นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 568

ซูหว่านรีบร้อนเกินไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินมองซูหว่านด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินที่ถือเบ็ดตกปลารอเหยื่ออยู่นั้น หากวันนี้ซูหว่านไม่ตาย ก็ต้องฉีกหนังนางออกมาให้ได้ น่าเสียดายนัก ที่ซูหว่านมองเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ออก

"คุณหนูซูหว่าน ไม่ต้องรีบร้อนไป ซือสิงยังมิทันพูดจบเลย อีกทั้งสิ่งที่ทำร้ายผู้คน หาได้มีเพียงแต่ยาพิษไม่"

เพื่อต้องการยืนยันคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ซุนซือสิงพลันกล่าวต่อไปว่า "เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์พูดมิผิดนัก สิ่งของที่อยู่บนเข็มเงินนั้น หาใช่พิษไม่ คนปกติหากไปแตะโดนละก็ย่อมไม่มีอาการอันใดเกิดขึ้น ทว่าหากบาดแผลสดเกิดไปแตะโดนสิ่งนี้เข้าละก็ บาดแผลจะเกิดการเน่าเปื่อยไปในทันที หากบาดแผลของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงมีปัญหาขึ้นมาละก็ แขนข้างซ้ายของเขาย่อมไม่อาจใช้การได้อีก"

ซุนซือสิงคือบุตรชายของซุนเจิ้งเต้า ซุนเจิ้งเต้ามีชื่อเป็นถึงแพทย์หลวงระดับสูงเช่นนี้ ซุนซือสิงจะไม่มีความสามารถไปได้อย่างไร ซุนสืงซิงขาดแต่เพียงแค่การลงมือจริง ๆ เท่านั้น

"หว่านหว่าน เจ้า"ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงพลันก้าวถอยหลังไปสองก้าวในทันที พร้อมกับมองซูหว่านด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดและปนไปด้วยความไม่เข้าใจ ตระกูลเย่ของพวกเขาทำสิ่งใดไม่ดีกับซูหว่านงั้นหรือ?

"ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านลุง ข้าไม่ได้ทำ ข้าจะไปทำร้ายท่านพี่ได้อย่างไรกัน เป็นเฟิ่งชิงเฉิน เป็นนางที่พูดจาไร้สาระ" ซูหว่านพลันรีบร้อยเอ่ยคำอธิบายออกมา

นางไม่รู้จริง ๆ ว่าของบนเข็มเงินนั้นคือสิ่งใด ผู้ที่ให้เข็มเงินกับนางเพียงแค่เอ่ยว่า ของสิ่งนี้มิได้ทำร้ายผู้ใด ให้นำเข็มแทงไปที่เย่เย่ ก็จะสามารถใส่ความเฟิ่งชิงเฉินได้แล้ว คนผู้นั้น ยังแทงเข็มเข้าไปในตัวให้นางดูอีกต่างหาก เมื่อนางเห็นว่ามันไม่มีปัญหาสิ่งใดนั้น นางถึงได้กล้าใช้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูหว่านก็ค่อย ๆ ใจเย็นลง "เฟิ่งชิงเฉิน เป็นเจ้าที่ใส่ร้ายข้า ท่านลุง ท่านต้องเชื่อข้า เฟิ่งชิงเฉินมีเจตนาร้าย นางเกลียดข้าและท่านพี่ยิ่งนัก จะไปมีความหวังดีในการรักษาท่านพี่ได้อย่างไรกัน ต้องเป็นนาง ต้องเป็นนางที่ใส่ร้ายข้าอย่างแน่นอน"

ในยามนี้ ซูหว่านรู้แต่เพียงว่าต้องกัดเฟิ่งชิงเฉินไม่ปล่อยเท่านั้น นางก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว หากนางพูดว่ามีคนให้เข็มเงินแก่นางเพื่อต้องการใส่ร้ายเฟิ่งชิงเฉินนั้น ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงต้องตบตีนางเป็นแน่

