นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 571

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนเป็นสิ่งที่นางต้องการ ทงจือและชุนฮุ่ยก็เข้ามา เฟิ่งชิงเฉินโยนสัมภาระสะพายหลังให้ทงจือและไปอาบน้ำ

ไม่ใช่เพราะนางรักสวยรักงามที่จะต้องไปอาบน้ำก่อนออกไปข้างนอก นางเพิ่งรักษาเย่เย่เสร็จ ไม่รู้ว่าตัวนางมีแบคทีเรียมากมายเพียงใด ออกไปด้านนอกและรีบเร่งเดินทาง ดังนั้นก่อนที่นางจะออกไปก็ต้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้ไม่เกิดล้มป่วยระหว่างเดินทาง

ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังเพลิดเพลินกับอ่างน้ำร้อน นักวิจัยของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในประเทศจีนก็ล้วนดวงมีตาแดงก่ำ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะตรวจสอบเครื่องมือ

“มันเป็นยาแก้พิษจริงๆ โอ้ สวรรค์ มียาวิเศษขนาดนี้เลยหรือ ช่างน่าทึ่งจริงๆ ประสิทธิภาพของยายังไม่หายไปเลย ยานี้หาที่มาไม่ได้จริงๆ หรือ?”

“ใช่แล้ว ข้าหามันไม่เจอ พนักงานทำความสะอาดเป็นผู้พบยานี้ยามที่ทำความสะอาด เขาเผลอทำขวดยาแตก กลิ่นของยาจึงลอยออกมา อ้อ... เศษขวดยานั้นให้นักโบราณคดีดูแล้ว เขาบอกว่าอย่างน้อยก็เป็นของเก่ากว่าพันปี แต่จากลวดลายบนนั้นดูไม่ออกว่าเป็นยุคสมัยใด"

“กว่าพันปีหรือ ไม่รู้ว่ามันถูกเก็บรักษาไว้อย่างไร น่าทึ่งจริงๆ น่าเสียดายที่ขวดยาแตกไปแล้ว มิฉะนั้นเราคงจะสามารถศึกษาได้ว่าบรรพบุรุษของเราเก็บรักษายานี้ไว้อย่างไร”

"น่าเสียดายมากก็จริง แต่เราก็ยังคงสามารถตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ชื่อ "ประวัติความเป็นมาของแพทย์แผนจีนในวังหลวงแห่งประเทศจีน" ได้

“เป็นความคิดที่ดี รีบเขียนเถอะ ฉันจะติดต่อวารสารให้พวกเขาเก็บหน้าว่างเอาไว้ ให้ทุกคนเห็นชัดเจนว่าแพทย์แผนจีนเป็นของประเทศจีนและให้คนเหล่านั้นเห็นว่าหมู่เกาะเตี้ยวอวี๋เป็นของจีน"

...

ก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะจากไป นางวางจดหมายไว้ในห้องหนังสือ นางรู้ว่าคนของเสด็จอาเก้าจะนำจดหมายไปส่งให้นาง สำหรับคนของเสด็จอาเก้าหลบทหารและนำจดหมายไปได้อย่างไรนั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้และไม่ได้อยากรู้

แน่นอนว่าไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่เสด็จอาเก้าและหลานจิ่วชิงจะเป็นพวกเดียวกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะคุ้นเคยกับซูเหวินชิงเช่นนั้นได้อย่างไร อวี่เหวินหยวนฮั่วไปถามหาเสบียงกับเสด็จอาเก้า ตอนนี้เป็นซูเหวินชิงสะสมเสบียงแทนเสด็จอาเก้าไปทั่วทุกที่

ตงหลิงจิ่ว หลานจิ่วชิง หากพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน พวกเขาจะมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันหรือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและลูกน้องกันนะ?

หากเป็นเพียงร่วมมือกันก็จะมีวันที่แยกจากกันในสักวันหนึ่ง เพราะพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป ยามที่คนเก่งสองคนมีความคิดแตกต่างกันก็จะไม่มีใครยอมใคร

หากเป็นเจ้านายและลูกน้อง? เฟิ่งชิงเฉินก็นึกไม่ออกว่าใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้อง ทั้งตงหลิงจิ่วและหลานจิ่วชิงล้วนไม่เหมือนผู้ที่จะเชื่อฟังคำสั่งใคร

เฟิ่งชิงเฉินเดินไปพลางคิดเรื่องนี้ไป แต่ก่อนที่นางจะคิดหาเหตุผลได้ ทหารก็จูงม้าที่มีร่างกายสีดำท่าทางแข็งแรงมา ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย ความสนใจของนางถูกม้าดึงดูดไปทันที

"ม้าดำชางซาน? ตี๋ตงหมิงเอาม้าที่ดีเช่นนี้มาให้ข้าเชียวหรือ ต้องลำบากเขาแล้ว" ด้วยม้าตัวนี้ เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจว่านางสามารถสลัดคนที่ตามหลังนางมาได้ในคืนเดียว

“แม่นางเฟิ่ง นี่คือป้ายคำสั่งและสัญลักษณ์นำทาง ด้วยของสองสิ่งนี้ ท่านสามารถเข้าเมืองใดเมื่อใดก็ได้”

“ขอบใจมาก” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิด นางเผลอลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปเสียแล้ว

ในสมัยโบราณ ไม่ใช่ว่าอยากไปที่ใดก็สามารถไปได้ การจะเข้าออกเมืองต้องไปยื่นขอกับทางการ ยามไปเมืองอื่นก็ต้องมีหนังสือผ่านทางที่ทางราชการออกให้จึงจะเข้าเมืองได้

ทหารงุนงงและไม่เข้าใจ นี่คือสิ่งที่เขาควรทำ ทำไมเฟิ่งชิงเฉินต้องกล่าวขอบคุณเขาด้วย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อมอบสายบังเหียนให้นางแล้ว เขาก็ก้าวถอยหลังออกมา

ในยามราตรีมีผู้คนไม่มากนักบนท้องถนน เฟิ่งชิงเฉินขึ้นหลังม้าและควบม้าออกไป ในชั่วพริบตานางก็หายตัวไปกับความมืดยามราตรี...

สายลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดนั้นร้อนใจจนควันโขมง ยามที่เห็นม้าดำชางซาน พวกเขาก็รู้แล้วว่าคราวนี้พวกเขาซวยแน่ กลุ่มสายลับที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวกะทิอย่างพวกเขาต้องกลับไปถูกฝึกใหม่

ม้าดำชางซาน พวกเขาตามไม่ทันแน่ คราวนี้พวกเขาจะทำนางหายไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะถูกการลงโทษแบบไหน

ฮือๆ... เป็นองครักษ์เงาคุ้มกันแม่นางเฟิ่งนั้นไม่ง่ายเลย ไม่นานก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งหัวเราะเยาะกลุ่มสายลับกลุ่มก่อนหน้า แต่ในชั่วพริบตาพวกเขาก็กลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกหัวเราะเยาะ

และสายลับเหนือสายลับที่ผ่านความยากลำบากนับไม่ถ้วนเพื่อส่งจดหมายให้เสด็จอาเก้าก็ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก

ให้ตายเถอะ พวกคนโกหก พวกเจ้าทำให้ข้าซวย

ทุกครั้งที่ได้รับจดหมายจากแม่นางเฟิ่ง เสด็จอาเก้าจะอารมณ์ดีมากและจะแสดงรอยยิ้มที่ในรอบร้อยปีจะเห็นสักครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