เรื่องของพระราชวงศ์ เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ ง่าย ๆ เรื่องหนึ่ง ทั้งยังสามารถดึงเอาแผนการชั่วร้ายออกมาได้อย่างน่าตกใจ ทำให้คนหายเข้าไปในเมฆหมอกได้ ทำให้คนที่ดูไม่เข้าใจก็ไม่ได้อยากเข้าใจ เช่นเรื่องไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวง เช่นเรื่องการประลองฝีมือของเฟิ่งชิงเฉินกับตระกูลซู
เรื่องไฟไหม้ที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวงถูกตัดสินคดีไปแล้ว ส่วนเรื่องการประลองฝีมือระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและตระกูลซูก็ถูกยกขึ้นมาเป็นวาระการประชุม เนื่องจากการประลองขี่ม้าเกิดปัญหาไฟไหม้ขึ้น ตระกูลซูจึงต้องการให้จัดการประลองขึ้นใหม่อีกครั้ง ทำให้เสด็จอาเก้าปฏิเสธกลับอย่างรุนแรง
เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟคลอก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงเท่าซูโหยว แต่แขนกับขาทั้งสองกลับได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้อย่างมาก จึงทำให้ไม่สามารถขี่ม้าได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆนี้
ตระกูลซูไม่ได้เข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ เพียงแต่พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคที่ทำให้เสด็จอาเก้าหลุดขำออกมาอย่างเย็นชา ทั้งที่จริงแล้วจะไม่ยินยอมด้วยซ้ำ เหตุผลคือ สถานการณ์ในตอนนั้นคนส่วนใหญ่ต่างก็เข้าใจดีแล้วว่าคนแรกที่ขึ้นสะพานและลงสะพานคือเฟิ่งชิงเฉิน ซูโหยวไม่มีโอกาสเอาชนะเลยด้วยซ้ำ ในประโยตนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามคือเฟิ่งชิงเฉินต้องเป็นผู้ชนะ
ตระกูลซูถูกเสด็จอาเก้าบีบบังคับอย่างไม่มีทางไป นอกจากนี้คำพูดที่สเด็จอาเก้าเคยกล่าวไว้ในสถานการณ์ตอนนั้น คนตระกูลซูไม่มีทางที่จะกลับตาลปัตรจากดำเป็นขาวได้ ทำได้เพียงแค่กัดฟันยอมรับไป แต่สามารถหันกลับมามีความเห็นต่างเรื่องการประลองหมากรุกได้ ทั้งกล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังล้อเล่นกับตระกูลซู ใช้การแข่งขันหมากรุกที่แก้ไม่ได้มาให้ตระกูลซู และต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินขอโทษ
เสด็จอาเก้าไม่ยอมรับอย่างแน่นอน เรื่องที่ตระกูลซูต้องการให้เสโจอาเก้าแก้ไขกระดาน เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาอย่างหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่งว่า “การแข่งขันหมากรุกเหมือนกับเด็กเล่นสมกับปล่อยให้ข้าลงมือ เหอะ”
ต่อจากนี้ให้คนตระกูลซูกระตุ้นอย่างโหดเหี้ยม แต่สามารถเผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้าในตำแหน่งที่สูงได้ เดิมที่คนตระกูลซูไม่กล้าที่จะเรียกร้องอย่างแข็งแกร่ง จึงทำได้เพียงถอนลมหายใจออกเท่านั้น
เดิมทีจักรพรรดิเองก็ไม่ได้อยากให้ความสนใจ แต่ตระกูลซูก็ได้พบกับผู้สูงสํกดิ์จำนวนไม่น้อยที่จะทำลายการแข่งขันหมากรุก ภายใต้การยุยงปลุกปั่นของตระกูลซู เสียงของคนเหล่านี้ไม่น้อยเลย จักรพรรดิเองก็ยินยอมให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาแก้ไข
ถึงแม้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่ได้พอใจกับตระกูลซู แต่ก็ไม่ได้คัดค้านคำพูดของจักรพรรดิ ท้ายที่สุดคำขอร้องของตระกูลซูก็สมเหตุสมผล
