เป็นไปดังที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการณ์เอาไว้ หนานหลิงจิ่นฝานและซูหว่านทั้งสองคนไม่เพียงแค่ได้ยินคำของตงหลิงจื่อลั่วและซีหลิงเทียนเหล่ย พวกเขายังเข้ามาจงใจหาเรื่องนางอีกด้วย
หนานหลิงจิ่นฝานดวงตาอันเรียวเล็กดุจดั่งนกฟินิกซ์ของหนานหลิงจิ่นฝานเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันชั่วร้ายเหลือบมองไปทางหนานหลิงจิ่นฝานและตงหลิงจื่อลั่ว ก่อนจะกล่าววาจาดูถูกเฟิ่งชิงเฉินว่า “ช่างบังเอิญเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเข้ากับชิงเฉินและองค์รัชทายาทเหล่ยพร้อมกับลั่วอ๋องที่นี่ องค์รัชทายาทเหล่ยกับลั่วอ๋องจะส่งชิงเฉินกลับจวนหรือ? เรื่องนี้ดูไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ถึงอย่างไรชายหญิงก็ไม่ควรใกล้ชิดกัน ทั้งสองท่านควรจะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นข้อสงสัยจะดีกว่า เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉิน ข้าคิดว่าให้ซูหว่านและข้าเดินทางไปส่งชิงเฉินคงจะเหมาะสมกว่า ชิงเฉินเจ้าว่าอย่างไร?”
ริมฝีปากของหนานหลิงจิ่นฝานเผยอขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประโยคสุดท้ายที่ดูเหมือนกับคำถาม แต่เมื่อคนฟัง ฟังแล้วกลับรู้สึกถึงประโยคที่ค่อนข้างมั่นใจ
จะว่าอย่างไรเล่า ข้าคุ้นเคยกับพวกเจ้าทั้งสองอย่างนั้นหรือ? ชิงเฉินอย่างนั้น ชิงเฉินอย่างนี้ เรียกใครกัน! เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันกรอดแล้วแอบด่าแช่งอยู่ในใจ แต่ท่าทางของนางกลับยิ้มออกมาด้วยความแข็งกระด้าง “ขอบคุณองค์รัชทายาทเหล่ยเป็นอย่างยิ่ง และลั่วอ๋องพร้อมกับองค์ชายสามที่เมตตา ชิงเฉินรู้จักทางกลับจวน จึงไม่จำเป็นให้ท่านทั้งสามต้องลำบากไปส่ง”
ส่งบ้าบออะไรกัน นางไม่ได้เดินทางออกจากพระราชวังเป็นครั้งแรกเพื่อกลับจวนเสียที่ไหนเล่า? ปกติแล้วก็ไม่เคยเห็นมีผู้ใดอาสาจะไปส่งนาง ในวันนี้แต่ละคนกลับพุ่งเข้ามาอาสาอยากจะช่วยเหลือ หากว่าไม่มีแผนการชั่วร้ายคาดว่าคงไม่มีใครเชื่อ
จริงเลยเชียว แต่ละคนดูท่าทางมั่นอกมั่นใจนักหนา คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเจอชายหนุ่มหรืออย่างไร คิดว่าเพียงมีชายหนุ่มก้าวออกมาพูดจาเอาอกเอาใจนางและยิ้มให้นางก็จะเชื่อฟังตามคำพูดของชายหนุ่มเหล่านั้นหรืออย่างไร เหอะ......
