อ่านสรุป บทที่ 683 ใช้ตระกูลชุยมาสนับสนุนไม่ได้แน่ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บทที่ บทที่ 683 ใช้ตระกูลชุยมาสนับสนุนไม่ได้แน่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เฟิ่งชิงเฉินได้ยินไม่ผิดไป เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้พูดผิดเช่นกัน
หากสตรีผู้นั้นคือเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่านางจะเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน เขาก็จะแต่งงานกับนาง!
เพียงประโยคนี้ การทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งสองก็จบลงโดยไร้เหตุผล ทั้งสองมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล่าวอะไร
ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะยินยอมใครก่อน แต่เป็นเพราะพวกเขาทั้งคู่ไม่อยากจะทำลายบรรยากาศอันอบอุ่นนี้ ทั้งคู่อยากหยุดเวลาไว้เพียงแค่นี้
ให้เจ้ามีเพียงข้า และข้ามีเพียงเจ้าในสายตา
ต่อมา ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้ากอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมแขนก่อน หรือว่าเฟิ่งชิงเฉินเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้าเองกันแน่......
ทั้งสองทะเลาะกันอย่างไร้เหตุผล และตอนจบก็จบอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน แต่ทั้งสองคนไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติ หลังจากแสดงจุดยืนในใจของกันและกันชัดเจนแล้ว ทั้งคู่ก็รู้สึกพอใจมาก
ใครว่าการทะเลาะกันเป็นเรื่องไร้สาระ หากไม่ทะเลาะกันจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรในใจ และจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายไว้ใจเรามากน้อยเพียงใด
หลังการทะเลาะวิวาทจบลง ทั้งคู่ก็รู้สึกหวานชื่นอยู่ในใจ มีคำมากมายที่จะพูดออกมา แต่...... ไม่มีเวลาแล้ว เสด็จอาเก้าปล่อยมือ ยืนขึ้น แล้วจัดแจงเสื้อผ้าให้นางอย่างทุลักทุเลด้วยความไม่เคยชิน
มีหลายสิ่งที่เขาต้องการบอกนาง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาได้เลือกประโยคอันง่ายที่สุดนั้นขึ้นมา "พรุ่งนี้งานในโรงพยาบาลเพื่อประชาชน ข้าจะส่งซูเหวินชิงมาช่วย เจ้าอย่าทำตนเองให้เหนื่อยมากไป”
ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย มองตรงไปยังเสด็จอาเก้าและเอ่ยถามอย่างเงียบๆ ว่า เจ้าเห็นด้วยกับแผนที่ข้าบอกงั้นหรือ เจ้าไม่คิดว่ามันอันตรายหรือ?
เสด็จอาเก้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและลูบศีรษะเฟิ่งชิงเฉินเบาๆ “ชิงเฉินคือดาวนำโชคของข้า”
อืม...... เฟิ่งชิงเฉินหน้าแดงอย่างเขินอาย เสด็จอาเก้าไม่ได้หยอกล้อนางต่อ เขาจูบหน้าผากนางเบาๆ "พักผ่อนเถิด"
ฝันดี ในความฝันมีได้เพียงข้าคนเดียว!
เสด็จอาเก้าไม่รีรออีกต่อไป เขาก้าวขาเดินออกไปและหายตัวไปในความมืดทันที ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง เนิ่นนานทีเดียวจึงจะได้สติกลับคืนมา นางยิ้มขึ้นอย่างมีความสุขแล้วหันหลังกลับไปเข้านอน
เมื่อตอนที่นางเลือกจะเป็นสตรีของเสด็จอาเก้า นางก็รู้ว่านางต้องแบกรับอะไรและต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง หากนางต้องการอยู่กับเสด็จอาเก้าไปนานๆ ก็จะดื้อรั้นอยู่ด้วยกันทั้งวันไม่ได้ นางต้องทนกับความพลัดพรากจากกันและความเหงา แม้ว่าในใจจะว่างเปล่า แต่......
ที่คิ้วของนางมีความอบอุ่นเล็กน้อย
ดังที่เสด็จอาเก้ากล่าว เฟิ่งชิงเฉินนอนหลับสบายทั้งคืน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้อยู่ในความฝันนาง
หลังจากที่เสด็จอาเก้าออกจากจวนเฟิ่ง เขาก็มาถึงห้องลับของจวนซู ซูเหวินชิงได้รับแจ้งข่าวของเสด็จอาเก้าและรอเสด็จอาเก้าในห้องลับแต่เนิ่นนาน เมื่อเสด็จอาเก้าเข้ามาเขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว "เสด็จ......”
