นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 862

สรุปบท บทที่ 862 สถานะเทียบไม่ได้แม้แต่สุนัข: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 862 สถานะเทียบไม่ได้แม้แต่สุนัข – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 862 สถานะเทียบไม่ได้แม้แต่สุนัข จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในฐานะองค์ชายแห่งซีหลิง ตำแหน่งของซีหลิงเทียนอวี่ในตงหลิงนั้นจึงค่อนข้างอึดอัดใจ หากจักรพรรดิให้เกียรติเขา เขาก็นับว่าเป็นแขก แต่หากจักรพรรดิไม่ไว้หน้าเขา เขาก็เป็นเพียงแค่องค์ชายตัวประกัน

ไม่ว่าจะในฐานะแขกหรือตัวประกัน ซีหลิงเทียนอวี่ล้วนไม่มีสิทธิ์แทรกแซงเรื่องราวภายในของตงหลิง หากมีสิ่งผิดพลาดจะนำไปสู่สงครามระหว่างสองประเทศได้ ทุกคน ณ ที่นี้ล้วนเข้าใจ มิฉะนั้นตงหลิงจื่อลั่วคงจะไม่ใช้สิ่งนี้ในการโต้แย้ง

หลังจากซีหลิงเทียนอวี่ออกไปแล้ว ก็ไม่มีใครในจวนเฟิ่งที่สามารถหยุดตงหลิงจื่อลั่วได้ ซูเหวินชิงไม่มีสถานะเพียงพอ ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้โด่งดังอะไร

พ่อบ้านรีบร้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าแม่ทัพเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยินเสียชีวิตเร็วเกินไป ทิ้งเจ้าหนูเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพี่น้องชายหญิงที่จะช่วยเจ้าหนูได้เลย

คงจะดีสำหรับเจ้าหนูไม่น้อยหากมีพี่ชายหรือน้องสาว การมีพี่น้องมาก จะนำมาซึ่งความช่วยเหลือกันมากขึ้น แม้ว่าเจ้าหนูจะยุ่งอยู่กับการช่วยคน แต่ยังมีพี่น้องคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือนางได้

แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับเป็นนายคนเดียวในจวนเฟิ่ง หากเฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ จวนเฟิ่งก็จะไม่มีคนที่สามารถตัดสินใจใดๆ ได้ ตงหลิงจื่อลั่วกล่าวว่าเขาต้องการค้นจวน แต่พ่อบ้านกลับไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

ตงหลิงจื่อลั่วก้าวร้าวยิ่งนัก ส่วนเสด็จอาเก้าก็ไม่เดินทางมาสักที ซูเหวินชิงกระวนกระวายมากจนไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อตงหลิงจื่อลั่วสั่งให้องครักษ์เสื้อโลหิตเข้าค้นจวนเฟิ่ง ซูเหวินชิงจึงรีบวิ่งไปข้างหน้า คุกเข่าลงกล่าวว่า "ลั่วอ๋อง โปรดคิดทบทวนให้ดี คุณชายใหญ่ไม่ได้อยู่ในจวนเฟิ่งจริงๆ มีเพียงบุตรชายคนที่เจ็ดของตระกูลหวังเท่านั้นที่อยู่ในจวนเฟิ่ง คนที่บ่าวรับใช้ตระกูลหวังส่งมารักษาคือหวังชี ซึ่งในเวลานี้เฟิ่งชิงเฉินกำลังรักษาเขาอยู่”

"บังอาจ เจ้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยต่อหน้าข้าเช่นนี้" ตงหลิงจื่อลั่วชำเลืองมองซูเหวินชิงอย่างเฉยเมยด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม

ต่อหน้าองค์ชาย่นนี้ ซูเหวินชิงพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่งไม่มีสิทธิอะไรเลย

ซูเหวินชิงก้มหน้าลงด้วยความถ่อมตัว แต่กำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น เขาขอร้องอีกครั้งว่า "ลั่วอ๋อง ข้าน้อยมิกล้าโกหกท่านแน่ คุณชายใหญ่ไม่ได้อยู่ในจวนเฟิ่งจริงๆ จากนิสัยของคุณชายใหญ่แล้วนั้น หากเขาอยู่ในจวนเฟิ่งเขาจะไม่มีทางซ่อนตัวหลบอยู่เช่นนี้แน่ คุณชายใหญ่ไม่ได้อยู่ในจวนเฟิ่งจริงๆ คนที่อยู่ในจวนเฟิ่งคือคุณชายเจ็ดที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าน้อยขอร้องลั่วอ๋อง รอให้คุณหนูเฟิ่งช่วยเขาให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยค้นหา”

“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? ข้าต้องการทำอะไร เจ้ามีสิทธิมาบงการด้วยหรือ? เจ้าเป็นเพียงแค่พ่อค้า ใครให้สิทธิเจ้ามาเอ่ยไร้สาระต่อหน้าข้า ทหารมาลากตัวมันออกไป โบยมัน......" ตงหลิงจื่อลั่วหมุนแหวนที่นิ้วก้อยของเขา ดวงตาอันลึกล้ำของเขาฉายแสงอันประหลาดออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย

