สรุปตอน บทที่ 682 ทะเลาะ เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไร – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
ตอน บทที่ 682 ทะเลาะ เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไร ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของ เสด็จอาเก้าเปลี่ยนมืดมนทันที
อะไรกัน คู่หมั้นคู่หมายอยู่ที่นี่ ตัวเขาจึงไม่สามารถแม้แต่จะกอดนางได้?
เสด็จอาเก้ากัดฟันเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างดุเดือด ชายผู้หิวโหยทั้งร่างกายและจิตใจแน่นอนว่าเขาคงอารมณ์ไม่ดี แต่หากเฟิ่งชิงเฉินเพียงออดอ้อนเบาๆ สองสามประโยคเพื่อเอาใจเขา เขาก็จะไม่ถือสานางแล้ว
แต่...... เสด็จอาเก้าลืมไปว่านางคือสตรีของเขา นางคือเฟิ่งชิงเฉิน สตรีที่เหมือนกับเขาซึ่งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างยิ่ง ไม่อาจก้มศีรษะของนางลงอย่างง่ายดายได้
เฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมแพ้ นางจ้องไปที่เสด็จอาเก้าด้วยใบหน้าโมโห ตาของพวกเขาทั้งสองจ้องมองกัน ดวงตาของทั้งคู่เปล่งประกายด้วยความโกรธ
“เฟิ่งชิงเฉิน!” เสด็จอาเก้าคำรามอย่างไม่พอใจ เขาไม่สามารถแม้แต่จะกอดนางได้ในตอนนี้ นางไม่อธิบายเรื่องคู่หมั้นนั่นก็ยังไม่เท่าไหร่ บัดนี้กลับกล้ามาจ้องมองเขาอีก
เพื่อไม่ให้ตนพ่ายแพ้ เฟิ่งชิงเฉินจึงตะคอกกลับ "ตงหลิงจิ่ว!"
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง เสด็จอาเก้าเห็นนางเป็นคนเช่นไรกัน แม้นางจะไม่ต้องไว้ทุกข์ แต่ก็ไม่ควรทำตัวบุ่มบ่ามกับนางเช่นนี้ในขณะที่กระดูกของบิดามารดานางยังไม่ทันได้ฝังลงดิน
ทั้งคู่สบตากันไม่มีใครยอมใคร ทั้งสองยังคงกอดกัน แต่ไม่มีบรรยากาศที่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย
กลิ่นเผาไหม้อบอวลไปเต็มห้อง หัวหน้าองครักษ์ได้โบกมือให้คนอื่นถอยออกไป! หากยังอยู่ต่อคาดว่าคงจะโชคร้าย
ทั้งสองคนอยู่ด้วยท่าทางเช่นนี้เป็นเวลานาน จนเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่านางเริ่มจะเมื่อย และคอของนางก็ปวด ขณะที่นางตั้งใจจะละความสนใจจากชายผู้นี้ที่เพิ่งหนีออกมาจากคุก คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะยอมอ่อนข้อให้นางก่อน
“ชองเฉิน......”
เสด็จอาเก้าปรับน้ำเสียงของเขาให้อ่อนลงและกอดเฟิ่งชิงเฉินอย่างนุ่มนวล ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกเห็นใจเฟิ่งชิงเฉิน แต่เพราะเขายุ่งมากและไม่มีเวลาที่จะอยู่กับเฟิ่งชิงเฉินที่นี่มากนัก
กว่าที่เขาจะออกมาได้มันง่ายหรือ เขาไม่ได้เดินทางไปหาหวังจิ่นหลิงกับซูเหวินชิง เขากลับเดินทางมาหาเฟิ่งชิงเฉินโดยตรง แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นคืออะไร?
เขาเห็นเซวียนเส้าฉีส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับมาที่เรือน และเห็นพวกเขาทำท่าทางเหมือนไม่อยากจากกันอยู่หน้าจวน เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร
เอ่อ...... เสด็จอาเก้า ตาข้างไหนของท่านมองเห็นเฟิ่งชิงเฉินและเซวียนเส้าฉีทำท่าทางเหมือนไม่อยากจากกันที่หน้าประตู?
ข้าเห็นกับตาตัวเองทั้งสองข้าง ทำไมเล่า? เจ้าคัดค้านหรือ?