ซูเหวินชิงลังเลเมื่อเขาจะเอ่ยปากเรียกเสด็จอาเก้า ทันใดนั้นเสด็จอาเก้าก็เอ่ยขัดจังหวะเขาขึ้นว่า "ธัญพืชที่จำเป็นสำหรับทำโจ๊กจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือไม่? เจ้าจะขนส่งอาหารไปยังสถานที่ต่างๆ ในวันที่หิมะตกได้อย่างไร?"
เขาใช้เวลากับเฟิ่งชิงเฉินมากเกินไป จึงไม่มีเวลาคุยกับซูเหวินชิงเท่าไร
“ข้าได้คำนวณเมล็ดพืชและวางแผนการขนส่งแล้ว คราวนี้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกว้างขวางมาก ยกเว้นพื้นที่ทางตอนใต้ของเจียงหนาน เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมดได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหิมะไม่มากก็น้อย ข้าทำการคำนวณไว้คร่าวๆ เมล็ดพืชที่เราจัดเก็บสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน และหากเรานำมันฝรั่งกับมันเทศออกมาด้วย ก็สามารถอยู่ได้นานประมาณหนึ่งเดือน
ข้ามีเมล็ดข้าวที่เก็บไว้ในแต่ละเมือง เราสามารถใช้เมล็ดพืชเหล่านั้นเพื่อบรรเทาภัยพิบัติไปก่อน เมล็ดพืชในท้องถิ่นเหล่านี้สามารถอยู่ได้นานสามสี่วัน ข้าจะขนส่งส่วนที่เหลือจากพื้นที่เจียงหนาน แต่หิมะตกหนักเหลือเกิน แม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งและไม่สามารถเดินทางโดยน้ำได้ คาดว่าเส้นทางบกจะช้ากว่าเดิมมาก"
“ตอนนี้จะให้มันฝรั่งและมันเทศปรากฏออกมาไม่ได้ ขั้นแรกให้ใช้เมล็ดพืชที่เก็บไว้สำรองก่อน หากไม่พอก็เอาเสบียงทหารไปใช้เสีย ปีนี้หิมะตกหนัก ปีหน้าจะได้ผลผลิตมากมายอย่างแน่นอน ปีหน้าเราจะไม่ขาดธัญพืช หากอาหารไม่พอให้บอก อวี่เหวินหยวนฮั่วให้เขาเอามันฝรั่งและมันเทศไปใช้ ให้พี่น้องทหารทนอยู่สักพัก”
เมื่อมันฝรั่งและมันเทศเผยแพร่ออกไปแล้วได้รับความนิยม ชาวจิ่วโจวทั้งหลายจะไม่ต้องกังวลกับความหิวอีกต่อไป ผลผลิตของทั้งสองสิ่งนี้ต่อพื้นที่หนึ่งหมู่นั้นสูงมาก เสด็จอาเก้ารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
เขาส่งเสริมพืชผลทั้งสองนี้แน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ซึ่งตอนนี้เขาต้องพึ่งพาสองสิ่งนี้เพื่อเลี้ยงทหารของเขาและให้พวกเขาสนับสนุนกองทัพที่ใหญ่โตนี้อย่างเพียงพอ
“ตกลง” ซูเหวินชิงพยักหน้าแล้วกางแผนที่ออก เขาชี้ไปยังเมืองซึ่งใกล้กับพื้นที่ประสบภัยมากที่สุด “ข้าจะส่งอาหารจากเขตทหารซูโจวและชิงโจว เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมจิ่วชิง?”