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงเริ่มเกิดความลังเลใจขึ้นมาแล้ว เมื่อเทียบกับซูหว่านแล้ว เขาย่อมเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังทำเรื่องชั่วร้ายมากกว่า เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่กลอกตาไปมา ทั้งยังคร้านที่จะอธิบายออกไปอีก จึงหันไปบอกกับซุนซือสิงว่า "ซือสิง เก็บของ พวกเราไปกันเถอะ เรื่องของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงนั้น พวกเราเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดย่อมเป็นผลดีมากกว่า

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง รบกวนท่านช่วยนำหมอมาด้วยเถิด ให้พวกเขาได้จับชีพจรของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงเพื่อดูอาการอีกครั้ง บาดแผลของเย่เย่ข้าได้ทำการจัดการจนหมดแล้ว เขาไม่เพียงแต่พ้นขีดอันตราย แขนซ้ายยังสามารถรักษาเอาไว้ได้เช่นกัน การพักฟื้นในระยะหลังนั้น เชิญท่านนำท่านหมอจากเมืองเย่เฉิงมารับมือต่อเถอะ ข้ามิกล้าแตะต้องมันอีกแล้ว หากว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา แล้วทำให้เย่เย่ต้องมาตายเพราะแผนการเช่นนี้ละก็ เดี๋ยวผู้คนจะหาว่าทักษะการแพทย์ของข้าไม่ดีเอา

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง ข้า ในส่วนของตงหลิงนั้นสิ่งใดที่ทำ ข้าล้วนแต่ทำไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือ ว่าเย่เย่จะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ มันอยู่ที่ความรับผิดชอบของพวกท่านแล้ว ในเมื่อคุณหนูซูหว่านเอ่ยว่าข้าใส่ร้ายนาง? ข้าก็จะไม่อธิบายอันใดอีก เข็มเงินนี้ได้มาจากบนตัวของคุณหนูซูหว่าน หลังจากที่ข้าหยิบออกมาจากมือนางนั้น ข้าก็ไม่ได้ทำสิ่งใดอีก บนเข็มเงินมีตัวยาที่ทำให้บาดแผลเน่าเปื่อยหรือไม่ อีกไม่นานก็จะได้เห็นผลลัพธ์แล้ว"

"ไป ไปเชิญท่านหมอมา" ท่านเจ้าเมืองหาได้เชื่อใจเฟิ่งชิงเฉินไม่

สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินยังคงสงบเงียบเช่นเดิม แม้ว่าใบหน้าของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ทว่า ภายในใจของนางกำลังปะทุไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

หลายปีมาแล้ว ที่นางไม่ได้พอกับ "ครอบครัวของคนไข้"ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ในเมื่อซูหว่านกล่าวว่านาง "ใส่ร้าย" เช่นนั้นนางจะทำการใส่ร้ายให้ได้เห็น เฟิ่งชิงเฉินพลันหยิบเข็มในมือออกมา พร้อมกับนัยน์ตาที่ทอประกายเย็นวาบ

ทั่วร่างของซูหว่านพลันสั่นสะท้านไปในทันที จู่ ๆ นางก็รับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่าง เพียงแค่หันหน้าหนีไปเล็กน้อย พร้อมกับเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป เพื่อหนีห่างจากเฟิ่งชิงเฉินนั้น นับว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ท่านหมอทั้งห้านายเข้ามาพอดี

เฟิ่งชิงเฉินพลันก้าวเดินไปด้านหน้า พร้อมกับเดินผ่านซูหว่านไป เพื่อไปดักทางหนีของซูหว่านในทันที

ซูหว่านเห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ขาทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะเดินถอยหนี รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินพลันฉีกกว้างมากขึ้นไปอีก ยามที่ซูหว่านกำลังหมุนกายหนีไปนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เร่งฝีเท้าตามไปในทันที

ความรวดเร็วที่ฉับไว โดยไม่มีผู้ใดคาดคิดนั้น ยังมิทันที่ท่านเจ้าเมืองจะได้สติกลับมา เพื่อผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไปนั้น ก็สายเกินไปแล้ว เข็มเงินบนมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ก็พลันกรีดเข้าไปในบาดแผลของซูหว่านในทันที

