คนรับใช้ยกอาหารมาวางอย่างระมัดระวังและรีบถอยออกไป เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ใส่ใจ นั่งกินอาหารอยู่ตรงข้ามกับเฟิ่งชิงเฉิน ในห้องอาหาร นอกจากเสียงกระทบกันของตะเกียบกับถ้วยก็ไม่มีเสียงอื่นใด
เสด็จอาเก้าเฝ้าดูเฟิ่งชิงเฉินกินอาหารอย่างงุ่มง่าม จ้องมองพ่อบ้านที่ช่วยตักอาหารให้เฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง ทำให้เขามีความอยากอาหารมากกว่าปกติ เขาจึงทานอาหารมากเวลาทั่วไป
ไม่ช้าก็เร็วทั้งสองก็ต้องสะสางกันอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตอนนี้เขากินอิ่มมาก ต้องการเดินออกไปย่อยอาหาร ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาอาจจะไม่มีแรงรับของขวัญ
เสด็จอาเก้าวางตะเกียบและเดินออกไปด้านนอก เฟิ่งชิงเฉินกับพ่อบ้านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็ออกไปเสียที รัศมีของเสด็จอาเก้ารุนแรงเหลือเกิน กดดันพวกเขาจนแทบไม่กล้าหายใจออกมา
ฮู้ว......เฟิ่งชิงเฉินและพ่อบ้านรู้สึกเหมือนตนเองได้รับพร แต่ทันใดนั้น เสด็จอาเก้าหยุดอยู่หน้าประตูอย่างกะทันหัน ทำให้เฟิ่งชิงเฉินและพ่อบ้านหยุดชะงักด้วยความตกใจ ตัวแข็งทื่อเหมือนดังเดิม
เสด็จอาเก้าพอใจในการแสดงออกของทั้งสองคนมาก ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้อย่างเย่อหยิ่ง “ไปรับโทษของตนเองตอนดึก” จากนั้นเขาก็จากไป
ส่วนเป็นโทษของใคร ใครเป็นผู้ลงโทษ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในความคิดของเสด็จอาเก้า
เห้อ......พ่อบ้านและเฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาพร้อมกันอีกครั้ง เสด็จอาเก้ากินอิ่มแล้ว เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม้เสด็จอาเก้าจะไม่อยู่ แต่แรงกดดันของเขายังอยู่ พ่อบ้านไม่มีอารมณ์ตักอาหารให้เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่มีอารมณ์กินอีกต่อไป
นางเข้าใจคำพูดของเสด็จอาเก้าดี แอบคิดอยู่ในใจ นางควรใช้โอกาสนี้หนีกลับไปยังจวนเฟิ่งดีหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงการป้องกันของจวนอ๋องเก้า ความคิดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินก็ถึงกับดับสลาย
เฟิ่งชิงเฉินยกชามงานขึ้นด้วยใบหน้าหนักอึ้ง เพื่อร่างกายของตนเอง แม่ไม่อยากแต่นางก็ต้องกินต่อไป ไม่อย่างนั้นคืนนี้นางจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปรับโทษจากเสด็จอาเก้า
สิ่งที่เสด็จอาเก้าเรียกว่าการย่อยอาหาร แท้จริงแล้วมันคือการกำจัดคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เสด็จอาเก้าเดินไปยังตำหนักที่ซุนซือสิงพักฟื้นฟูร่างกาย ถามถึงอาการของซุนซือสิงกับหมอผู้ดูแล จากนั้นก็สั่งให้ผู้รับใช้จัดเก็บสิ่งของ และพาตัวของซุนซือสิงออกไป
เสด็จอาเก้าออกคำสั่งกับหมออย่างเป็นระเบียบ บอกให้อีกฝ่ายจัดเตรียมยาทุกอย่างให้พร้อม สั่งให้สายลับเป็นผู้นำทาง ปกป้องดูแลความปลอดภัยของซุนซือสิง สั่งให้ผู้รับใช้เตรียมของขวัญไปให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพร้อมหนังสือสัญญา และล่วงหน้าไปก่อน
ท้ายที่สุดเสด็จอาเก้าไปหาจั่วอั้น “ส่งเขาออกไปนอกเมือง วันหลังค่อยกลับมา” มีจั่วอั้นอยู่ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของซุนซือสิง
“ทำไมข้าต้องไป?” มือทั้งสองของจั่วอั้นกำดาบแน่น เงยหน้าขึ้นอย่างท้าทาย เห็นได้ชัดเขาไม่สนใจในตัวของเสด็จอาเก้า
“สิ่งนี้ให้เจ้ายืม สามวันหลังจากนี้ค่อยเอามาคืนข้า” เสด็จอาเก้าปลดกรงเล็บเสือบินจากข้ามือ โยนมันไปให้กับจั่วอั้น
