สรุปตอน บทที่ 880 สนับสนุนฝั่งใดดี – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
ตอน บทที่ 880 สนับสนุนฝั่งใดดี ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หนานหลิงจิ่นสิงกำลังใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ในตอนแรกเหยาหวาใช้ข่าวลือเพื่อโจมตีเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้เขาก็ใช้ข่าวลือเพื่อทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเหยาหวากลับ
เห็นได้ชัดว่ากลอุบายของหนานหลิงจิ่นสิง ฉลาดกว่าขององค์หญิงเหยาหวา หนานหลิงจิ่นสิงกำข่าวลือในหมู่ขุนนางมาใช้กับชื่อเสียงของเหยาหวา นางทั้งชื่อเสียงถูกทำลาย และส่งผลต่อความโกรธของซีหลิงด้วย
ซูโหรวมีประโยชน์จริงเสียด้วย ไม่น่าแปลกใจที่หนานหลิงจิ่นสิงพานางเข้ามาในวัง
เสด็จอาเก้าจ้องมองไปที่หนานหลิงจิ่นสิง เขาสบตากับหนานหลิงจิ่นสิงแล้วละสายตากลับมา ในสายตาของทุกคน เสด็จอาเก้านั้นมีจิตใจที่ลึกซึ้งกว้างขวาง
หากเสด็จอาเก้ารู้ว่าทุกคนคิดอย่างไร คงจะเยาะเย้ยพวกเขาอย่างแน่นอน เขาเพียงแค่ไม่มีอารมณ์มาสนใจ ไม่ได้จิตใจลึกล้ำอย่างที่ทุกคนคิด......
เหยาหวาในวันนี้แน่นอนว่าคงจะว่าง่าย ไม่ว่าซูโหรวจะยั่วยุหรือพูดจาไม่น่าฟังแค่ไหน นางก็ไม่ตอบสนอง ราวกับว่าผู้คนและสิ่งที่ซูโหรวเอ่ยถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง ไม่เพียงแค่นั้น ใบหน้าที่แข็งทื่อของเหยาหวาก็ดูอ่อนลงเช่นกัน ทั้งยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนางด้วย
องค์หญิงเหยาหวานับว่ายังมีสมอง รู้ว่าในเวลานี้การแสดงท่าทีสงบไม่แยแสเท่านั้นจึงจะสามารถขจัดความสงสัยของทุกคนได้ ทำให้ทุกคนละสายตาเช่นนั้นกลับไป
แต่น่าเสียดายที่ไฟยิ่งร้อนยิ่งนำความร้อนได้ดี ไม่มีสตรีคนใดในโลกนี้ยอมรับได้ว่านางเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงานและตั้งครรภ์ เมื่อถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ และทุกคนจ้องมองมาทางนาง เหยาหวาอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะเดินจากไปทันที ซึ่งนับว่าไม่เลวแล้ว
ชีวิตที่ไม่มีคู่ต่อสู้นั้นเงียบเหงา ยิ่งซูโหรวเอ่ยออกมามากเท่าไหร่นางก็เบื่อมากขึ้นเท่านั้น แต่หนานหลิงจิ่นสิงไม่ยอมพูด ดังนั้นนางจึงได้แต่พูดต่อไปจนกระทั่งขันทีตะโกนว่า "องค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีเสด็จ” จึงเข้ามาช่วยชีวิตเหยาหวาไว้
เหยาหวาแอบหยิกตัวเอง แล้วยืนขึ้นพร้อมกับทุกคน แสดงรอยยิ้มที่สง่างามออกมา นางจะต้องได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ แสวงหาการสนับสนุนจากราชวงศ์ตงหลิง
ในเวลานี้หากมีกระจกละก็ องค์หญิงเหยาหวาคงได้เห็นว่านางน่าสมเพชเพียงใด......
ณ จวนเฟิ่งถูกตกแต่งไปด้วยโคมไฟและพู่ห้อย เป็นฉากรื่นเริงยิ่งนัก ก่อนรับประทานอาหาร เฟิ่งชิงเฉินออกมาจากห้องเพื่อรับการเคารพจากคนรับใช้ หลังจากดื่มไปแก้วหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินก็จากไป เพื่อไม่ให้ทุกคนในจวนอึดอัดใจเนื่องจากนางอยู่ที่นี่
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแดงก่ำด้วยรอยยิ้มที่สดใส นางเดินมายังโต๊ะเล็กๆ ในห้องเพื่อทานอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่ากับซีหลิงเทียนอวี่ แม้ว่าจะมีเพียงสองคน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้รู้สึกว่าเงียบเหงา
เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถามว่า "องค์ชายอวี่ เคยชินกับที่นี่หรือไม่?"
