นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 569

หลังจากที่ สะสางปัญหาของเย่เย่ ทั้งยังทำการสั่งสอนซูหว่านไปอย่างโหดร้ายได้แล้วนั้น อารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ดียิ่งนัก จุดจบของซูหว่านจะเป็นเช่นไร หาใช่เรื่องที่น่าจะต้องไปวิตกกังวลไม่

การที่ซูหว่านลงมือทำเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นการปกป้องต่อเย่เย่ แต่นางก็จะถูกท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงรังเกียจอย่างแน่นอน เมื่อต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างสตรีที่ตนเองรักกับบิดาบังเกิดเกล้าของตนนั้น เย่เย่ย่อมต้องรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก ทว่า เมื่อเวลาผ่านไป เย่เย่ก็จะรู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน

รวมไปถึงใบหน้าของซูหว่านที่ถูกทำลายนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่า เย่เย่จะตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอกหรือไม่ หลังจากที่ใบหน้าของซูหว่านถูกทำลายจนเสียโฉมนั้น อารมณ์ของซูหว่านย่อมเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเย่เย่จะหลงรักซูหว่านมาเพียงใด ก็ต้องมีวันนึงที่รู้สึกอยากทิ้งนางเช่นกัน

เมื่อยุ่งวุ่นวายมาหนึ่งวันเต็มแล้ว ทั่วร่างของนางพลันรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก ในยามนี้ ท้องของนางพากันประท้องไม่หยุดไม่หย่อน แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินได้แต่เพียงฮัมเพลงเบา ๆ เดิมที่ทั้งหยุนเซียวและตี๋ตงหมิงที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ยิ่งพูดคุยกันเสียงก็ยิ่งเบาลง ท้ายที่สุด พวกเขาก็เปลี่ยนมาฟังเสียงฮัมเพลงของเฟิ่งชิงเฉินแทน

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินฮัมเพลงจนจบแล้ว หยุนเซียวจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา "เฟิ่งชิงเฉิน นี่เป็นบทเพลงใดกัน เหตุใดข้าถึงไม่เคยฟังเลย"

แม้ว่าเขาจะไม่กล้าอ้างตนเองว่าเป็นผู้รอบรู้เรื่องทุกอย่างบนโลกใบนี้ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดบนใต้หล้าที่หยุนเซียวผู้นี้จะรู้น้อยไปเช่นกัน วิธีการที่เฟิ่งชิงเฉินใช้ช่วยคนในวันนี้ ทั้งยังเครื่องมือแปลกประหลาดพวกนั้นอีก เขาล้วนแต่ไม่รู้จัก ไม่เว้นแม้แต่บทเพลงนี้ด้วยเช่นกัน

สิ่งใดที่เขาไม่เคยรู้ ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินทั้งนั้น

"《สหายเก่าถอนใจ》" นับว่าเป็นบทเพลงที่รุ่นพี่ของนางชมชอบยิ่งนัก ไม่ว่านางจะฮัมเพลงนี้ทีไร ก็พาลให้ชวนนึกถึงสหายเก่าที่ไม่อาจพบหน้าได้อีกทุกครั้งไป อีกทั้ง นางยังนึกถึงคนที่มิใช่เพื่อนเก่าของนางอีกเช่นกัน เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่มีเวลาไปสนใจสายตาของหยุนเซียวที่มองมา พร้อมทั้งเปลี่ยนเป็นหันไปถามตี๋ตงหมิงแทน

"ตี๋ตงหมิง เจ้าได้รับข่าวจากจิ่นหลิงมาบ้างหรือไม่? เขาไปได้สามเดือนแล้ว ตกลงเขาไปจัดการเรื่องใดกันแน่ เหตุใดไปนานถึงเพียงนี้ก็ยังจัดการไม่เสร็จอีก"ช่วงนี้แม้ว่าทั้งหวังชีและเซี่ยซานจะมาหานาง แต่ก็หาได้มีผู้ใดพูดถึงเรื่องของหวังจิ่นหลิงไม่ นั่นทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกังวลใจไม่น้อย

ถึงแม้ว่าจิ่นหลังจะฉลาดเฉลียวมากมาย แต่ทว่า จิ่นหลิงมิรู้จักวรยุทธ์ แม้จะมีองครักษ์คอยปกป้องคุ้มครอง แต่ทว่า หากเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นมา ก็นับว่าเสียเปรียบอยู่มากโข

หวังจิ่นหลิง คุณชายใหญ่ที่เป็นหนึ่งในใต้หล้า บุรุษที่บดบังความโด่งดังของหยุนเซียวทันทีในยามที่ไปปรากฏตัวที่ใด ยามที่หยุนเซียวได้ยินเสียงเฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถามถึงหวังจิ่นหลิงนั้น แววตาของเขาพลันครึ้มลงไปในทันที พร้อมทั้งเอียงหน้าไปอีกทาง พลางหูตั้งเพื่อฟังข่าวคราว

"ไม่มี ช่วงนี้ข้ายุ่งยิ่งนัก นานแล้วที่ข้าไม่ได้พบกับหวังชีเช่นกัน ข้าเองก็ไม่ได้รับข้อมูลของหวังจิ่นหลิงเลย หากเจ้าเป็นกังวลละก็ ไว้ข้าจะลองถามให้" ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายยิ่งนัก ตี๋ตงหมิงเองก็แอบลืมเรื่องของหวังจิ่นหลิงไปเช่นกัน ภายในใจของตี๋ตงหมิงรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง

