นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 603

ผู้ที่หลบซ่อนรอชมเรื่องสนุกภายในโรงน้ำชา หาได้มีเพียงหนานหลิงจิ่นฝานและซูโหยวไม่ ผู้ที่มีชื่อเสียงภายในเมืองหลวงส่วนใหญ่ ล้วนแต่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของเสด็จอาเก้ากันทั้งนั้น

ในเมืองหลวงนั้น เสด็จอาเก้าเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถพลิกแผ่นฟ้าได้ด้วยเพียงมือเดียวเท่านั้น การมีอยู่ของเสด็จอาเก้านั้น ทำให้ผู้คนภายในเมืองหลวงล้วนแต่รู้สึกไม่เป็นอิสระ ไม่ว่าผู้ใด พวกเขาล้วนแต่ภาวนาให้เสด็จอาเก้าต้องไปตายอยู่ที่นอกเมืองหรือว่าใช้เวลาปราบโจรนานกว่าครึ่งปี เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถจัดวางหมากในกระดานของตนได้ใหม่แล้ว น่าเสียดายนักที่มันหาได้เป็นอย่างที่พวกเขาคาดหวังเอาไส้ไม่

โดยเฉพาะเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินจะกลับมาหรือไม่นั้น หาใช่เรื่องสำคัญ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินตายลงไป พวกเขาก็เพียงทำได้แค่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หากเฟิ่งชิงเฉินรอดกลับมา พวกเขาก็แค่มีที่ระบายอารมณ์เพิ่มเท่านั้น

แม้ว่าระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน จะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้นนัก ยามที่เสด็จอาเก้าเดินทางออกนอกเมืองนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไม่ปล่อยโอกาสอันดีเช่นนี้ไปเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าเสด็จอาเก้าจะคอยสอดส่องความเป็นไปภายในเมืองหลวงจากที่ไกล ๆ ถึงกระนั้น ก็ยังมีบางเรื่องที่ไม่อาจควบคุมได้อยู่ดี

ตงหลิงจื่อลั่วและซีหลิงเทียนเหล่ยกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมทั้งเหยาหวาและซีหลิงเทียนอวี่ที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีเย่เย่ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ โดยพักอาศัยอยู่ที่จวนของตงหลิงจื่อลั่ว ยามที่ทั้งสามคนกลับมารวมตัวกันเช่นนี้ นั่นย่อมเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังมีแผนการที่ต้องร่วมมือกัน

ทั้งตงหลิงจื่อลั่วและซีหลิงเทียนเหล่ยต่างก็รู้กันดี ว่าต่างฝ่ายต่างก็มีความต้องการกันเช่นไร แม้ในอนาคตข้างหน้าพวกเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูกัน แต่ทว่า ในยามนี้พวกเขาก็นับว่าเป็นพันธมิตรกัน พวกเขายังคงสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งของตนพร้อมทั้งอำนาจมากมายได้ เพียงแค่รั้งรอการก้าวเดินในก้าวต่อไปของตนเองเท่านั้น

ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันหันกลับมา พร้อมทั้งครุ่นคิดกล่าวออกมาว่า "เสด็จอาเก้าผู้นี้กำลังร้องเพลง ไม่รักยุทธจักรแต่หลงรักหญิงงามงั้นหรือ?"

ภายในแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำถึงเจ็ดส่วน พลันถูกนิ้วของซีหลิงเทียนเหล่ยกวนวนไปมา ทว่า หาได้มีน้ำกระเด็นหกออกมาด้านนอกไม่

"เสด็จอาของเปิ่นหวาง แต่เดิมหาใช่คนเช่นนี้ไม่" หากกล่าวว่าพระองค์เอาองค์รัชทยาทมาเป็นโล่กำบังนั้น เฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ในอาภรณ์สีชาดย่อมเป็นโล่กำบังที่เหมาะกว่ามากนัก แต่ทว่า ผู้ที่อยู่ข้างกายของนางคือเสด็จอาเก้า ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ ทำสิ่งใดต่อหน้าของเสด็จอาเก้าอยู่แล้ว

คิดจริง ๆ หรือว่าข้างกายของเสด็จอาเก้าจะมีเพียงองครักษ์ในที่แจ้งเท่านั้น สิ่งที่เสด็จอาเก้าจำเป็นต้องพึ่งพาจริง ๆ ย่อมต้องเป็นองครักษ์เงาอยู่แล้ว หากมิมีองครักษ์เงา เสด็จอาเก้าคงตายไปได้นับร้อยครั้งแล้วกระมัง

ตั้งแต่ที่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินลงมาจากรถม้าด้วยกันนั้น ระยะทางจากรถม้าจนมาถึงเกี้ยว พวกเขาก็เห็นผู้คนมากมายที่โดนลากออกไปอย่างไร้เสียงเช่นกัน

กำลังพลที่อยู่ภายใต้เสด็จอาเก้า นับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก ตงหลิงจื่อลั่วยังเคยนึกสงสัยเช่นกัน เสด็จอาเก้าที่อายุอานามไม่มากนัก แต่เหตุใดถึงอบรมเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้