“จะเป็นการลำบากอย่างไรเล่า ข้านั้นชื่นชมชิงเฉินมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้บังเอิญมีโอกาส ชิงเฉินอย่าได้ปฏิเสธข้าเลย โปรดทำให้ความปรารถนาของขอเป็นจริงเถิด” หนานหลิงจิ่นฝานกะพริบตาไปทางเฟิ่งชิงเฉิน เป็นการเตือนนางว่าเขาเคยประกาศแล้วว่าจะแต่งงานกับนาง
“ชิงเฉินเป็นสตรีชั้นสูงของราชวงศ์ตงหลิง ดังนั้นจึงไม่ขอรบกวนองค์รัชทายาทเหล่ยและองค์ชายสามหรอก ข้าจะส่งชิงเฉินกลับไปอย่างปลอดภัยเอง” ตงหลิงจื่อลั่วก้าวไปข้างหน้าเฟิ่งชิงเฉินแล้วกล่าวขึ้น
ซีหลิงเทียนเหล่ยจะพอใจได้อย่างไร “ลั่วอ๋องกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก ต่อให้ชิงเฉินเป็นสตรีชั้นสูงของราชวงศ์ตงหลิงแล้วอย่างไร แต่ข้าและชิงเฉินก็นับว่ารู้จักกันมาเนิ่นนานการส่งชิงเฉินกลับจวน หาใช่ความลำบากใด ไม่เป็นการรบกวนข้าเลย ชิงเฉินข้ามีเรื่องอยากจะเอ่ยถามเจ้าอยู่ด้วย เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ประตูเมืองในวันนั้น รายละเอียดบางอย่าง ข้าคิดว่าชิงเฉินคงจะอยากรู้”
เพื่อเป็นการหลอกล่อเฟิ่งชิงเฉินขึ้นรถม้าของตน ซีหลิงเทียนเหล่ยพยายามอย่างสุดความสามารถ และหยิบอ้างเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินในวันสมรสของนางขึ้นมาเป็นเหยื่อล่อ
ใบหน้าอันสงบนิ่งของเฟิ่งชิงเฉินเคลื่อนไหวเล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองดูซีหลิงเทียนเหล่ยแววตาเป็นประกายแห่งการต่อสู้
นางอยากรู้จริงๆ ว่าเรื่องในวันนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งสาวใช้ที่ทรยศนางคนนั้นด้วย เนื่องจากสาวใช้ผู้นั้นหักหลังนาง จึงทำให้นางรู้สึกปิดกั้นบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกายไปเสียจนสิ้น
นางกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ถูกแทงข้างหลังขึ้นอีกครั้งเช่นนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดในสถานการณ์ที่สิ้นหวังมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก ในขณะเดียวกันนางก็อยากจะรู้เสียจริงว่าใครกันเป็นคนขืนใจสาวใช้ของนางจนถึงแก่ชีวิต จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของด้วย ต่อให้สาวใช้ของนางจะทรยศนาง นางก็จะไม่ยอมให้คนอื่นต้องลงมือ
ซีหลิงเทียนเหล่ยรีบเข้ามาตีเหล็กตอนร้อนกล่าวว่า “ชิงเฉิน ให้ข้าส่งเจ้ากลับไปเป็นอย่างไร? ข้ารับรองได้ว่าเรื่องที่ชิงเฉินอยากรู้ ข้าจะเล่าให้ฟังทุกอย่างอย่างไม่ปิดบัง”
เรื่องในวันแต่งงานของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าได้ทำการสืบมาพอประมาณแล้ว สิ่งใดที่เฟิ่งชิงเฉินอยากรู้ก็ได้รู้ ไม่ว่าเขาจะเล่าให้ฟังหรือไม่ก็ไร้ประโยชน์ บางทีกล่าวออกมาแล้วอาจจะไม่สามารถลบล้างความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างทั้งสองได้
อีกอย่าง ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเป็นสิ่งที่เขาทำแล้วอย่างไร? นางเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้า คิดจะให้นางตั้งตัวเป็นสตรีกับราชวงศ์ซีหลิงอย่างงั้นหรือ
อย่าล้อเล่นไปเลย!
ช่างโหดเหี้ยมสิ้นดี!
หนานหลิงจิ่นฝานยกนิ้วโป้งให้แก่ซีหลิงเทียนเหล่ย เรื่องนี้เขายังหยิบยกขึ้นมาใช้ได้ ซีหลิงเทียนเหล่ยช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ดังนั้นหนานหลิงจิ่นฝานจึงได้ก้าวขาออกมา เป็นเพียงผู้ที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ด้านข้าง
บัดนี้ตงหลิงจื่อลั่วกลัวที่สุดว่าจะมีใครหยิบยกเรื่องงานวันแต่งงานออกมาต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากเรื่องเหล่านั้นไม่อาจตัดขาดจากเขาไปได้ ตงหลิงจื่อลั่วกังวลยิ่งนัก แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลดีๆ ช่วยเฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธได้ หากกล่าวมากความไปเกรงว่าเขาจะมีความกระสับกระส่ายเกินเหตุ เพราะถึงอย่างไรหลักฐานทั้งหมดก็ชี้ไปที่ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา
ในขณะนั้นเองก็มีผู้ช่วยปรากฏกายขึ้น ทำให้ตงหลิงจื่อลั่วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เสด็จอาเก้าได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวมา ในมือถือตราประทับของจวนอ๋องเก้า ท่ามกลางการนำพามาของขันที พวกเขาทั้งหลายเดินตรงเข้ามาทางเฟิ่งชิงเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...