นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 879

สรุปบท บทที่ 879 เหยาหวาผู้ต่ำต้อย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 879 เหยาหวาผู้ต่ำต้อย – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 879 เหยาหวาผู้ต่ำต้อย ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ขุนนางในตงหลิงรีบเร่งรีบเดินทางเข้าไปในวัง คนอื่นๆ เดินทางมาเร็วยังไม่เท่าไร แต่องค์ชายหนานหลิงและหนานหลิงจิ่นฝานก็เดินทางมาร่วมด้วย ซูโหรวเองก็เดินทางมาถึงก่อนเช่นกัน

หนานหลิงจิ่นสิงก็มาแล้ว องค์หญิงเหยาหวาจะมาสายได้อย่างไร องค์หญิงเหยาหวาเก็บข้าวของเรียบร้อย แต่งกายอย่างสดใสมีเสน่ห์ หลังจากได้รับข่าวจากหนานหลิงจิ่นสิง นางก็ตรงไปที่พระราชวังเพื่อร่วมงานเลี้ยง

ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจกันแน่ เมื่อองค์หญิงเหยาหวาเข้าร่วมงานเลี้ยง นางก็ชนเข้ากับตงหลิงจื่อลั่ว หลังจากที่ตงหลิงจื่อลั่วรู้ความจริงเกี่ยวกับการแท้งลูก แม้ว่าจะไม่ต้องการเห็นเหยาหวา แต่ก็ต้องไว้หน้าราชวงศ์ซีหลิง ดังนั้นแม้ว่าตงหลิงจื่อลั่วจะไม่พอใจนักแต่ก็ยังต้องยิ้ม "องค์หญิงเหยาหวา เชิญ......"

“ถวายบังคมลั่วอ๋อง" องค์หญิงเหยาฮวาแสดงรอยยิ้มสดใสออกมาให้ตงหลิงจื่อลั่ว ดวงตากลมโตสวยงามของนางแสดงความชื่นชม แต่น่าเสียดายที่ตงหลิงจื่อลั่วไม่ได้มองนาง เมื่อพาเหยาหวาไปยังที่นั่งของนางแล้ว ตงหลิงจื่อลั่วก็เดินไปหาเสด็จอาเก้าทันที

“คารวะเสด็จอาเก้า" ตงหลิงจื่อลั่วกล่าวอย่างเร่งรีบ เมื่อตงหลิงจื่อลั่วเอ่ยคำนี้ออกไป ห้องจัดเลี้ยงก็เงียบลงทันที และสายตาของทุกคนก็หันไปทางเสด็จอาเก้าและตงหลิงจื่อลั่ว

แน่นอนว่ามีเพียงลั่วอ๋องเท่านั้นที่หงุดหงิดใจเสียจนไม่ได้สังเกตว่าเสด็จอาเก้าดูผิดปกติไป มีเพียงตงหลิงจื่อลั่วเท่านั้นที่กล้ากล่าวกับเสด็จอาเก้าแบบนี้

ไม่ว่าเป็นหนานหลิงจิ่นสิงหรือไท่เป่า ล้วนเบิกตากว้างมองไปทางตงหลิงจื่อลั่ว พวกเขาอยากจะดูว่าเสด็จอาเก้าจะจัดการกับลั่วอ๋องอย่างไร

เหล่าขุนนางไม่มีความกล้าพอ จึงได้แต่มองอยู่เงียบๆ แล้วเงี่ยหูฟัง ส่วนขุนนางที่นั่งอยู่ท้ายๆ ก็ชะโงกคอยืดยาวเพื่อฟังข้อมูลจากด้านหน้า

เสด็จอาเก้าไม่สนใจการจ้องมองของทุกคน เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ชำเลืองมองที่ตงหลิงจื่อลั่ว จนกระทั่งตงหลิงจื่อลั่วรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย เขาเอ่ยถามอย่างระวังว่า “มีอะไรงั้นหรือ?”

เขากล่าวออกมาเรียบง่าย

ตงหลิงจื่อลั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่เมื่อคิดได้ว่าเสด็จอาเก้ามีนิสัยเป็นแบบนี้มาตลอด เขาจึงไม่ได้คิดมากและถามว่า "เสด็จอาเก้า ชิงเฉินสบายดีไหม?”

