ในคืนนั้น ในนามของราชองครักษ์ที่อาสาเป็นผู้จับกุมมือสังหาร พวกเขาตรวจสอบสิบแปดตระกูลอย่างละเอียด หนึ่งในนั้นมีจวนเฟิ่งอยู่ด้วย ทั้งเมืองอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก แต่หลังจากผ่านค่ำคืนอันวุ่นวาย พวกเขากลับจับไม่ได้แม้แต่นกตัวเดียว
ราชองครักษ์ถอยกลับอย่างเปล่าประโยชน์ เดิมทีคิดว่าจักรพรรดิคงแต่ว่ากล่าวตักเตือนพวกเขา แต่ราชองครักษ์คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิจะทรงโกรธเป็นอย่างมาก ราชองครักษ์เทียบกับฝู่หลินไม่ได้แม้แต่น้อย จักรพรรดิไม่พอใจราชองครักษ์ จึงสั่งปลดตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งออกมาโดยตรงและหนึ่งในนั้นมีคนแซ่หวังเข้าไปแทนที่
หลังเรื่องนี้จบลง หวังจิ่นหลิงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น มีรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขารู้ว่าจักรพรรดิต้องการปลอบใจตระกูลหวัง และจักรพรรดิก็พอใจกับการแสดงออกของตระกูลหวังมาก
นี่คือจักรพรรดิ ความโปรดปรานเพียงเล็กน้อยสามารถช่วยขจัดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตระกูลหวังก่อนหน้านี้ได้ และในขณะเดียวกันก็บอกกับหวังจิ่นหลิงว่าตระกูลหวังควรทำบางสิ่งเพื่อตอบแทนความโปรดปรานของจักรพรรดิ
เรื่องที่ราชองครักษ์ตามจับมือสังหารภายใต้กฎอัยการศึกนั้นเป็นเรื่องที่วุ่นวายเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่สามารถปิดบังได้ และจักรพรรดิก็ไม่คิดที่จะปิดบังมัน เช้าวันต่อมาจักรพรรดิจึงมีพระราชโองการให้เรียกเย่เย่เข้ามาในพระราชวัง
“ท่านพี่ จักรพรรดิเรียกเจ้ามา แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบิดาของเจ้า เมื่อได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิในพระราชวัง เจ้าห้ามโกรธจักรพรรดิเป็นอันขาด และห้ามพูดออกไปว่าจักรพรรดิควรทำเช่นไร บิดาของเจ้าเสียชีวิตในตงหลิง ต่อให้พวกเรามิทำอะไรเลย จักรพรรดิก็ต้องมอบสิ่งชดเชยให้พวกเราเป็นแน่” ซูหว่านช่วยเย่เย่แต่งตัวและกำชับอย่างระมัดระวัง
แต่ในระยะเวลาสามวันที่ผ่านมา เย่เย่ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาเหมือนกับคนแก่อายุหลายสิบปีในชั่วข้ามคืน ความเย่อหยิ่งในดวงตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความอาฆาต ใบหน้าอันหล่อเหลาและงดงามของเขาผอมแห้งและมีสีเข้มขึ้น มองดูโตขึ้นไม่น้อย
อดีตนายน้อยผู้มีจิตใจโอหังและโง่เขลาแห่งเมืองเย่เฉิง ในที่สุดก็เติบโตขึ้น แต่สิ่งที่แลกมากับการเติบโตของเขาช่างมีค่ามากมายมหาศาลจนเกินไป
“ข้ารู้แล้ว หว่านหว่านมิต้องกังวล” เย่เย่เปลี่ยนไปแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่เปลี่ยนไปคือความรักที่มีต่อซูหว่าน เขาลูบแก้มที่บาดเจ็บของซูหว่านผ่านผ้าโปร่งแสง ความรู้สึกผิดฉายออกมาจากดวงตาของเย่เย่
ซูหว่านยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านพี่รีบไปเถิด อย่าให้จักรพรรดิต้องรอ”
เย่เย่พยักหน้าและรีบจากไป หลังจากเย่เย่จากไปแล้ว ซูหว่านก็ไม่สามารถฝืนยิ้มได้อีกต่อไป นางยื่นมือออกไปลูบแก้มที่บาดเจ็บของนาง จากนั้นน้ำตาของนางก็ไหลออกมา......