"อื้ม ลองถามดูหน่อยเถิด หวังจิ่นหลิงออกไปนอกเมืองนานแล้ว ข้าเป็นกังวลยิ่งนัก ทว่า การที่ไม่มีข่าวร้ายของจิ่นหลิง นั่นย่อมเป็นข่าวดีที่สุด" ความกังวลของเฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ผ่อนคลายลง แต่ทว่า นางรู้สึกสบายใจได้ไม่นาน ยามที่เฟิ่งชิงเฉินมาถึงเรือนเล็กซีชวีนั้น ก็พลันเห็นหวังชีที่อยู่ในห้องโถง เดินไปเดินมาในทันที นางก็รู้สึกกังวลยิ่งนัก

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินพลันเต้นรัว พร้อมทั้งก้าวขาเขาไปอย่างรวดเร็ว"หวังจิ่นหาน เกิดสิ่งใดขึ้น?"

หวังจิ่นหานรับหันกลับมาในทันที พร้อมทั้งวิ่งมาอยู่ตรงหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ยามที่กำลังจะเปิดปากพูดออกมานั้น พลันเห็นหยุนเซียวยืนอยู่เสียก่อน คำพูดพลันถูกกลืนลงคอไปในทันที พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้หยุนเซียวออกไป หยุนเซียวก็พอเข้าใจเรื่องราวได้ "ชิงเฉิน เช่นนั้นข้าขอตัวลา"

"ขออภัยด้วย ที่ข้ามิได้ทำการต้อนรับท่านดี ๆ วันหน้าค่อยนัดกันร่ำสุราเถิด" เฟิ่งชิงเฉินก็หาได้มีกะจิตกะใจรั้งหยุนเซียวไว้เช่นกัน เมื่อเห็นท่าทางของหวังจิ่นหานแล้วนั้น ก็พอจะรับรู้ได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

หลังจากที่หยุนเซียวเดินออกไปแล้วนั้น หวังชีก็พลันส่งสัญญาณให้ตี๋ตงหมิงไปตรวจสอบด้านนอก เพื่อดูว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่องหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดแล้ว หวังชีจึงเปิดปากพูดออกมา "เฟิ่งชิงเฉิน เกิดเรื่องกับใหญ่ของข้าแล้ว!"

"จิ่นหลิง? เขาเป็นอันใดไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ได้รับบาดเจ็บหรือว่าเป็นอันใดไป?" เฟิ่งชิงเฉินพลันตื่นตระหนกยิ่งนัก ด้วยทักษะของแพทย์เช่นนาง ใช้เวลาเพียงไม่นาน นางก็ใจเย็นลงได้ในทันที พร้อมกับสอบถามเรื่องราวอย่างใจเย็น

หากมาหานางเช่นนี้ ย่อมต้องได้รับบาดเจ็บเป็นแน่ หากเป็นเรื่องบาดแผลละก็นับว่าดีอยู่ ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจ นางจะพยายามรักษาหวังจิ่นหลิงเอาไว้ให้ได้

"ไม่ใช่ พี่ใหญ่ของข้าหายตัวไปแล้ว เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่ข้าไม่ได้ข่าวของพี่ใหญ่อีกเลย ไม่ว่าจะส่งคนไปตามหาเช่นไร ท้ายที่สุด คนจากฝั่งเมืองชิงสุ่ยกล่าวว่า พี่ใหญ่ออกจากเมืองไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว"

หากได้รับบาดเจ็บละก็ นับว่าเขาก็ยังพอจัดการได้ จะต้องมาหาเฟิ่งชิงเฉินทำไมกัน ตระกูลหวังหาได้ขาดหมอฝีมือดีไม่

"หายไป? หาเจอหรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ?" เฟิ่งชิงเฉินหาใช่คนโง่ไม่ คำพูดของหวังจิ่นหานนั้น เพียงแค่พูดออกมา นางก็พอจะเดาเรื่องราวได้ในทันที

หากไม่มีผู้ใดมาสอดมือละก็ หวังจิ่นหลิงจะหายตัวไปได้อย่างไรกัน รอบกายของหวังจิ่นหลิงหาได้ขาดแคลนผู้เป็นวรยุทธ์ไม่

หวังชีได้แต่ส่ายหน้าไปมา "ข้าหาไม่เจอ คนที่ข้าพอจะใช้การได้ มีจำกัดยิ่งนัก รู้แต่เพียงว่าสองเดือนก่อนหน้านั้น พี่ใหญ่ไปปรากฏตัวที่เมืองอี้สุ่ย หลังจากนั้นก็ไม่เห็นไปปรากฏตัวที่เมืองใดอีกเลย ครึ่งเดือนก่อนหน้านั้น ข้าได้รับจดหมายของพี่ใหญว่าสบายดี พร้อมทั้งกล่าวว่าพบเจอปัญหาอะไรสักเล็กน้อย แต่ทว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว

หนึ่งเดืนอก่อนหน้านั้น พี่ใหญ่ก็ส่งมาบอกว่า สบายดี หลังจากนั้น ผ่านไปอีกเดือนหนึ่งก็ไม่มีจดหมายพี่ใหญ่ติดต่อมาอีกเลย ข้ากังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ยิ่งนัก สิบวันก่อน ข้าก็ส่งคนไปออกตามหาเช่นกัน พลันพบว่าเจอพี่ใหญ่อยู่ที่เมืองอี้สุ่ย หลังจากนั้น ก็ไม่พบที่เมืองใดอีก จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