

“บังเอิญเหลือเกิน ชิงเฉินกำลังจะเดินทางออกจากพระราชวังหรือ? ข้าเองก็เช่นกัน ให้ข้าส่งเจ้าเถิด” ตงหลิงจื่อลั่วทำท่าทางสง่างามออกมาแต่ในใจเขาประมาทเล็กน้อย

“บังเอิญยิ่งนัก” ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินกระตุกขึ้นอย่างผิดปกติไปแล้วก้มลงมองไปที่รองเท้าของตน ไม่ใช่ว่านางให้ความเคารพหรือเขินอาย แต่เป็นเพราะไม่อยากมองใบหน้าอันหล่อเหลาซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มของตงหลิงจื่อลั่วเช่นนั้น

การสนทนาที่ดูเหมือนจะเกี้ยวพาราสีตงหลิงจื่อลั่วทำออกมาได้อย่างไร โชคดีที่เขามีหน้าตาอันหล่อเหลา เมื่อกล่าวคำพูดอันไร้สาระเหล่านี้ออกมาก็ยังดูเหมือนชายหนุ่มผู้สง่างาม

“บังเอิญจริงด้วย เฟิ่งชิงเฉิน จะออกจากวังไม่ใช่หรือ? ข้าเองก็กำลังจะเดินทางออกจากวังเช่นกัน ให้ข้าส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับจวนเป็นอย่างไร?” ไม่รู้ว่าซีลิงเทียนเหล่ยโผล่ออกมาจากที่ไหน เขาเองก็ทำท่าทางหยิ่งผยองและกล่าวคำเช่นนี้ออกมาเช่นกัน

ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบหนานหลิงจิ่นฝานและซูหว่านเดินตรงเข้ามา ท่าทางของซูหว่านดูเหมือนกำลังจ้องมองไปยังละครอันสนุก แววตาของหหนานหลิงจิ่นฝานหรี่ลงเป็นประกายด้วยความชั่วร้าย......

เอาล่ะ ยิ่งอยากไปยิ่งไปไม่ได้แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