เสด็จอาเก้าที่มีอายุมากกว่าเขาเพียงแค่สองปี อีกทั้งยังไม่มีตระกูลของมารดาคอยเกื้อหนุนเช่นนี้ หากว่ากันตามจริงแล้ว อำนาจที่อยู่ในมือของเสด็จอาเก้าย่อมมีไม่มากนัก หากเอาตั้งแต่ที่เขาจำความได้ แม้นว่าจะมีการซื้อขายเพื่อฝึกอบรมกองกำลังของตนเอง ก็ย่อมไม่สามารถฝึกได้อย่างยอดเยี่ยมและใช้เวลาแสนสั้นได้เช่นนี้

"ภายใต้สีหน้าที่เยือกเย็น กลับลงมือด้วยความเฉียบขาดยิ่งนัก เสด็จอาของเจ้าผู้นี้หาใช่คนธรรมดาไม่ เส้นทางที่ชุกชุมไปด้วยหนูโสโครกมากมายเช่นนี้ หาได้มีตัวใดกล้ากระโดดออกมาสักตัวไม่ เมื่อเทียบกับข่าวคราวที่คุณชายตระกูลหวังกลับมาก่อนหน้านั้น เรื่องนี้นับว่าดูมีชีวิตชีวากว่ามากนัก" เรื่องนี้นับว่าซีหลิงเทียนเหล่ยไม่อาจหาทางโต้ตอบได้เลยแม้แต่น้อย เสด็จอาเก้าลงมือทำสิ่งใดล้วนไร้ที่ติ ทั้งยังเต็มไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

"น่าเสียดายยิ่งนัก ที่ระเบิดเทียนเหล่ยมิอาจใช้การได้ มิเช่นนั้นคงมีเรื่องสนุกมากมายให้ได้ชม" ตงหลิงจื่อลั่วพลันยิ้มเย้ยหยันออกมา

เขายอมรับว่าที่นี่ก็มีคนของเขามากมายเช่นกัน ทั้งในผู้บัญชาการทหารราบเก้าประตูก็มีคนของเขาอยู่ด้วย หากมิใช่เพราะว่าเขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย คนพวกนี้จะลอบเข้ามาได้อย่างไร แต่เดิมเขาตั้งใจจะสร้างความลำบากให้กับเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเพียงเล็กน้อย เพื่อให้พวกเขาไม่มีเวลาไปจัดการปัญหาอย่างอื่น แต่มิคาดคิดเลยว่า

คนพวกนี้ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ยังมิทันได้ลงมืออันใด ก็โดนคนของเสด็จอาเก้าปัดกวาดไปหมดแล้ว อีกทั้งยามที่คนอื่นได้เห็นภาพเช่นนั้น หาได้มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวไม่

"องค์จักรพรรดิก็เหลือเกิน เสด็จอาเก้าทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้ เขายังต้องอดทนอันใดอีก หากว่าองคจักรพรรดินำระเบิดเทียนเหล่ยออกมาใช้ละก็ ร่างของเสด็จอาเก้าคงได้หายไปนานแล้ว พวกเราก็คงไม่ต้องมาถูกกระทำเช่นนี้" เย่เย่ได้แต่นั่งจิบชาด้วยท่าทีหม่นหมอง ภายในใจรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก

หากมิได้เป็นเพราะเรื่องโรงเลี้ยงสัตว์หลวงละก็ คนของเย่เฉิงย่อมจับเฟิ่งชิงเฉินฝังดินไปได้แน่ เมื่อหน้าตาของบุรุษไม่เหลือเช่นนี้ ท้ายที่สุด พวกเขายังมิได้ทำอันใด เฟิ่งชิงเฉินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งยังสร้างปัญหาทิ้งไว้มากมายอีกด้วย

แต่สิ่งที่น่าเกลียดมากที่สุดก็คือ เฟิ่งชิงเฉินรักษาเขาไปได้ไม่นานก็หายตัวไป พวกเขาคนจากเย่เฉิงหาได้ทำสิ่งใดไม่ แต่กลับต้องมาตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน กลายเป็นแพะรับบาปไปอย่างไม่รู้ตัว บุญคุณที่คิดจะตอบแทน กลับกลายเป็นความแค้นที่ต้องตามจองเวรจองกรรมไปอีกนาน

เพียงชั่วพริบตาเดียว พันธมิตรที่เคยร่วมมือกับเมืองเย่เฉิงก็ลดลงไปถึงหนึ่งในห้าส่วนในทันที ยามที่จักรพรรดิแห่งตงหลิงทำความสะอาดเหล่าสายสืบนั้น พวกเขาคนจากเมืองเย่เฉิงย่อมได้รับผลกระทำอย่างแสนสาหัส สายลับที่แฝงตัวอยู่ในตงหลิงมานานนับสิบปี กลับถูกถอนรากถอนโคนออกมาจนหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