“หากเจ้าเดินทางโดยทางบกจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดห้าหรือหกวัน หากมีหิมะอยู่บนถนน เจ้าจะไม่สามารถเดินทางได้เลย เสบียงอาหารในท้องถิ่นของเจ้าจะไม่พอสำหรับเวลาห้าวัน แผนการที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวถึงทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับการบรรเทาภัยพิบัตินี้ หากการบรรเทาภัยพิบัติไม่บรรลุผลตามที่ต้องการทุกอย่างก็เสียเปล่า” เสด็จอาเก้าไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ แต่นี่คือความจริง
การโฆษณาชวนเชื่อที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าว มีพื้นฐานมาจากหลักฐานว่าเขาต้องการทำเรื่องสำคัญนี้ให้ทุกคนรู้จัก และการบรรเทาภัยพิบัติเป็นเหตุการณ์สำคัญ หากไม่สามารถบรรเทาภัยได้ ทุกสิ่งอย่างก็ไร้ความหมาย
ในการบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้ พวกเขาต้องลงทุนไม่น้อย ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีอาหารเพียงพอ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของภัยพิบัติทุกคนต้องเอ่ยชื่นชมวิธีนี้เท่านั้น สิ่งที่เขาทำ ทุกคนจึงจะยกย่องในทางที่ดี แม้ว่าเขาคิดจะยึดครองใต้หล้า แต่ก็ทำเพื่อประชาชน
ตระกูลหวังต้องการความก้าวหน้า และตระกูลหยุนต้องการโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงด้านการค้า
ต้องบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นดาวนำโชคของเขาจริงๆ หากไม่มีเฟิ่งชิงเฉินคงจะไม่ง่ายนักสำหรับเขาในการติดต่อกับหวังจิ่นหลิงและได้รับการสนับสนุนจากซีหลิงเทียนอวี่
“เจ้าหมายถึง มีคนอื่นในราชวงศ์หลานที่รอดชีวิต และตระกูลชุยจงรักภักดีต่อบุคคลนั้น?” ดวงตาของซูเหวินชิงเบิกกว้าง
หากเป็นกรณีนี้ สถานการณ์ของพวกเขาจะเลวร้ายมาก คาดว่าคงจะลำบากใจ
“ข้าสามารถอยู่รอดมาได้ คนอื่นๆ ก็สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน จักรพรรดิทั้งสี่อาณาจักรต้องการสังหารตระกูลหลาน มันเป็นไปไม่ได้หรอก" แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคาดเดาของเขา
ไม่ว่าสมาชิกราชวงศ์หลานคนอื่นๆ จะรอดชีวิตมาหรือไม่ก็ตามก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับเขา หากตระกูลชุยอยากจะออกมาเคลื่อนไหวก็ออกมาเถิด ให้ความวุ่นวายทวีมากขึ้น เขาจึงจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการพิสูจน์ตนเอง
“ในทางกลับกัน หากมีสมาชิกคนอื่นในตระกูลหลานมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงแต่ตระกูลชุยจะไม่ช่วยเรา แต่บางทีพวกเขาอาจจะนองเลือดเราด้วย” การต่อสู้แย่งชิงอำนาจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้ซูเหวินชิงเข้าใจว่าสำหรับเก้าอี้ตัวนั้น อย่าว่าแต่ญาติเลย แม้แต่ลูกแท้ๆ ยังสามารถลงมือเพื่อให้ได้มันมา
“ไม่ว่าสมาชิกตระกูลหลานคนอื่นจะรอดหรือไม่ก็ตาม ตระกูลชุยก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้อยู่ดี” เขาเป็นเพียงลูกชายขององค์หญิงคนก่อน และตระกูลชุยจะไม่มีวันหันกลับมาหาเขา เพราะถึงอย่างไร เขาไม่ใช่ทายาทโดยตรงของตระกูลหลาน
“ข้าเข้าใจ ข้าจะไม่แสดงข่าวเหล่านี้ออกไปแม้แต่น้อยต่อตระกูลชุย” ใบหน้าของซูเหวินชิงดูจริงจัง ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความเคร่งขรึมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลานจิ่วชิงไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจว่าตระกูลชุยมีคนมากมายอยู่ในมือและมีสมาชิกที่แท้จริงของตระกูลหลานอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นตระกูลชุยก็จะไม่ปรากฏกาย
การปรากฏกายหมายความว่าอย่างไร? มันหมายถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิของใต้หล้านี้ ดูท่าทีของตระกูลชุย ทันทีที่พวกเขาปรากฏกายก็ได้ต่อสู้กับจักรพรรดิตงหลิง แสดงว่าพวกเขาไม่ได้พึ่งพาอำนาจของจักรวรรดิ
การไม่พึ่งพาอำนาจของจักรพรรดิหมายความว่าพวกเขาต้องสร้างสิทธิของตนเอง และดูเหมือนว่าการกระทำของพวกเขาจะต้องเร่งรัดขึ้น มิฉะนั้นพวกเขาจะวุ่นวายกว่าเดิม
“ฝ่ายตระกูลชุยก็ยังคงเหมือนเดิม เราควรระวังตัวไม่ให้งูตื่น” เสด็จอาเก้ารู้ว่าตระกูลชุยกำลังวางหมากรุกกระดานใหญ่เอาไว้ หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินที่ไปรักษาโรคของชุยห้าวถิงอันประหลาดนั่น เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพบการมีอยู่ของตระกูลชุยเมื่อไร
เฟิ่งชิงเฉินสตรีซื่อบื้อนางนั้น ดูเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับทักษะทางการเมืองการปกครอง บางสิ่งที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับพบว่าทุกครั้งจะได้รับผลตอบแทนเสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...