เหมือนที่เฟิ่งชิงเฉินคิด การตายของเจ้าเมืองเย่เฉิงสำหรับเย่เย่และซูหว่านแล้ว มันคือการโจมตีอันหนักหน่วง จากนี้เป็นต้นไปเย่เย่จะต้องแบกรับชะตากรรมทั้งหมดของเมืองเย่เฉิง
เย่เย่ในเวลานี้ต่างจากตอนแรกไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีเจ้าเมืองเย่เฉิงคอยปกป้อง หากเย่เย่ต้องการควบคุมเมืองเย่เฉิง เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอก และวิธีซึ่งดีที่สุดคือการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และคนที่เย่เย่จะแต่งงานด้วยนั้นก็ไม่มีทางเป็นซูหว่านอีกต่อไป
เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเย่เย่หรือว่าซูหว่าน ทั้งสองต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ต่อให้ไม่ต้องแต่งงานกับกองกำลังภายนอกผู้แข็งแกร่งเพื่อครอบครองประเทศ ไม่ว่าอย่างไรเย่เย่ก็ต้องแต่งงานกับตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่แข็งแกร่ง และซูหว่านก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของเขา
“เย่เย่ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ขอองค์จักรพรรดิอายุยืนนาน หมื่นปี หมื่น หมื่นปี” เย่เย่มีความรู้สึกซับซ้อนกับตงหลิงเป็นอย่างมาก บิดาของเขาเสียชีวิตลงในดินแดนตงหลิง แต่เวลานี้เขากลับต้องมาพึ่งพาตงหลิง
“มิจำเป็นต้องมาพิธี นั่งลงเถิด” จักรพรรดิใจเย็นกับเย่เย่มาก ทำให้แรงกดดันที่เย่เย่แบกไว้ลดลงพอสมควร เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาสร้างความวุ่นวายให้กับจวนเฟิ่ง และในความเป็นจริงเรื่องนั้นมันก็ไม่ได้งดงามเท่าที่ควร
“ขอขอบพระคุณองค์พระจักรพรรดิ ไม่ทราบว่าจักรพรรดิเรียกเย่เย่มาที่นี่เพราะมีเรื่องอันใด?” หลังจากเย่เย่นั่งลง เขาก็ถามออกไปโดยตรง
จักรพรรดิส่งสัญญาณให้ขันทีนำกล่องที่อยู่ด้านข้างมอบให้กับเย่เย่ “ข้ารู้สึกเสียใจกับการจากไปของเจ้าเมืองเย่เฉิงเป็นอย่างมาก คนร้ายผู้นี้ช่างกล้าเสียเหลือเกิน กล้าก่อเหตุในดินแดนตงหลิง ข้ารู้สึกละอายใจต่อเจ้าเมืองเย่เฉิง แต่โชคดีที่ข้าพบมือสังหารแล้ว นี่คือว่าเป็นการปลอบประโลมวิญญาณเจ้าเมืองเย่เฉิงที่ขึ้นอยู่สวรรค์”
“ซีหลิง? จะเป็นคนของซีหลิงได้อย่างไร?” เย่เย่จ้องมองหลักฐานซึ่งอยู่ด้านหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เย่เย่ไม่ใช่คนโง่เขลาอีกต่อไป เขาไม่ได้เชื่อทุกคนที่จักรพรรดิพูด อีกอย่างเรื่องที่บอกว่ามือสังหารเป็นคนของซีหลิง เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
เย่เย่รู้ดีกว่าเมืองเย่เฉิงกับซีหลิงไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน ซีหลิงจะยอมเสี่ยงอันตราย ลงมือสังหารเจ้าเมืองเย่เฉิงในดินแดนของตงหลิงได้อย่างไร
“พูดถึงเรื่องนี้ มันก็คงเป็นความผิดของข้าเอง” จักรพรรดิถอนหายใจ จากนั้นให้ขันทีหยิบกล่องอีกกล่องหนึ่งยื่นให้เย่เย่
เย่เย่เปิดออกดู เขาลุกขึ้นมาจากที่นั่งทันใด “นี่มันอะไรกัน? พ่อของข้าลงนามในสนธิสัญญากับตงหลิง โดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้สวามิภักดิ์ ตงหลิงสามารถนำทหารเข้าไปในเมืองเย่เฉิงได้ทุกเมื่อ นี่มัน เป็นไปได้อย่างไร”
นี่เป็นการสูญเสียอำนาจและความอัปยศของเมืองเย่เฉิงโดยสิ้นเชิง หากสนธิสัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ตระกูลเย่จะไม่ใช้ผู้ครอบครองเมืองเย่เฉิงอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นขุนนางผู้สวามิภักดิ์ต่อตงหลิง และทหารของตงหลิงก็สามารถเข้าไปในเมืองเย่เฉิงได้ทุกเมื่อ ทำให้ตระกูลเย่มีอำนาจในการควบคุมเมืองเย่เฉิงน้อยลง
ปฏิกิริยาของเย่เย่เป็นไปตามที่จักรพรรดิคาดไว้ จักรพรรดิไม่โกรธ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป เขาพูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนผู้ทำการค้า “นายน้อยแห่งเมืองเย่เฉิง มิว่าพ่อของเจ้าจะเป็นคนลงลายมือบนสนธิสัญญาฉบับนี้หรือไม่ เจ้าสามารถนำมันไปพิสูจน์ได้ และข้าก็มิมีความจำเป็นจะต้องนำเรื่องเช่นนี้มาโกหกเจ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...