ดวงตาของซูเหวินชิงกลับเป็นประกายสดใส เขาก้าวไปข้างหน้า ซูเหวินชิงรีบเอ่ยว่า "ลั่วอ๋อง เสดก็จอาเก้าต้องการให้ข้าน้อยนำยาสิบกล่องไปให้ที่จวนจิ่วอ๋อง ได้โปรดปล่อยข้าน้อยไปนำส่งยาก่อนแล้วค่อยเอาตัวข้าน้อยไปโบย”

“เจ้ากำลังขู่ข้างั้นหรือ?” ตงหลิงจื่อลั่วเลิกคิ้วถาม แม้ประโยคของเขาจะไม่มีน้ำเสียงแสดงถึงความโมโห แต่ทำให้ผู้คนรู้สึกกลัว

องค์ชายเจ็ดสามารถซ่อนอารมณ์ของเขาได้มากขึ้นทุกที ดูเหมือนว่าที่องครักษ์เสื้อโลหิตจะเป็นสถานที่ซึ่งฝึกตนได้เป็นอย่างดี

“ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยมิกล้าขอรับ โปรดทรงยกโทษให้ข้าน้อยด้วย หลังจากข้าน้อยออกมาจากจวนจิ่วอ๋อง ข้าน้อยจะเดินทางไปหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตเพื่อรับโทษทันที”

ซูเหวินชิงเหงื่อเย็นหยดย้อย เขาแอบคร่ำครวญอยู่ในใจ เฝ้าภาวนาให้เสด็จอาเก้าเดินทางมาโดยเร็ว แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่เท้าของตงหลิงจื่อลั่วอย่างนิ่งๆ

"ไม่กล้างั้นหรือ?" ดวงตาของตงหลิงจื่อลั่วเย็นชาลง เขาส่งสัญญาณให้ทหารถอยกลับด้วยสายตา "ในเมื่อเจ้ามีนัดกับอาของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าในครั้งนี้ก็แล้วกัน"

ตงหลิงจื่อลั่วไม่คิดว่าหากเขาเดินทางไปพบเสด็จอาเก้าแล้ว เขาจะยังกลับมารับโทษอีกคงเป็นไปไม่ได้

"ขอบพระคุณท่านอ๋อง" ซูเหวินชิงถูมือของตนแล้วแอบอุทานในใจ เขาเงยหน้าลุกขึ้นยืน ตงหลิงจื่อลั่วยกเท้าขึ้นเตะซูเหวินชิงไปทีหนึ่ง

"ไสหัวไปเสีย……"

ในตงหลิงนี้ ผุ้ที่สามารถถืออาวุธทางทหารได้คือองครักษ์ของชินอ๋อง และคนเหล่านี้มีจำนวนน้อยเสียนับได้ ผู้คุ้มกันในจวนเฟิ่งเหล่านี้ถือว่าผิดกฏหมาย

จวนเฟิ่งไม่มีเจ้านายที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ในขณะนี้ ดังนั้นพ่อบ้านจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินไปข้างหน้าอย่างตัวสั่นแล้วคุกเข่าต่อหน้าตงหลิงจื่อลั่ว

"ทูลลั่วอ๋อง ผู้คุ้มกันนี้คือองครักษ์ของเซียวชินอ๋อง ไม่ใช่ผู้คุ้มกันของจวนเฟิ่งขอรับ" อายุปูนนี้แล้วยังต้องมานั่งคุกเข่าลงพื้น พ่อบ้านชรารู้สึกหนาวไปทั่วร่างกาย แต่เขาไม่กล้าทำผลีผลาม

เขานับว่าเห็นเรื่องราวต่างๆ มามากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรเมื่อเผชิญกับอำนาจ่นนี้ แม้เขาจะฉลาดแกมโกงแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

"องครักษ์ของเซียวชินอ๋อง เหตุใดองครักษ์ของเซียวชินอ๋องจึงอยู่ในจวนเฟิ่ง?" ผุ้คุ้มกันในจวนเฟิ่งเป็นใครทุกคนรู้ดี แต่ในวันนี้ตงหลิงจื่อลั่วตั้งใจจะหาเรื่องเท่านั้น

"ทูลท่านอ๋อง องครักษ์เหล่านี้ถูกส่งโดยองค์ตี๋ซื่อจื่อ โดยตี๋ซื่อจื่อไหว้วานให้ตี๋ซื่อจื่อส่งมาคุ้มกันคุณชายเจ็ด” พ่อบ้านรู้ว่าหวังจิ่นหลิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อตี๋ตงหมิง เรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับหวังจิ่นหลิง

เมื่อมีตี๋ตงหมิงคอยสนับสนุน ตงหลิงจื่อลั่วจึงไม่กล้าแตะต้อง เขาเพียงพยักหน้าและหยุดหาเรื่องผู้คุ้มกัน มือชี้ไปที่ห้องไม้แล้วเอ่ยว่า "เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่อยู่ข้างในคือคุณชายเจ็ด”

“บ่าวกล้ารับประกันด้วยศีณษะ ว่าคนข้างในนั้นเป็นคุณชายเจ็ดแน่นอนขอรับ” พ่อบ้านยืนกรานหนักแน่น

เมื่อลุง 17 ของหวังจิ่นหลิงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หวังจิ่นหลิงไม่ได้อยู่ในจวนเฟิ่งจริงหรือ? หากเขาไม่ได้อยู่ในจวนเฟิ่งแล้วเขาอยู่ที่ไหน?

หวังจิ่นหลิงยังไม่ตายจริงหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