นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 816

สรุปบท บทที่ 816 บทลงโทษ บ่อหยกอันใสสะอาด: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 816 บทลงโทษ บ่อหยกอันใสสะอาด – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 816 บทลงโทษ บ่อหยกอันใสสะอาด ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

คนรับใช้ยกอาหารมาวางอย่างระมัดระวังและรีบถอยออกไป เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ใส่ใจ นั่งกินอาหารอยู่ตรงข้ามกับเฟิ่งชิงเฉิน ในห้องอาหาร นอกจากเสียงกระทบกันของตะเกียบกับถ้วยก็ไม่มีเสียงอื่นใด

เสด็จอาเก้าเฝ้าดูเฟิ่งชิงเฉินกินอาหารอย่างงุ่มง่าม จ้องมองพ่อบ้านที่ช่วยตักอาหารให้เฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง ทำให้เขามีความอยากอาหารมากกว่าปกติ เขาจึงทานอาหารมากเวลาทั่วไป

ไม่ช้าก็เร็วทั้งสองก็ต้องสะสางกันอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตอนนี้เขากินอิ่มมาก ต้องการเดินออกไปย่อยอาหาร ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาอาจจะไม่มีแรงรับของขวัญ

เสด็จอาเก้าวางตะเกียบและเดินออกไปด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินกับพ่อบ้านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็ออกไปเสียที รัศมีของเสด็จอาเก้ารุนแรงเหลือเกิน กดดันพวกเขาจนแทบไม่กล้าหายใจออกมา

ฮู้ว......เฟิ่งชิงเฉินและพ่อบ้านรู้สึกเหมือนตนเองได้รับพร แต่ทันใดนั้น เสด็จอาเก้าหยุดอยู่หน้าประตูอย่างกะทันหัน ทำให้เฟิ่งชิงเฉินและพ่อบ้านหยุดชะงักด้วยความตกใจ ตัวแข็งทื่อเหมือนดังเดิม

เสด็จอาเก้าพอใจในการแสดงออกของทั้งสองคนมาก ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้อย่างเย่อหยิ่ง “ไปรับโทษของตนเองตอนดึก” จากนั้นเขาก็จากไป

ส่วนเป็นโทษของใคร ใครเป็นผู้ลงโทษ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในความคิดของเสด็จอาเก้า

เห้อ......พ่อบ้านและเฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาพร้อมกันอีกครั้ง เสด็จอาเก้ากินอิ่มแล้ว เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม้เสด็จอาเก้าจะไม่อยู่ แต่แรงกดดันของเขายังอยู่ พ่อบ้านไม่มีอารมณ์ตักอาหารให้เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่มีอารมณ์กินอีกต่อไป

นางเข้าใจคำพูดของเสด็จอาเก้าดี แอบคิดอยู่ในใจ นางควรใช้โอกาสนี้หนีกลับไปยังจวนเฟิ่งดีหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงการป้องกันของจวนอ๋องเก้า ความคิดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินก็ถึงกับดับสลาย

เฟิ่งชิงเฉินยกชามงานขึ้นด้วยใบหน้าหนักอึ้ง เพื่อร่างกายของตนเอง แม่ไม่อยากแต่นางก็ต้องกินต่อไป ไม่อย่างนั้นคืนนี้นางจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปรับโทษจากเสด็จอาเก้า

สิ่งที่เสด็จอาเก้าเรียกว่าการย่อยอาหาร แท้จริงแล้วมันคือการกำจัดคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เสด็จอาเก้าเดินไปยังตำหนักที่ซุนซือสิงพักฟื้นฟูร่างกาย ถามถึงอาการของซุนซือสิงกับหมอผู้ดูแล จากนั้นก็สั่งให้ผู้รับใช้จัดเก็บสิ่งของ และพาตัวของซุนซือสิงออกไป

เสด็จอาเก้าออกคำสั่งกับหมออย่างเป็นระเบียบ บอกให้อีกฝ่ายจัดเตรียมยาทุกอย่างให้พร้อม สั่งให้สายลับเป็นผู้นำทาง ปกป้องดูแลความปลอดภัยของซุนซือสิง สั่งให้ผู้รับใช้เตรียมของขวัญไปให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพร้อมหนังสือสัญญา และล่วงหน้าไปก่อน

ท้ายที่สุดเสด็จอาเก้าไปหาจั่วอั้น “ส่งเขาออกไปนอกเมือง วันหลังค่อยกลับมา” มีจั่วอั้นอยู่ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของซุนซือสิง

“ทำไมข้าต้องไป?” มือทั้งสองของจั่วอั้นกำดาบแน่น เงยหน้าขึ้นอย่างท้าทาย เห็นได้ชัดเขาไม่สนใจในตัวของเสด็จอาเก้า