ในเวลาครึ่งเดือนนี้ หยุนเซียวพักฟื้นจนเกือบหายดีแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายจะยังอ่อนแอมาก แต่เขาก็ไม่อยากจะเป็นหนูทดลองของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีที่จวนเฟิ่งต่อ เขาพร้อมที่จะกลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว
ทันทีที่ลงจากเตียงผู้ป่วย หยุนเซียวรู้สึกตื่นเต้น เพราะเขารู้ว่าต่อจากนี้ไป จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับโรคทางสมอง และไม่ต้องกังวลว่าเขาจะตายเมื่อใดก็ได้ และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินคือบุคคลที่มีคุณค่าสำหรับตระกูลหยุน และเป็นคนที่มีคุณค่าสำหรับเขา
ก่อนที่หยุนเซียวจะออกไป เขาตั้งใจอำลาเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังนอน “พักฟื้น” อยู่บนเตียงผู้ป่วย หยุนเซียวไม่ได้เอ่ยคำว่าขอบคุณออกมา และไม่ได้น้ำตาไหลเต็มใบหน้า เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะไม่ไหว เขาเพียงแค่พูดกับเฟิ่งชิงเฉินว่า “มาเถิด น้องชิงเฉิน เรียกพี่เซียวให้ได้ยินสักครั้ง หลังจากนี้เจ้าคือคุณหนูตระกูลหยุนแล้ว หากว่าใครรังแกเจ้า บอกพี่ พี่จะช่วยเจ้าสั่งสอนมันเอง”
เห็นได้ชัดว่าหยุนเซียวเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยน แต่คำที่เขาเอ่ยออกมามันกลับยังไม่เหมาะสมกับเวลา เพราะเฟิ่งชิงเฉินยังไม่สามารถร้องไห้หรือหัวเราะได้ เพียงแค่เตรียมจะอ้าปาก เสด็จอาเก้าที่ยืนอยู่หน้าประตูเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาเพียงคำเดียวว่า “ไสหัวไป!”
“เสด็จอาเก้า?” หยุนเซียวสะดุ้งโหยง เลิกท่าทีเอ้อระเหยลอยชายทันที ในใจคิดว่าเสด็จอาเก้ามาได้ประจวบเหมาะกับเวลาพอดี
เสด็จอาเก้ากวาดตามองหยุนเซียวอย่างเย็นชา ทำให้หยุนเซียวรู้สึกว่าไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน จากนั้นจึงมองไปทางอื่นอย่างเต็มใจก่อนจะเดินไปข้างกายของเฟิ่งชิงเฉิน “พรุ่งนี้เจ้าก็จะหายดีแล้ว”
ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะพูดว่าได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ถูกไฟไหม้เพียงแค่มือกับเท้าเท่านั้น ไม่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวใด ๆ นอนพักสักครึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว
“ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินตอบสนองอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันก็มองไปที่หโดยบอกให้ยุนเซียวเพื่อบอกให้เขาออกไปก่อน
แม้ว่าหยุนเซียวอยากจะโบกมือให้น้องเขยอย่างจริงใจต่อหน้าเสด็จอาเก้า แต่ด้วยบรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่ออกมารอบตัวเสด็จอาเก้า จึงทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปลูบจมูกเบา ๆ แล้วเดินออกไปอย่างว่าง่าย
สักวันไม่ช้าก็เร็วมันจะตกอยู่ในเงื้อมมือเขา รอเพียงแค่เสด็จอาเก้ามาของร้องเขาเท่านั้นเอง
หลังจากที่หยุนเซียวออกไปแล้ว ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบขึ้นมา เฟิ่งชิงเฉินมองเสโจอาเก้าด้วยความไม่สบายใจ และจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นอย่างไรไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...