ตงหลิงจื่อลั่วถูกกักบริเวณ เขาเพิ่งออกมาจากจวนได้ในวันนี้ หลังจากเหตุการณ์ของเหยาหวา เขาก็รู้สึกเสียใจตลอดเวลา เขาต้องการขอโทษเฟิ่งชิงเฉินแต่เขาไม่มีอิสระ เมื่อเขาเห็นเสด็จอาเก้าจึงได้เดินก้าวเข้าไป

ขนตาดั่งพัดโค้งกะพริบ เสด็จอาเก้ากล่าวต่อตงหลิงจื่อลั่วอย่างหนักแน่นว่า "สบายดี" ดีจริงๆ นางทะเลาะกับเขาจนมีเรื่องกันได้ในวันก่อนข้ามปีแบบนี้

“ชิงเฉินสบายดีก็ดี" ตงหลิงจื่อลั่วตบลงไปที่หน้าอกของเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้มาจากใจว่า "ข้ารู้สึกโล่งใจที่ชิงเฉินสบายดี ข้ากังวลจริงๆ ว่าชิงเฉินจะโกรธข้า เสด็จอาเก้า หากท่านพบชิงเฉิน ช่วยขอโทษนางแทนข้าได้หรือไม่? เรื่องขององค์หญิงเหยาหวา เป็นความผิดของข้า ข้าไม่รู้ว่ามีคนหลอกใช้”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องการถูกคนอื่นหลอกใช้ ตงหลิงจื่อลั่วยังคงไม่ลืมที่จะแว้งกัดเหยาหวา ทำให้เหยาหวาโมโหจนเปลี่ยนสีหน้า หากไม่ใช่เพราะเกรงใจเสด็จอาเก้าและอารมณ์ของเขา เหยาหวาคงจะเอ่ยปากต่อเถียงกับตงหลิงจื่อลั่วไปนานแล้ว ด้วยคำกล่าวของตงหลิงจื่อลั่ว ความสนใจของทุกคนจึงมุ่งไปที่เหยาหวา สายตาพินิจพิเคราะห์เหล่านั้นทำให้องค์หญิงเหยาหวาโมโหมาก

“อืม” เสด็จอาเก้าตอบรับแล้วชำเลืองมององค์หญิงเหยาหวาโดยไม่ปิดบังความดูถูกเหยียดหยามในใจ

เสด็จอาเก้าเปรียบเหมือนทิศทางของลม เมื่อเห็นท่าทีของเสด็จอาเก้าเช่นนั้น ทุกคนก็ดูเกรงใจมากขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาหวาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เมื่อรอยยิ้มบนใบหน้าของนางจางหายไป นางพยายามบอกกับตนเองว่า รอเมื่อไรเสด็จพี่ของนางขึ้นครองราชย์ นางจะแต่งเข้าไปในจวนลั่วอ๋องได้เมื่อไหร่ก็คงดี คงไม่มีใครกล้าดูถูกนางอีก

ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเหยาหวา แต่ซูโหรวฉลาดพอ นางไม่เอ่ยชื่อของเหยาหวาออกมา แต่เรื่องทั้งหมดนี้ถูกกล่าวออกมาเพราะคำของตงหลิงจื่อลั่ว

ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่ความน่าเชื่อถือจะสูงขึ้นเท่านั้น ความประทับใจของตงหลิงจื่อลั่วที่มีต่อเหยาหวาก็แย่ลงมาก หลังจากแต่งงานแล้ว หากเหยาหวาคิดจะเอาชนะใจตงหลิงจื่อลั่ว ยาดว่าคงเป็นไปได้ยาก

ขณะที่เหยาหวาที่ถูกทุกคนจ้องมองด้วยความดูถูก ถูกทุกคนตำหนิ อีกด้านเฟิ่งชิงเฉินอาบน้ำสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ พาบ่าวรับใช้ของจวนเฟิ่งไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อถวายเครื่องหอมบูชาแก่บิดามารดา

ไม่มีเสื้อผ้าหรูหราและเพชรพลอย ไม่มีตระกูลที่ให้พึ่งพา มีเพียงเสื้อผ้าที่เรียบง่ายแต่แสดงออกถึงกลิ่นอายของเจ้าของบ้าน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความอับอายในก่อนหน้านี้

หลังจากไหว้บิดามารดาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็กลับไปที่ห้องโถง นั่งบนที่นั่งหลัก รับของขวัญจากบ่าวรับใช้ในจวนเฟิ่ง นางมอบอั่งเปาในนามของเจ้าของจวน แสดงถึงความมั่งคั่ง

การเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อสักการะบรรพบุรุษและรับของขวัญจากตระกูล นี่เป็นเกียรติสำหรับผู้ชายในตระกูลเท่านั้น แต่มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่สามารถได้รับเกียรตินี้ในจวนเฟิ่ง

เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก เฝ้าดูบ่าวรับใช้ก้าวไปข้างหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าของนางดูสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีความรู้สึกมั่นคง

แม้จะเป็นเพียงแค่พิธีเล็กน้อย แต่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเหมือนเป็นวันตรุษจีนที่มีบรรยากาศเหมือนอยู่บ้านตนเอง วันที่เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมาตรงกำแพงนอกเมือง นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่ตนขึ้นนั่งตรงนี้ได้ ได้รับความเคารพจากคนในจวน ส่วนองค์หญิงที่เคยใส่ร้ายนาง บัดนี้กลับถูกเนรเทศไปอยู่ด้านนอกวังอย่างไร้ชื่อเสียง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