“สิ่งนี้ให้เจ้ายืม สามวันหลังจากนี้ค่อยเอามาคืนข้า” เสด็จอาเก้าปลดกรงเล็บเสือบินจากข้ามือ โยนมันไปให้กับจั่วอั้น

หากต้องการยืมพลังของจั่วอั้น จำเป็นจะต้องนำสิ่งซึ่งล่อตาล่อใจจั่วอั้นออกใส เรื่องนี้เสด็จอาเก้าเข้าใจดีกว่าเฟิ่งชิงเฉิน

อย่างที่คิด เมื่อเห็นสิ่งของซึ่งเสด็จอาเก้าโยนมาให้ ไร้ซึ่งความลังเล จั่วอั้นพยักหน้าในทันที “เป็นอันตกลง”

พูดจบเขาก็เดินไปทางจั่วอั้น ไม่รอรีแต่อย่างใด

เยี่ยมมาก พวกน่ารังเกียจถูกไล่ออกไปจนหมด คืนนี้ก็ไม่มีใครมารบกวน

รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับซุนซือสิงมากแค่ไหน เสด็จอาเก้าจึงลงมาดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเอง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาให้คนไปแจ้งเฟิ่งชิงเฉินว่าถึงเวลาออกมาส่งพวกเขาแล้ว

ใช่ แค่ออกมาส่งเท่านั้น ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินถูกผู้รับใช้ของเขาพาตัวมา เวลานั้นซุนซือสิงก็ขึ้นไปอยู่บนรถม้าแล้ว จั่วอั้นยืนกอดดาบอยู่ด้านข้างรถม้า พร้อมออกเดินทางตลอดเวลา นางออกมาแค่ส่งพวกเขา เนื่องจากเรื่องอื่น เสด็จอาเก้าได้จัดการไว้เป็นที่เรียบร้อย

“ซือสิงเขา......”

คำพูดหลังจากนั้นเฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเสด็จอาเก้าก็เข้าใจได้ในทันที “หมอได้ทำการตรวจร่างกายของซุนซือสิงเป็นอันเรียบร้อย เขาสามารถเดินทางไกลได้ ยิ่งเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดินานขึ้นเท่าไหร่ อันตรายของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากมีคนรู้ว่าเขาอยู่ในจวนอ๋องเก้า อย่าว่าแต่องครักษ์เสื้อโลหิตเลย แม้แต่จักรพรรดิเองก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่ ส่วนเรื่องอันตรายระหว่างการเดินทาง เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล นอกจากมีหมอคอยให้การดูแลแล้ว ยังมีจั่วอั้นอยู่ด้วย”

“ข้าเข้าใจแล้ว” มีเบาะนุ่ม ๆ ในรถม้า แม้ว่ารถม้าจะวิ่งเร็ว แต่หากนอนอยู่บนเบาะเหล่านั้น แม้รถม้าจะตกหลุม มันก็มิอาจรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้

เสด็จอาเก้าเตรียมการทุกอย่างเป็นอย่างดี นางไม่มีอะไรต้องพูด นางขึ้นไปบนรถและห่มผ้าให้กับซุนซือสิง ลูบใบหน้าอันซีดขาวของเขา กล่าวออกมาเสียงเบาว่า “รีบกลับมานะซือสิง อาจารย์รอเจ้าอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ”

ลงจากรถม้า หันไปพูดกับจั่วอั้นอย่างเคร่งขรึม “ขอรบกวนเจ้าด้วย”

เอ๋?

จั่วอั้นขมวดคิ้ว หันมาถามเสด็จอาเก้าด้วยสายตา เขาพูดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะไปส่งซุนซือสิงที่หุบเขาซวนยี เขาแค่ส่งซุนซือสิงออกไปนอกเมืองเท่านั้น หากต้องการให้เขาพาซุนซือสิงไปส่งถึงหุบเขาซวนยี แบบนั้นก็ต้องจ่ายให้เขามากกว่านี้

เสด็จอาเก้าเบือนหน้าหนี สิ่งที่จั่วอั้นต้องการนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาแค่ต้องการให้จั่วอั้นพาซุนซือสิงออกไปนอกเมือง หากต้องการค่าจ้างมากกว่านี้ก็ต้องไปขอกับคนอื่น

สุดท้ายกลับทำให้จั่วอั้นเข้าใจว่า เขาต้องการให้จั่วอั้นพาซุนซือสิงไปส่งยังหุบเขาซวนยี ส่วนเรื่องรางวัลก็แล้วแต่เจ้าจะขอ ลูบกรงเล็บเสือบินที่อยู่ข้างเอว จั่วอั้นแสดงออกมาให้เห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงที่ดี อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบหมกตัวอยู่แต่ในเมืองแห่งจักรพรรดิตงหลิง สถานที่ลึกลับอย่างหุบเขาซวนยี แน่นอนว่ามันน่าสนใจสำหรับเขามากกว่า

