นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 900

สรุปบท บทที่ 900 ความน่าเกรงขามของใต้เท้าตี๋: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 900 ความน่าเกรงขามของใต้เท้าตี๋ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 900 ความน่าเกรงขามของใต้เท้าตี๋ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

จั่วอั้นไม่ใช่คนพูดจาดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ภายใต้ความแน่วแน่ของหวังจิ่นหลิง จั่วอั้นกลับลงมือทำตามคำขอของหวังจิ่นหลิงโดยไม่พูดถึงเงื่อนไขแต่อย่างใด ทำให้เฟิ่งชิงเฉินตะลึงจนอ้าปากค้าง

“จั่วอั้นพูดง่ายถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจอย่างชัดเจนว่าจั่วอั้นเป็นคนที่ต่อรองยากถึงเพียงใด เพื่อรั้งจั่วอั้นไว้ข้างกาย นางต้องสูญเสียอะไรไปไม่ใช่น้อย

“เขาก็มิได้พูดยากแต่อย่างใด แต่ก็มิได้พูดง่ายถึงเพียงนั้น” หวังจิ่นหลิงชี้ไปยังแผ่นหลังของจั่วอั้น จากนั้นกล่าวออกมาอย่างมั่นใจว่า “เขาเป็นคนง่าย ๆ นิสัยของเขาคล้ายกับศิษย์ของเจ้ามาก หากเต็มใจก็จะลงมือ มิมีอะไรมากไปกว่านั้น”

“จั่วอั้นมันง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหน เขาเป็นคนฉลาด เขาทำเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าเท่านั้น” นางกับเสด็จอาเก้าต้องการให้จั่วอั้นลงมือ จำเป็นจะต้องสูญเสียของมีค่าจำนวนมาก

“นั่นเป็นเพราะว่าข้ามิได้เห็นเขาเป็นมือสังหาร และไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับการซื้อขายสินค้า ดังนั้นในสายตาของจั่วอั้น ข้าจึงมิใช่นายจ้าง ข้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ข้าเอ่ยปาก หากจั่วอั้นเต็มใจเขาก็จะลงมือ หากมิเต็มใจก็จะไม่ลงมือ ข้าเองก็ว่าอะไรเขามิได้” คนเรียบง่าย ความถูกพิษในสายตาของพวกเขานั้นมันชัดเจนมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

จั่วอั้นเห็นเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเป็นเป้าหมายในการทำธุรกิจ ดังนั้นหากเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินต้องการให้เขาลงมือก็จำเป็นจะต้องจ่ายสิ่งตอบแทนให้กับเขา

“อ่า......เช่นนั้นข้าก็คงเสียทรัพย์สินจำนวนมากไปโดยเปล่าประโยชน์” หากรู้ว่ามันเรียบง่ายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางคงไม่ต้องไปต่อรองอะไรมากมาย แค่ขอให้จั่วอั้นคอยปกป้องนางก็พอแล้ว

หวังจิ่นหลิงยิ้มทั้งพูดออกมา “เจ้าคิดว่าจั่วอั้นเป็นคนไร้สมองหรืออย่างไร เรื่องยอมลงมือให้ความช่วยเหลือก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องการคุ้มกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สองเรื่องนี้นั้นต่างกัน สำหรับเขาแล้ว เรื่องแรกนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนกับการยกมือขึ้น แต่เรื่องหลังมันคือความยุ่งยาก

สำหรับจั่วอั้น เจ้าที่ถูกเหล่ามือสังหารของแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ไล่ล่า มันคือปัญหาอันยิ่งใหญ่ เขาจะต้องต่อสู้กับศัตรูมากมาย ดังนั้นหากมิได้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ามากพอ เขาไม่มีทางยอมลงมือเพื่อแบกรับปัญหาของเจ้า เจ้าควรจะรู้สึกขอบคุณจั่วอั้นที่ยอมตกลงให้ความช่วยเหลือแก่เจ้า มิใช่ยอมเป็นศัตรูกับเจ้า”

“ก็จริง ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล สำหรับจั่วอั้น การปกป้องข้าถือเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ เขายอมรับภารกิจปกป้องข้าก็เหมือนกับว่าเขายอมเป็นศัตรูกับพันธมิตรนักฆ่า” เมื่อคิดได้เช่นนี้เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายได้ประโยชน์

“เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว มีจั่วอั้นคอยให้การปกป้องดูแล เท่านี้เจ้าก็รู้สึกปลอดภัยได้” สำหรับเรื่องนี้แม้แต่หวังจิ่นหลิงเองก็ต้องยอมเลยว่า การกระทำของเสด็จอาเก้านั้นถูกต้องที่สุด

มีจั่วอั้นอยู่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของเฟิ่งชิงเฉิน หวังจิ่นหลิงจ้องมองออกไปด้านนอกของจวนเฟิ่ง

ร่างกายของเย่เย่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับความทุกข์ทรมานที่ต้องสูญเสียบิดาอันเป็นที่รัก หลังจากถูกการโจมตีของจั่วอั้นเขาก็หมดสติไป เมื่อเหล่าองครักษ์สูญเสียผู้นำ ภายใต้การโจมตีอันหนักหน่วงของจั่วอั้น ทำให้เหล่าองครักษ์พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ล้าถอยกลับไป ละทิ้งความตั้งใจในการต่อสู้และรีบเคลื่อนย้ายกำลังออกไปจากจวนเฟิ่ง

ในตอนที่ตี๋ตงหมิงมาถึง การต่อสู้ระหว่างจวนเฟิ่งและคนของเมืองเย่เฉิงก็ได้จบลงแล้ว จั่วอั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะไปอยู่ที่ไหน องครักษ์ของจวนเฟิ่งและเมืองเย่เฉิงอยู่คนและฝั่ง จ้องมองกันแต่ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด

