นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 660

สรุปบท บทที่ 660 แต่ละคนล้วนเก่งกาจ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป บทที่ 660 แต่ละคนล้วนเก่งกาจ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บทที่ บทที่ 660 แต่ละคนล้วนเก่งกาจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ข้างนอกไม่เหมาะสำหรับจะกล่าวคุยเรื่องเหล่านี้ กลับไปคุยที่จวนจะเหมาะสมกว่า ทงจือและทงเหยาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเอ่ยถามเรื่องราวของข้อมูลที่พวกนางไปพบมาเมื่อกลับไปถึงจวน แต่พวกนางคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเร่งรีบ นางให้คนไปเตรียมน้ำร้อนเพราะนางต้องการอาบน้ำกินข้าว

นางต้องการบำรุงร่างกายของตนด้วยการกินให้มากพอ จะได้มีกำลังเผชิญกับสิ่งต่อไปในอนาคตและเผชิญหน้ากับความจริง บัดนี้ความจริงได้ค้นพบแล้ว นางไม่จำเป็นต้องทำตัวรีบร้อนเช่นนี้

โชคดีที่สาวรับใช้ทั้งสี่คนรู้นิสัยของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี เมื่อพวกนางรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินออกมาจากห้องผ่าตัดก็ต้องการอาบน้ำก่อน ชุนฮุ่ยและชิวฮว่าจึงได้สั่งให้คนเตรียมน้ำร้อนเอาไว้แล้วก่อนหน้า ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินออกมาก็มีน้ำร้อนเตรียมไว้ให้อาบ

หลังจากแช่ตัวในน้ำร้อนสักพัก เฟิ่งชิงเฉินก็พยายามผ่อนคลายร่างกายของนางให้มากที่สุดด้วยการปิดตาของนางลง ปกปิดความเศร้าและความไม่สบายใจในดวงตาของนางเอาไว้

ไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับการค้นหาสิ่งที่นางต้องการได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่นางคาดไว้มาก และมีคนที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่นางคิด

มีคนต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ใช้ประโยชน์จากการตายของบิดามารดานาง

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินก็เต็มไปด้วยความขมขื่น คนเหล่านั้นไม่แม้แต่ที่จะปล่อยให้คนที่ตายไปแล้วสองคนได้อยู่อย่างสงบ พวกเขาไม่เอาใจเขามาใส่ใจเราดูบ้างหรือ คิดดูเถิดว่านางจะเศร้าใจเพียงไรในฐานะลูก

ไม่ว่านางจะเป็นใคร ในใจของนางพ่อเฟิ่งและแม่เฟิ่งก็คือพ่อแม่ของนาง และพ่อแม่ของนางก็มีเพียงพวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น เมื่อชาติที่แล้ว พ่อแม่ของนางคนหนึ่งได้ทิ้งนางไป อีกคนหนึ่งไม่ยอมรับนาง นางไม่อาจเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่ได้เต็มปาก

นางตรึงความปรารถนาทั้งหมดไว้ที่พ่อแม่ของนาง ในความคิดของนางเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก พ่อเฟิ่งอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนของเขาและตบหัวเล็กๆ ของนางด้วยมืออันอบอุ่นของเขา กล่าวว่า "เสี่ยวเฉินของเรานั้นจะเป็นเด็กหญิงที่น่ารักและสวยที่สุด เมื่อเจ้าเติบโตขึ้น พ่อจะเลือกคู่ครองที่ดีที่สุดในโลกให้กับเจ้า รับช่วงต่อจากพ่อ ทำให้ลูกมีความสุขต่อไปตลอดชีวิต”

นั่นคือความรักของพ่อแม่ที่นางใฝ่หามาเป็นเวลานาน และมันเป็นความรักในครอบครัวที่นางใฝ่ฝัน แต่กลับถูกทำลายโดยคนอื่น

จ๋อม......น้ำตาไหลลงมาตามหางตาของเฟิ่งชิงเฉินไหลลงสู่อ่างน้ำ

เรื่องบางเรื่องนางสามารถหลีกเลี่ยงได้หากรำคาญ แต่มีบางสิ่งที่แม้นนางจะรู้ว่าเป็นปัญหา แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน

ทุกคนมีเส้นข้ามแดนที่แตกต่างกัน สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น ญาติคือข้อห้ามของนางจะมายุ่งเกี่ยวกับญาติๆ นางไม่ได้ บิดามารดาที่เสียชีวิตไปแล้วของนางเป็นญาติสนิทที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ใครกล้าทำร้ายญาติของนาง นางจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า การกระทำของเย่เย่ดูถูกกระดูกพ่อแม่ของนางซึ่งเป็นขีดจำกัดข้อห้ามของนางอย่างไม่ต้องสงสัย

......เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ หยดน้ำไหลลงมาตามผิวหนังของนาง เฟิ่งชิงเฉินเดินออกไปด้วยเท้าเปล่า

เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนใหญ่คนโต หากไม่ใช่เพราะว่าเสด็จอาเก้าปฏิบัติต่อนางแตกต่างไป องค์จักรพรรดิก็คงไม่รู้ถึงการมีตัวตนของนาง สำหรับคนอย่างเฟิ่งชิงเฉินนี้ องค์จักรพรรดิสามารถทำให้นางอยู่หรือตายก็ได้ทั้งนั้น

หลังจากที่จักรพรรดิเสร็จสิ้นการจัดการกับหนังสือคำร้องต่างๆ ก็คิดได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินได้ย้ายกลับไปยังจวนเฟิ่งแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน ได้ยินว่านางรักษาอาการเจ็บป่วยของคุณชายตระกูลชุยผู้นั้น เขาก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจ

“เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่ใด? ช่วงนี้นางทำอะไรมาบ้าง?” จักรพรรดิไม่เห็นเฟิ่งชิงเฉินในสายตาของเขา สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินสามารถทำได้ในฐานะสตรีคงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินสามารถทำได้ในตอนนี้คือการรักษาชื่อเสียงที่สั่นคลอนของเสด็จอาเก้า เมื่อเขาฆ่าเสด็จอาเก้าทิ้งไปเสีย เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่มีอะไรเหลือ ตอนนี้...... ปล่อยให้นางกระโดดโลดเต้นไปเถิด

“ทูลฝ่าบาท วันที่เฟิ่งชิงเฉินขึ้นบ้านใหม่ บุตรสาวจวนหรงก่อจลาจลขึ้นในจวนเฟิ่ง และบัดนี้มีคำกล่าวว่า “ข้าคือฮวาเหนียงชิงเฉิง” เผยแพร่สะพัดไปตามท้องถนนและตรอกซอกซอย แต่แม่นางเฟิ่งหาได้สนใจและส่งบุตรสาวของจวนหรงไปที่ซุ่นเทียนฝู่ มีคนบอกให้ดูแลนางอย่างดีทางซุ่นเทียนฝู่จะส่งบุตรสาวจวนหรงไปยังค่ายทหาร”

ขันทีใหญ่รู้ถึงสิ่งที่จักรพรรดิต้องการได้ยินดี เขาจึงเลือกสิ่งดูแย่ที่สุดของเฟิ่งชิงเฉินในการนำมากราบทูล ซึ่งจะทำให้จักรพรรดิมีความสุข หากจักรพรรดิมีความสุข ทุกอย่างก็ว่าง่าย

“บุตรสาวของตระกูลหรง? ใครเป็นคนพานางออกมา?” จักรพรรดิกล่าวด้วยความสนใจอย่างมาก แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ทันเวลา แต่ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินก็เสียหายไปแล้ว แม้ไม่ใช่วิธีการสูงส่งอันใด แต่ก็มีประโยชน์มากสำหรับสตรี

“องค์หญิงอันผิงพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีก้มศีรษะลง เป็นเพราะว่าเรื่องนี้องค์หญิงอันผิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาจึงจงใจนำเรื่องนี้มาแจ้งให้จักรพรรดิทราบ

“อันผิง? นางกำลังจะแต่งงานกับเป่ยหลิงในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลินี้แล้ว ยังกระทำตัววุ่นวายอยู่อีก” เมื่อได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

องค์จักรพรรดิยังคงรู้สึกไม่สบายใจที่ธิดาอันเป็นที่รักผู้นี้กำลังจะแต่งงานกับเป่ยหลิง ดังนั้น......

“จงไปหาเหรัญญิกชั้นในของข้าและเลือกของมีค่าส่งไปให้อันผิง เพื่อที่นางจะได้เตรียมตัวออกเรือนอย่างสงบสุข” จักรพรรดิไม่ได้ตั้งใจจะลงโทษอันผิง กลับกัน เขาต้องการปลอบโยนนาง

นี่แสดงให้เห็นว่าเสด็จอาเก้าตัดสินใจผิดที่จะให้เฟิ่งชิงเฉินจัดการเรื่องราวเหล่านี้ สตรีมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์แปรปรวนมากยิ่ง เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดว่ามันจะเป็นประโยชน์สักน้อย ในการที่ขับไล่ผู้คนออกไปจากนั้นตามขอโทษ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!

“ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ สตรีคนนี้มีอารมณ์ดุเดือด ทำให้ผู้คนขุ่นเคืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฝ่าบาท วันนี้จะเสด็จไปที่วังของนางสนมใด?” ขันทีแตะไปที่ถุงเงินอีกครั้งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

เขาชื่นชอบนายหญิงใหม่ที่เข้ามาในวัง เพราะสตรีผู้ที่เข้ามาในวังได้ล้วนเป็นคนฉลาด

“เจ้าเฒ่านี่ ทำไมหรือ? เงินของเย่เฉิงยังไม่เพียงพอ เจ้ายังต้องการเงินจากวังหลังอีกหรือ? บอกข้ามาว่าเย่เฉิงให้เงินเจ้าเท่าไรเพื่อแลกกับความพยายามของเจ้าเช่นนี้ ส่วนเจ้านายของเจ้าในวังหลังนั้นให้เงินเจ้าจำนวนเท่าไร?” จักรพรรดิรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เขาได้ยินคำเหล่านั้น แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงแล้วก็หาได้โกรธเคืองแต่อย่างใด มองดูแล้วจักรพรรดิคงจะยอมรับการกระทำเหล่านั้น

ในพระราชวังจะมีคนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้อย่างไรกัน จักรพรรดิมีความสุขที่ได้เห็นนางสนมและองค์ชายต่อสู้กันเอง เพราะหากทุกคนไม่ต่อสู้ กลับสามัคคีกันแน่นแฟ้น ตัวเขาซึ่งเป็นจักรพรรดิคงจะไร้ซึ่งความหมาย

ขันทีรู้ว่าจักรพรรดิไม่ได้โกรธแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังทำหน้าหวาดหวั่นตอบว่า “ทูลฝ่าบาท ทรงเข้าใจผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกล้ารับของจากพวกนางได้อย่างไร บรรดาสนมที่หวังจะรู้ข่าวความเคลื่อนไหวของฝ่าบาท กระหม่อมหาได้ใส่ใจพวกนางแม้แต่น้อย”

ขันทีใหญ่ตะโกนออกมาว่าถูกเข้าใจผิด ภายใต้ดวงตาที่เฉียบแหลมของจักรพรรดิ เขาก้มศีรษะลงและกล่าวอย่างหวาดกลัว "แค่กๆ ......ฝ่าบาทเป็นผู้มีความคิดล้ำเลิศ ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายตาของฝ่าบาทได้ ทูลฝ่าบาท เจ้าเมืองเย่เฉิงมอบเงินให้กระหม่อมหนึ่งหมื่นตำลึง แล้วให้กระหม่อมทูลฝ่าบาทว่าเกิดเรื่องใดขึ้นในวันนั้น คุณชายเย่แม้นดูเหมือนทำสิ่งที่เลวร้าย แต่ก็ด้วยเจตนาดี เขาอยากจะใช้โอกาสนี้ขอบคุณแม่นางเฟิ่งที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แต่หารู้ไม่ว่า......แม่นางเฟิ่งไม่เพียงแต่ไม่รับน้ำใจนี้ ซ้ำยังโกรธแค้นคุณชายเย่อีกด้วย

เจ้าเมืองเย่เฉิงไม่กลัวว่าแม่นางเฟิ่งจะขุ่นเคือง แต่กังวลเพียงว่าองค์จักรพรรดิจะถูกหลอกคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณคน เจ้าเมืองเย่เฉิงไม่กล้าผิดบังความจริงนี้ จึงได้ให้กระหม่อมทูลออกไป

ในวันนั้นมีคนมากมายที่ไปที่จวนเฟิ่งและคนมากมายเหล่านั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่คุณชายเย่กล่าวออกมาเป็นความจริง ในวันนั้น เจ้าเฟิ่งไม่เพียงแต่ขับไล่คุณชายออกไป แต่ยังขู่ว่าจะเอาคุณชายเย่ไปโยนให้งูกิน

คุณชายเย่จดจำบุญคุณในการช่วยชีวิตของแม่นางเฟิ่งได้ดี และไม่สนใจว่าผู้กระทำความผิดจะจากไป ในวันนั้น องค์รัชทายาทซีหลิงเทียนเล่ยและองค์ชายหนานหลิงจิ่นฝานต่างก็อยู่ที่นั่น ทั้งสองยังได้เอ่ยชมว่าสุราในจวนเฟิ่งรสดีกว่าสุราในราชวังเสียอีก”

อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าผู้มีความสามารถระดับสูง? สิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ล้วนอยู่ในพระราชวัง สิ่งที่ดีที่สุดมีไว้ให้องค์จักรพรรดิเท่านั้น ประโยคที่ว่า "สุราในจวนเฟิ่งรสดีกว่าสุราในวังเสียอีก” เพียงพอแล้วที่จะทำให้จักรพรรดิโกรธเคืองและเสียหน้าอย่างมาก

การฆ่าคนโดยไม่ให้เห็นเลือดเป็นวิธีที่เก่งกาจที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