จั่วอั้นพยักหน้า บ่งบอกว่าเขาจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ไม่มีปัญหาแน่นอน

เห็นเงาของหลังของเสด็จอาเก้าที่จากไป เฟิ่งชิงเฉินแอบดีใจ ดูเหมือนว่าเสด็จอาเก้าจะลืมเรื่องการลงโทษ และของรางวัลจากนางไปเสียสนิท แบบนี้นางก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความสุข สาวใช้ทั้งสองพานางเดินออกไปอีกด้านหน้า ผลลัพธ์ก็คือ ยิ่งเดินต่อไป เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มองไปรอบด้านด้วยความระมัดระวัง พร้อมเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

“พวกเจ้าจะพาข้าไปที่ไหน?” หากสาวใช้สองคนนี้ไม่ใช่คนที่เสด็จอาเก้าเพิ่งมอบให้กับนาง นางคงลงมือจัดการอีกฝ่ายไปแล้ว

จิตสังหารอันรุนแรงทำให้สาวใช้ทั้งสองเต็มไปด้วยท่าทีที่ดุร้าย แต่เมื่อพบว่าจิตสังหารดังกล่าวนั้นเป็นของเฟิ่งชิงเฉิน สาวใช้ทั้งสองจึงลดความดุดัน ก้มหน้าและอธิบายออกมา “แม่นางเฟิ่งอย่าได้โกรธ ท่านอ๋องสั่งให้พวกข้าพาท่านไปยังบ่อหยก และบ่อหยกก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้แล้ว”

“บ่อหยก? มันเป็นสถานที่แบบไหน?” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายจากคำพูดของสาวใช้ทั้งสอง

“แม่นางเฟิ่ง บ่อหยกคือบ่อน้ำพุร้อน ถูกสร้างขึ้นมาจากหยกเนื้อละเอียด ดึงดูดน้ำพุร้อนธรรมชาตินอกเมือง ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวไว้ว่า บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ท่านอ๋องอยากให้แม่นางไปแช่ตัวในบ่อหยก เพื่อผ่อนคลายและบรรเทาความเหนื่อยล้า” สาวใช้ทั้งสองอธิบายออกมาถึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินลดความระมัดระวังของลง และให้สาวใช้ทั้งสองนำทางต่อไป

ยังไม่ทันถึงบ่อหยก เฟิ่งชิงเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ขึ้นมาปกคลุมฝ่าเท้า มันอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ หลังจากถามเฟิ่งชิงเฉินถึงได้เข้าใจ เพื่อรักษาอุณหภูมิของบ่อน้ำพุและอุณหภูมิในตำหนัก จึงได้ทำการฝังท่อน้ำไว้ด้านล่าง ทำให้มีการไหลเวียนของน้ำอยู่ตลอดเวลา

ความร้อนใต้พิภพเหมาะสมกับความเพลิดเพลินของเหล่าราชวงศ์เสียจริง

จากความรู้ซึ่งมีอยู่ ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินลงไปในบ่อหยก นางก็อดคิดไม่ได้ว่าเสด็จอาเก้าเป็นพวกชอบผลาญเงินเสียจริง

บ่อหยกไม่ได้ถูกตกแต่งอะไรมากมาย แต่จากสิ่งที่สร้างขึ้น ราคาของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการสร้างพระราชวังขึ้นมาเลย ไม่ต้องพูดถึงแท่นหยกที่มีไว้นั่งตรงด้านข้าง เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับหยก แต่นางก็รู้ว่ามันคือชิ้นหยกอันสมบูรณ์แบบ ราคาของมันสามารถซื้อได้ทั้งเมือง และไม่มีขายในห้องตลาด เป็นหยกที่คนธรรมดาไม่สามารถจับต้องได้

ของแบบนี้ ต่อให้เป็นพระราชวังของทั้งสี่ประเทศก็ไม่มีทางมี ตระกูลชุย ตระกูลหวังที่สืบทอดกันมามากกว่าร้อยปีก็ไม่มีทางเคยเห็น เสด็จอาเก้าคือนักสะสมตัวยงอันแท้จริง

น้ำซึ่งไหลลงมาในบ่อหยก เข้ามาจากทางด้านซ้าย ไหลออกมาจากทางด้านขวา สามารถรักษาปริมาณได้ไว้ได้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ควันสีขาวลอยอยู่เหนือบ่อ ทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าไปในแดนสวรรค์โดยไม่ตั้งใจ

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินลงไปในบ่อหยก สายลับอีกด้านหนึ่งเปิดประตูห้องหนังสือ พร้อมรายงานออกมาว่า “ท่านอ๋อง แม่นางเฟิ่งลงไปในบ่อแล้ว”

ทันทีเมื่อมีเสียงดังขึ้นในห้องหนังสือ เสด็จอาเก้าก็เดินออกมาอย่างไม่รอรี

ทำงานเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะไปรับรางวัล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