"มื้อค่ำส่งท้ายปีเก่าปีนี้เป็นปีที่เงียบสงบที่สุดสำหรับข้า" ซีหลิงเทียนอวี่ยกแก้วสุราขึ้นและชนแก้วกับเฟิ่งชิงเฉิน คิดในใจว่าเสด็จอาเก้าคงจะอิจฉาเขามากแน่
"ดียิ่งนักที่องค์ชายหยูมีความสุขดี" เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เอ่ยต่อ นางเข้าใจดีว่าในช่วงเวลานี้ของปีก่อน ๆ ซีหลิงเทียนอวี่จะต้องเดินทางเข้าวังเพื่อรับประทานอาหารค่ำกับจักรพรรดิเช่นเดียวกับเสด็จอาเก้า
ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าจะชื่นชอบอาหารในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าของพระราชวังหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินมีความคิดอย่างหนึ่งขึ้น
"ข้ามีความสุขที่สุดในปีนี้ก็ว่าได้ นี่คือบรรยากาศของวันส่งท้ายปีเก่าที่เรียกว่าวันตรุษจีนอย่างแท้จริง" ซีหลิงเทียนอวี่ยกแก้วขึ้นดื่ม
"องค์ชายหยู ดื่มให้น้อยลงหน่อยเถอะ มันไม่ดีต่อบาดแผล" เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าซีหลิงเทียนอวี่มีความสุข แต่ไม่ว่าจะอารมณ์ดีแค่ไหน เขาก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป
"น่าเบื่อจริง นี่เป็นวันตรุษจีน เจ้าจะให้ข้าดื่มตามใจข้าไม่ได้หรือ?" กล่าวจบ ซีหลิงเทียนอวี่ก็วางแก้วไวน์ลงอย่างเชื่อฟัง "เอาล่ะ ไม่ดื่มก็ไม่ดื่ม มากินอาหารกันเถอะ"
เสด็จอาเก้านั่งหิวรอให้จักรพรรดิเสด็จมาถึง แต่ซีหลิงเทียนอวี่และเฟิ่งชิงเฉินบนโต๊ะกลับเต็มไปด้วยอาหาร......
องค์จักรพรรดิเสด็จมา สายตามองไปที่ขุนนางซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น องค์ชายและองค์หญิงของแคว้นอื่น ๆ ยืนขึ้นเพื่อถวายพระพร พระพักตร์สง่างามแสดงรอยยิ้มอันพึงพอใจ ความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
นี่คือแคว้นของเขา นี่คือดินแดนของเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ผู้คนนับพันล้วนคุกเข่าคารวะ แต่เมื่อองค์จักรพรรดิทอดพระเนตรไปทางเสด็จอาเก้าที่นั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ตรงโต๊ะ ความภาคภูมิใจของเขาก็พังทลายลงทันที
รัชทายาทไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่าจะกลายเป็นจุดสนใจ เขาเดินตรงไปที่ด้านหน้าโดยไม่รีบร้อน ไม่สนใจใบหน้าที่ขุ่นมัวของจักรพรรดิ เขายกมือขึ้นคารวะ “ลูกมาสาย เสด็จพ่อโปรดลงโทษลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ลงโทษ?
บัดนี้ไม่เพียงแต่มีขุนนางบู๊บุ๋นเท่านั้น แต่ยังมีคนภายนอกอยู่ด้วย จะลงโทษองค์รัชทายาทอย่างไร?
แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่พอใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงมองอย่างเฉยเมย "นั่งลงเถิด"
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” จักรพรรดิไม่ได้ลงโทษหรือปฏิเสธการลงโทษ นั่นหมายความว่าจะลงโทษในภายหลัง แต่รัชทายาทไม่ได้นำมาใส่ใจ กลับเดินไปยังที่นั่งอย่างสง่า เมื่อนั่งลงแล้วก็หยิบแก้วสุราขั้นยกไปทางเสด็จอาเก้า
รัชทายาทเพียงแค่แสดงความขอบคุณออกมา แต่เขาคิดไม่ถึงว่าในสายตาคนอื่นจะมองเป็นรัชทายาททักทายแต่เสด็จอาเก้า ไม่เห็นจักรพรรดิอยู่ใดสายตา
องค์รัชทายาทรู้ตัวในเวลาต่อมา แต่เขาก็เพียงยิ้มรับ จักรพรรดิไม่ได้แสดงความคิดเห็นของเขาออกมา ขุนนางต่างก็ไม่สบายใจ
เจ้าลูกเหล่านี้!
ข้ายังไม่ตายสักหน่อย แต่ละคนก็พากันมาแก่งแย่งตำแหน่ง การแย่งชิงบัลลังก์เริ่มให้เห็นตรงหน้า
ขุนนางทุกคนเหงื่อตก ผู้ที่มีฝั่งจะสนับสนุนคาดคะเนการชนะอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ยังไม่ได้สนับสนุนฝั่งใดกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไร หากไม่รีบตัดสินใจอาจถูกรังแก แต่หากยืนผิดฝั่งก็คงแย่? ครอบครัวอาจเดือดร้อนไปด้วย
ปวดหัวยิ่งนัก......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...