หากต้องการยืมพลังของจั่วอั้น จำเป็นจะต้องนำสิ่งซึ่งล่อตาล่อใจจั่วอั้นออกใส เรื่องนี้เสด็จอาเก้าเข้าใจดีกว่าเฟิ่งชิงเฉิน
อย่างที่คิด เมื่อเห็นสิ่งของซึ่งเสด็จอาเก้าโยนมาให้ ไร้ซึ่งความลังเล จั่วอั้นพยักหน้าในทันที “เป็นอันตกลง”
พูดจบเขาก็เดินไปทางจั่วอั้น ไม่รอรีแต่อย่างใด
เยี่ยมมาก พวกน่ารังเกียจถูกไล่ออกไปจนหมด คืนนี้ก็ไม่มีใครมารบกวน
รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับซุนซือสิงมากแค่ไหน เสด็จอาเก้าจึงลงมาดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเอง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาให้คนไปแจ้งเฟิ่งชิงเฉินว่าถึงเวลาออกมาส่งพวกเขาแล้ว
ใช่ แค่ออกมาส่งเท่านั้น ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินถูกผู้รับใช้ของเขาพาตัวมา เวลานั้นซุนซือสิงก็ขึ้นไปอยู่บนรถม้าแล้ว จั่วอั้นยืนกอดดาบอยู่ด้านข้างรถม้า พร้อมออกเดินทางตลอดเวลา นางออกมาแค่ส่งพวกเขา เนื่องจากเรื่องอื่น เสด็จอาเก้าได้จัดการไว้เป็นที่เรียบร้อย
“ซือสิงเขา......”
คำพูดหลังจากนั้นเฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเสด็จอาเก้าก็เข้าใจได้ในทันที “หมอได้ทำการตรวจร่างกายของซุนซือสิงเป็นอันเรียบร้อย เขาสามารถเดินทางไกลได้ ยิ่งเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดินานขึ้นเท่าไหร่ อันตรายของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากมีคนรู้ว่าเขาอยู่ในจวนอ๋องเก้า อย่าว่าแต่องครักษ์เสื้อโลหิตเลย แม้แต่จักรพรรดิเองก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่ ส่วนเรื่องอันตรายระหว่างการเดินทาง เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล นอกจากมีหมอคอยให้การดูแลแล้ว ยังมีจั่วอั้นอยู่ด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว” มีเบาะนุ่ม ๆ ในรถม้า แม้ว่ารถม้าจะวิ่งเร็ว แต่หากนอนอยู่บนเบาะเหล่านั้น แม้รถม้าจะตกหลุม มันก็มิอาจรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้
เสด็จอาเก้าเตรียมการทุกอย่างเป็นอย่างดี นางไม่มีอะไรต้องพูด นางขึ้นไปบนรถและห่มผ้าให้กับซุนซือสิง ลูบใบหน้าอันซีดขาวของเขา กล่าวออกมาเสียงเบาว่า “รีบกลับมานะซือสิง อาจารย์รอเจ้าอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ”
ลงจากรถม้า หันไปพูดกับจั่วอั้นอย่างเคร่งขรึม “ขอรบกวนเจ้าด้วย”
เอ๋?
จั่วอั้นขมวดคิ้ว หันมาถามเสด็จอาเก้าด้วยสายตา เขาพูดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะไปส่งซุนซือสิงที่หุบเขาซวนยี เขาแค่ส่งซุนซือสิงออกไปนอกเมืองเท่านั้น หากต้องการให้เขาพาซุนซือสิงไปส่งถึงหุบเขาซวนยี แบบนั้นก็ต้องจ่ายให้เขามากกว่านี้
เสด็จอาเก้าเบือนหน้าหนี สิ่งที่จั่วอั้นต้องการนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาแค่ต้องการให้จั่วอั้นพาซุนซือสิงออกไปนอกเมือง หากต้องการค่าจ้างมากกว่านี้ก็ต้องไปขอกับคนอื่น
สุดท้ายกลับทำให้จั่วอั้นเข้าใจว่า เขาต้องการให้จั่วอั้นพาซุนซือสิงไปส่งยังหุบเขาซวนยี ส่วนเรื่องรางวัลก็แล้วแต่เจ้าจะขอ ลูบกรงเล็บเสือบินที่อยู่ข้างเอว จั่วอั้นแสดงออกมาให้เห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงที่ดี อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบหมกตัวอยู่แต่ในเมืองแห่งจักรพรรดิตงหลิง สถานที่ลึกลับอย่างหุบเขาซวนยี แน่นอนว่ามันน่าสนใจสำหรับเขามากกว่า
จั่วอั้นพยักหน้า บ่งบอกว่าเขาจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ไม่มีปัญหาแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...