ทั้งยังแม่นยำเป็นอย่างมาก เพียงแค่ครึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น เข็มเงินที่อยู่บนมือของเฟิ่งชิงเฉินก็พลันเต็มไปด้วยเลือดในทันที

ซูหว่านที่รู้สึกเจ็บบนใบหน้านั้น พลันร้องโอดครวญออกมา แล้วจึงผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไป เพื่อร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่ "อ๊าย ปวด ใบหน้าของข้าปวดยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉิน สตรีบ้านี่ เจ้าทำอะไรกับข้า"

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำอันใด?" ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงที่โมโหจนแทบจะกลั้นอารมณ์โกรธไม่ไหวนั้น เฟิ่งชิงเฉินได้ทำการเหยียบหน้าท่านเจ้าเมืองเช่นเขาอีกแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินพลันโบกเข็มบนมือไปมา "ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงกับซูหว่านมิเชื่อว่า เข็มเงินนี่มีปัญหามิใช่หรือ? ข้ากำลังหาหลักฐานอย่างไรเล่า คุณหนูซูหว่าน หวังว่าท่านจะมีความสุข"

เพล้ง เฟิ่งชิงเฉินเพียงสะบัดเข็มเงินออกไปทางหน้าต่าง หยดเลือดต่าง ๆ พลันกระเด็นใส่หน้าต่างและผ้าม่านในทันที เป็นรอยแดงที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก

"ไม่ ไม่ เจ้าจะทำได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉินข้าเกลียดเจ้า ข้าเกลียดเจ้า" ซูหว่านในยามนี้ตื่นตระหนกเสียจนกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว นางคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเข้ามาทุบตีนางเพื่อระบายความโกรธเคือง ไม่คิดว่า เฟิ่งชิงเฉินจะกล้านำเข็มเงินที่มียาเช่นนั้น มาแทงบาดแผลของนางแทน ซูหว่านในยามนี้ราวกับเป็นบ้าก็ไม่ปาน พร้อมทั้งกรูเข้ามาหาเฟิ่งชิงเฉินในทันที ราวกับว่าต้องการจะฉีกเฟิ่งชิงเฉินออกมาเป็นชิ้น ๆ

การต่อสู้ระหว่างสตรีนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าจิกหน้าจิกผม แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินเกลียดการกระทำเช่นนี้มากที่สุด มันเสียศักดิ์ศรียิ่งนัก

ยามที่ซูหว่านกรูเข้ามาหานางนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เตรียมตัวตั้งรับในทันที นางเพียงย่อตัวลงเล็กน้อย พร้อมทั้งคว้าไหล่ของซูหว่านเอาไว้และจับทุ่มลงกับพื้นทันที

มันอยู่ไกลจากเท้าของนางยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่สบายใจ นางจึงเตะไปอีกทีหนึ่ง เมื่อเตะคน จนไปไกลแล้วนั้น ก็ตบมือตนเองเบา ๆ โดยไม่สนใจสภาพน่าอนาถของซูหว่านอีก

"เกลียดก็เกลียดข้าไปเสีย เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ ข้าช่วยชีวิตเจ้า เจ้ายังเกลียดข้าเป็นการตอบแทนเช่นนี้ ซูหว่าน เจ้าทำสิ่งใดลงไป ย่อมได้สิ่งนั้นเป็นการตอบแทน เป็นเจ้าที่รนหาเรื่องเอง เจ้าจะเคียดแค้นข้าก็ทำไป แต่ข้าหาได้สนใจไม่"

"เป็นกระบวนท่าที่ดียิ่งนัก" หยุนเซียว ลั่วอ๋อง ตี๋ตงหมิง องค์รัชทายาทและโจวอ๋อง เคยได้ยินถึงกิตติศัพท์ที่เฟิ่งชิงเฉินล้มบุรุษหลายคนที่หน้าประตูเมืองมาบ้างแล้ว แต่เดิมพวกเขายังรู้สึกสงสัยวิธีการยิ่งนัก ทว่า เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เข้าใจได้ในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