มิกล้า มิกล้า แท้จริงข้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน
เสด็จอาเก้ายอมอ่อนข้อให้เช่นนี้ แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่แข็งกระด้างอีกต่อไป แต่สตรีก็มีศักดิ์ศรีในตัวของสตรี จะมาตะคอกหรือเกลี้ยกล่อมตามอำเภอใจมิได้
“อืม” เฟิ่งชิงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงอันเบา หน้าของนางยังเชิดขึ้นเล็กน้อยโดยไม่มองไปทางเสด็จอาเก้า เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้สามารถเจรจากันได้ แต่ต้องดูที่ท่าทีของเจ้า
อดทน!
เสด็จอาเก้าสูดหายใจเข้าลึก แล้วพ้นลมหายใจออกมาอีกครั้ง ลมหายใจนั้นพ่นรดตรงคอของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกคัน นางขยับร่างกายโดยไม่รู้ตัว ความเย็นชาก่อนหน้าได้ลดลงไปมาก
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่านางใจง่ายเสียจริงๆ เกลี้ยกล่อมได้โดยง่ายดายเช่นนี้
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินอ่อนโยนลง ความเยือกเย็นในดวงตาของ เสด็จอาเก้าก็อ่อนลงเช่นกัน บัดนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ เขาจะไม่ยอมให้คนวุ่นวายเหล่านั้นมาคุกคามตำแหน่งเขาอย่างแน่นอน
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากับเซวียนเส้าฉีเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธที่จะพูด ดังนั้นเขาจึงถามด้วยตัวเอง แม้ว่าจะเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็เป็นวิธีที่เด็ดขาด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสด็จอาเก้าก็เกลียดชังเสด็จพี่ของเขาเหลือเกิน ที่จับเขาขังคุกในเวลานี้ ดูเหมือนว่าแผนสร้างเทพเจ้าของเฟิ่งชิงเฉินจะต้องรีบทำให้สำเร็จแล้ว
เสด็จอาเก้ากำลังสองจิตสองใจ แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สังเกต เมื่อรู้ว่าเสด็จอาเก้าโกรธเพราะเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางคิดว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเสด็จอาเก้าเสียอีก จึงทำให้นางกังวลใจเปล่าๆ
เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการให้เสด็จอาเก้ารู้สึกไม่สบายใจ จึงอธิบายทันทีว่า "เรื่องของเซวียนเส้าฉีกับข้าเป็นเหมือนที่เจ้ารู้ เขาเป็นคู่หมั้นของข้า แม่ข้าหมั้นหมายไว้ตั้งแต่ตอนที่ข้ายังไม่เกิด ข้าคิดว่าแม่ของข้าคงไม่ได้คิดเป็นเรื่องจริงจัง ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีการสมรสระหว่างข้ากับตงหลิงจื่อลั่ว แต่เซวียนเส้าฉีกลับจริงจังเช่นนี้”
สำหรับการที่เสด็จอาเก้ารู้เรื่องเซวียนเส้าฉีกับเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่แปลกเลย คงจะแปลกกว่านี้หากเสด็จอาเก้าไม่รู้
ผู้คุ้มกันข้างกายนางนั้นคือคนของซูเหวินชิงและหลานจิ่วหลิง อีกทั้งซูเหวินชิงกับหลานจิ่วหลิงเป็นคนของเสด็จอาเก้า ทุกการเคลื่อนไหวของนาง แน่นอนว่าต้องไปถึงหูเสด็จอาเก้า
“เจ้ายอมรับว่าเขาเป็นคู่หมั้นของเจ้า?” เสด็จอาเก้าอยากจะบดขยี้เฟิ่งชิงเฉินให้ตายเหลือเกิน คู่หมั้นอะไรกัน พูดได้สนิทสนมเหลือเกิน
“ข้าจะยอมรับว่าหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องที่เขาคือคู่หมั้นหมายที่มารดาของข้ากล่าวเอาไว้นั้นไม่ผิดแน่ สิ่งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่อยู่ที่ข้า แต่เป็นที่เขา ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ต้องการให้เซวียนเส้าฉีแต่งงานกับข้า แต่เป็นเพราะเขาอยากแต่งงานกับข้าต่างหาก” ด้วยจี้หยกของทั้งคู่ และความคุ้นเคยและความคิดถึงของเซวียนเส้าฉีเมื่อพูดถึงมารดาของนาง นางไม่มีเหตุผลใดต้องสงสัยเลย