“นี่ข้ามาเร็วไปอย่างนั้นหรือ?” ตี๋ตงหมิงลงจากม้าด้วยท่าทางอันสง่างาม ด้านหลังของเขามีทหารตามมากลุ่มหนึ่ง ในตอนที่เขาลงจากม้า ผู้ช่วยซึ่งอยู่ด้านหลังของเขาก้าวมาด้านหน้าเพื่อรับแซ่จากมือของเขา

จากการกระทำของเขา......ทำให้เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงวันขึ้นปีใหม่ในปีนั้น การแสดงออกของตี๋ตงหมิงขณะอยู่ที่จวนเฟิ่ง เจ้าเด็กผู้นี้ชอบแสดงละครเหลือเกิน เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า ก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “คารวะใต้เท้าตี๋”

“มิต้องมากพิธี” ตี๋ตงหมิงยกมือขึ้นมาโบก ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยพลัง ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ราวกับไม่ได้จริงจังอะไร

หากไม่ใช่เพราะว่าเดินเข้ามาใกล้และเห็นตี๋ตงหมิงกะพริบตา เฟิ่งชิงเฉินคงสงสัยว่าตี๋ตงหมิงถูกซู่ชินอ๋องฝึกจนเชื่อง และกำลังพัฒนาใช้งานในทางการได้ดีขึ้น

“ใต้เท้าโปรดให้อภัย นายน้อยของข้าโดนความเจ็บปวดจากการสูญเสียบิดา ทำให้จิตใจของเขาสับสน ทำอะไรหุนหันพลันแล่นเกินไป ใต้เท้าโปรดเห็นแก่สถานะของเจ้าเมืองที่เพิ่งจะสูญเสียชีวิตไปบริเวณนอกเมือง โปรดอย่าได้ถือสานายน้อยของพวกข้าเลย” เยี่ยนอี้เฟยจะต้องเป็นผู้อนาคตไกลอย่างแน่นอน เขาสามารถจบเรื่องที่เย่เย่สร้างขึ้นในจวนเฟิ่งได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

บิดาของเย่เย่เพิ่งจะเสียชีวิตไป และยังเสียชีวิตในอาณาเขตของตงหลิง สิ่งนี้สามารถทำให้เข้าใจได้หากทำอะไรก้าวร้าวเกินไป หากเจ้ายังไม่เข้าใจ เช่นนั้นเจ้าก็คงเป็นมนุษย์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึก

ตี๋ตงหมิงรู้สึกหดหู่ใจมากเมื่อเขาถูกปิดกั้นด้วยคำพูดเหล่านี้ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ทหารม้าเยี่ยนกล่าวหนักเกินไปแล้ว นายเย่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ทำเรื่องอะไรไม่ค่อยคิดถึงผลที่ตามมา จริงอยู่ที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจทำให้เสียสติไปบ้าง แต่บ้านเมืองมีกฎเกณฑ์ หากทุกคนขาดสติและปฏิบัติเช่นนายเย่ เช่นนั้นบ้านเมืองจะไม่วุ่นวายกันหมดหรือ”

“ใต้เท้าตี๋พูดถูก บ้านเมืองมีกฎเกณฑ์ นายน้อยของข้าทำเรื่องหุนหันพลันแล่น เวลานี้ได้ถูกคนของจวนเฟิ่งทำให้หมดสติไป ยังมิฟื้นสติ ไว้วันหน้าเมืองเย่เฉิงของข้าจะต้องมากล่าวทำขอโทษเป็นแน่ และชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจวนเฟิ่ง” คำพูดนี้หมายความว่า แม้พวกข้าจะเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่พวกข้าก็ยอมที่จะชดใช้ แม้ว่านี่จะเป็นพื้นที่ของตงหลิง แต่เนื่องจากเป็นเรื่องของตระกูลเย่ ดังนั้นยังถือเป็นเป็นไปตามกฎของตระกูล

คำพูดนี้ของอีกฝ่ายช่างแข็งแกร่งและมีความหมายชัดเจนในตัว มุมปากของตี๋ตงหมิงกระตุก ผู้ช่วยของเขาแอบดึงชายเสื้อของเขาไว้เงียบ ๆ เพื่อเตือนสติให้ตี๋ตงหมิงสงบสติอารมณ์ และปฏิบัติให้เป็นธรรมมากที่สุด ไม่เช่นนั้นหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปที่ใด ฝ่ายเสียหายคงเป็นพวกเขา

ฮู้ว......ตี๋ตงหมิงระงับความโกรธในหัวใจ ใช้สายตาในการตั้งคำถามกับเฟิ่งชิงเฉิน จำเป็นต้องจับตัวอีกฝ่ายไว้หรือไม่ หากเฟิ่งชิงเฉินต้องการ เขาจะจับตัวของเย่เย่เข้าไปในเรือนจำทันที

เฟิ่งชิงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า

เวลานี้แม้จะจับตัวของเย่เย่ไว้ก็ไม่สามารถคลี่คลายความสงสัยได้ เย่เย่อยู่ในฝั่งที่ได้รับความเห็นอกเห็นใจอยู่แล้ว หากตี๋ตงหมิงจับตัวเย่เย่ไว้อีก เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มความเห็นอกเห็นใจให้กับเย่เย่ เหตุใดนางจะต้องปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เหตุใดจะต้องสร้างสถานการณ์ให้เย่เย่มีอำนาจมากพอที่จะมาจัดการกับนาง

อีกอย่าง เรื่องนี้ผู้ที่นางจะต้องรับมือโดยแท้จริงนั้นก็ไม่ใช่เย่เย่ แต่มันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการโยนความผิดครั้งนี้ให้กับนาง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