นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 733

สรุปบท บทที่ 733-1 หึง? ข้าดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป บทที่ 733-1 หึง? ข้าดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บทที่ บทที่ 733-1 หึง? ข้าดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ร้ายยิ่งกว่าโจร แถมยังโหดเหี้ยม เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในค่ายทหารมานานหลายปี ไม่ได้ต่างอะไรกับทหารมากมายนัก นางเอาจริงขึ้นมา ชายร่างใหญ่เหล่านี้ก็ไม่คู่ควรที่จะมายืนอยู่ด้านหน้าของนาง

เฟิ่งชิงเฉินเก็บปืน นำกริชที่เหน็บอยู่ข้างขาออกมาเล่มหนึ่ง ฟาดฟันไปบนอากาศสองสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็เฉียดผ่านไปหน้าของเหล่าชายร่างใหญ่ หลังจากทำให้เหล่าชายร่างใหญ่หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเซียว เฟิ่งชิงเฉินดึงกริชของนางกลับมาด้วยความพอใจ และโยนมันเล่นบนมือของนาง......

กริชเล่มสั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก มีแสงอันเยือกเย็นเปล่งประกายออกมาจากมัน ทำให้ผู้คนสั่นเทา โดยเฉพาะท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังเล่นกริช มันเต็มเปี่ยมไปด้วยการข่มขู่และความน่าหวาดกลัว

มองดูการเคลื่อนไหวนั้น......งดงามมาก แต่เมื่อว่ากริชเล่มนี้จะทำร้ายตนเอง ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ

ลองคิดดู หากมีคนนำกริชอันเยือกเย็นมาวางใจที่คอของเจ้า ปาดซ้ายปาดขวา ราวกับสามารถสังหารเจ้าได้ในทุกวินาที เจ้าจะรู้สึกอย่างไร?

กลืนน้ำลาย และไม่กล้าแม้แต่ขยับ

ชายทั้งห้าคนเป็นเหมือนกัน ปล่อยมือที่กุมบาดแผลออก แต่ละคนมองมายังเฟิ่งชิงเฉินด้วยความไม่สบายใจ กลัวว่าวินาทีถัดมากริชในมือของเฟิ่งชิงเฉินจะมาอยู่ที่คอของพวกเขา

“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” ในหมู่ของชายร่างใหญ่ ชายผู้ซึ่งดูเหมือนหัวหน้าถามออกมาด้วยความกล้า

“ไม่ได้ทำอะไร แค่อยากถามอะไรเจ้าสักข้อ” เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาอันแสนลึกล้ำของนางเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ดวงตาอันแหลมคมของนางเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ ในตอนนี้ทำให้ผู้คนมองข้ามบาดแผลบนใบหน้าของนาง

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะสง่างามและนิ่งสงบแค่ไหน แต่เนื้อแท้ของนางก็เป็นเช่นนี้ ถือกล่องยาฝ่าดงกระสุนในสนามรบ กลับมาอย่างสะบักสะบอม ช่วยชีวิตทหารให้รอดพ้นจากความตาย เป็นหญิงผู้เย่อหยิ่งและเย็นชา เย็นชาเสียยิ่งกว่าอากาศด้านนอกในตอนนี้

“เจ้าจะถามอะไร?” ชายร่างใหญ่เสียใจจนอยากร้องไห้ เพื่อจะถามออกมาหนึ่งข้า ถึงกับต้องทำให้มือของพวกเขาทั้งห้าต้องบาดเจ็บ แบบนี้มันช่างโอหังเหลือเกิน แต่......พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร สายลับที่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเหล่านั้นพวกเขาสัมผัสได้ คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่พวกเขาจะรับมือได้

“เห็นม้าตัวนั้นหรือไม่? ชายผู้สวมชุดสีฟ้าที่ขี่มันมาอยู่ที่ไหน?” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังม้าที่อยู่ด้านนอก ม้าตัวนั้นเป็นม้าของเสด็จอาเก้า ม้าถูกผูกไว้ด้านนอก นั่นแสดงว่าเสด็จอาเก้าเองก็ต้องอยู่ที่นี่

“ผู้ชายคนนั้นข้าพอจะจำได้ รัศมีของชายคนนั้นแข็งแกร่ง ตอนที่เขาเดินเข้ามาไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา ข้าเองก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเข้ามาดื่มชา เขาก็ไล่ตามคนของยุทธจักรกลุ่มหนึ่งไป อ่า ใช่แล้ว คนกลุ่มนั้นจับสาวน้อยไปนางหนึ่ง สาวน้อยผู้นั้นแต่งกายแปลก ๆ หลังจากคนกลุ่มนั้นจากไป ชายผู้ใส่ชุดสีฟ้าคนนั้นก็ไล่ตามไป ส่วนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าเองก็ไม่รู้”

ชายร่างใหญ่เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา เฟิ่งชิงเฉินเองก็เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เชื่ออะไรมาก เสด็จอาเก้าจะตามคนเหล่านั้นไปเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว เรื่องนี้มันแปลกเกินไป

“เป็นไปได้อย่างไร?” ขณะเฟิ่งชิงเฉินพูดคำน่าสงสัย ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาว่า “นี่ พี่ชายสุดหล่อ ท่านรอข้าหน่อยไม่ได้หรือไง ท่านลงมือช่วยข้าไว้ เป็นเพราะชอบข้าใช่หรือไม่? ท่านไม่พูดอะไร งั้นข้าจะคิดว่าท่านชอบข้า ฮ่าฮ่าฮ่า......ว่าแล้วข้าได้เจอคนถูกใจอย่างที่คิด......”

เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นไปมอง นางเห็นเสด็จอาเก้าและผู้หญิงในชุดผ้าฝ้ายสีม่วงกำลังเดินไปที่โรงน้ำชา เสด็จอาเก้าเดินหน้าดำอยู่ด้านหน้า ผู้หญิงในชุดผ้าฝ้ายสีม่วงวิ่งตามมาด้านหลัง แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดงด้วยความหนาวเย็น ดวงตาคู่นั้นกลอกไปกลอกมา ดูฉลาดปราดเปรื่อง ทำให้ผู้คนนึกถึงสิ่งมีชีวิตบางชนิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

ท่อนบนของผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อสีม่วงแบบแมนจู ท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวผ้าฝ้ายสีดำ ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้หญิงสวมกระโปรงยาว ผู้ชายสวมเสื้อคลุมยาว การสวมเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนทั้งชายและหญิงมันดูแปลกประหลาด ราวกับว่าไม่เลือกสักทาง

เฟิ่งชิงเฉินหันไปมองอีกฝ่าย ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร สั่งให้พนักงานเก็บโต๊ะและนำกาน้ำชามาให้พวกเขา ทั้งสามคนนั่งแยกกันเป็นสามทิศทาง สาวน้อยในชุดสีม่วงมานั่งข้างเสด็จอาเก้าด้วยความกระตือรือร้น “พี่ชายสุดหล่อ สองท่านนั้นเป็นใคร? หน้าตาของเขาดูดีกว่าท่านเสียอีก”

เขาที่พูดถึง แน่นอนว่าหมายถึงหวังจิ่นหลิง หลังจากเกิดเรื่องของเซวียนเฟย หวังจิ่นหลิงรังเกียจผู้หญิงที่มองเขาเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นี้ละเมิดข้อห้ามของเขา แต่หวังจิ่นหลิงก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมา แค่ยิ้มออกไป หันหน้าหนี ไม่สนใจหญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นั้น

หญิงสาวชุดสีม่วง เองก็ไม่ใส่ใจ หวังจิ่นหลิงไม่สนใจนาง นางก็ไปตามรังควานเสด็จอาเก้า “พี่ชายสุดหล่อ ท่านพูดอะไรบ้างเถิด หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดออกมา ข้าคงคิดว่าท่านเป็นใบ้ไปแล้ว”

เฟิ่งชิงเฉินถูกเพิกเฉยอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมาแต่อย่างใด ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม แต่ในใจกำลังคาดเดาที่มาของหญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นี้ เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่ชอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดือดร้อน มันจะต้องมีอะไรบางอย่าง หญิงสาวชุดสีม่วง ผู้นี้เป็นใคร?

เสด็จอาเก้ายังคงไม่สนใจหญิงสาวชุดสีม่วง หญิงสาวชุดสีม่วง เบะปากด้วยความไม่พอใจ มองมาที่เสด็จอาเก้าด้วยใบหน้างอแง ยื่นมือออกมาดึงแขนเสื้อของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่เคลื่อนไหว......

รูปลักษณ์ของหญิงสาวผู้นี้บริสุทธิ์ ทุกอิริยาบถของนางนั้นบริสุทธิ์และจริงใจ ดวงตากลมโตคู่นั้นราวกับสามารถเอ่ยคำพูดได้ สายตานั้นทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างไม่รู้จบ ทำให้คนต้องเชื่อฟังโดยไม่สมัครใจ

ราวกับหญิงสาวชุดสีม่วง ไม่สังเกตเห็นถึงท่าทางที่แปลกไปของเสด็จอาเก้า เขย่าแขนเสื้อของเสด็จอาเก้าอย่างสุดชีวิต พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจว่า “พี่ชายสุดหล่อ ท่านบอกที พวกเขาเป็นใคร?......ไม่ใช่ ท่านด้วย ท่านเป็นใคร?”

เฟิ่งชิงเฉินยังคงดื่มชาอย่างนิ่งสงบโดยไม่พูดอะไรออกมา ในตอนที่หวังจิ่นหลิงหันไปมองด้วยความกังวลใจ นางตอบกลับไปเพียงแค่รอยยิ้มเพื่อบ่งบอกว่าตนเองไม่ใส่ใจ แต่ในตอนนี้มีแค่นางเท่านั้นที่เข้าใจว่าในใจของนางร้อนรนและปั่นป่วนแค่ไหน......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