เมื่อยอมรับว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันแล้วก็จะเป็นการยุ่งยากหากแก้ไข ชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินก็จะเสียหายไปด้วย
เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนกตัญญู อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่หมั้นที่มารดาของนางกำหนดเอาไว้ อีกทั้งสามารถจัดงานแต่ง มอบตำแหน่งภรรยาอย่างเปิดเผยให้นางได้ เขาเป็นกังวลเหลือเกินว่านางจะใจอ่อน
หากเขาไม่สูญเสียอิสรภาพไปเช่นบัดนี้ เขาจะไม่สนใจเซวียนเส้าฉีแม้แต่น้อย เขาคงจะมาที่จวนเฟิ่งอย่างผู้ชนะ ประกาศให้เซวียนเส้าฉีรู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงของเขา
แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้นั้นมันแย่มากสำหรับเขา เขาเกลียดเรื่องราวที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้เหลือเกิน
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้ากังวลเรื่องใดอยู่ ดังนั้นนางจึงผลักเสด็จอาเก้าออกไป หากไม่เป็นผล นางตั้งใจจะลงไม้ลงมือ
“ตงหลิงจิ่ว ปล่อยข้านะ ข้าบอกให้ปล่อย ได้ยินหรือไม่?”
“ข้าไม่ปล่อย!” ตงหลิงจิ่วปฏิเสธทันทีและเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ดวงตาของเขาเคร่งขรึม ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เขาจะไม่เปิดเผยความไม่สบายใจของตนเองต่อบุคคลภายนอก แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ตาม
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ถึงความไม่สบายใจในใจของเสด็จอาเก้า เมื่อเห็นว่าเสด็จอาเก้าสงบลงเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกท้อแท้ “เสด็จอาเก้า ต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะเชื่อว่าข้าไม่มีแผนจะแต่งงานกับเขา อีกอย่าง ข้าสามารถแต่งงานกับใครได้หรือ? มีชายคนใดยินยอมจะแต่งงานกับสตรีที่ไม่บริสุทธิ์?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินก็น้ำตาไหล ด้วยเหตุนี้เฟิ่งชิงเฉินจึงกล้าที่จะเก็บเซวียนเส้าฉีไว้ข้างกาย หากเซวียนเส้าฉียืนยันที่จะแต่งงานกับนาง ละก็ นางจะบอกเซวียนเส้าฉีว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว
ผู้ชายในโลกนี้จะไม่มีวันยอมแต่งภรรยาที่เสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเด็ดขาด หากเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน พวกนางจะถูกโยนเข้าไปในกรงหมูแล้วถ่วงน้ำ เซวียนเส้าฉีจะไม่มีวันแต่งงานกับนางแน่นอน
“ข้ารับได้ เฟิ่งชิงเฉิน หากสตรีนางนั้นคือเจ้า ข้าก็จะแต่งกับเจ้า!” อย่าได้กล่าวถึงตนเองเช่นนี้เลย ข้าปวดใจยิ่งนัก เสด็จอาเก้าลูบไปที่ผมของนางเบาๆ แสดงออกถึงความรักใคร่
เขารู้สึกรำคาญใจกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคู่หมั้นนั้นเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่รีบเดินทางมาถามเฟิ่งชิงเฉินหรอก
เขาลืมไปว่าเซวียนเส้าฉีไม่ใช่ฉินเป่าเอ๋อร์ ไม่ใช่คนที่จะร้องโอดโอยหากถูกโจมตี และไม่มีความเป็นไปได้ที่เฟิ่งชิงเฉินจะไม่สามารถกำจัดเขาได้
“อะไรนะ เจ้าพูดอะไรเสด็จอาเก้า!” เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่โกรธในตอนแรก แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของเสด็จอาเก้า นางก็ต้องตกตะลึง
ไม่ต้องพูดถึงชายโบราณ แม้แต่ชายในสมัยใหม่ก็ยังกังวลเรื่องความบริสุทธิ์ของภรรยามาก เสด็จอาเก้าผิดหรือนางผิด?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...