นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 979

ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้กำเริบเสิบสานที่กล้าจนบุกเข้าไปเรือนแยก และองค์รัชทายาทก็ทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมอีก หากองค์รัชทายาทปลุกปั่น และคิดอย่างระวังรอบคอบต่อชื่อเลี่ยนฉุ่ยมากกว่านี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้เป็นแน่

เมื่อเสด็จอาเก้าเห็นว่าองค์รัชทายาทได้เอ่ยปากขอโทษจึงหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าทำถูกแล้วที่ให้องค์รัชทายาทออกจากเมืองหลวงไป เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ขององค์รัชทายาทเหมือนเด็กมิมีผิด”

หลังออกจากเมืองหลวงไปก็ทรงมีความกล้าหาญเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังรื่นเริงมีชีวิตชีวาอีกด้วย ราวกับเด็กก็มิปาน และการยั่วยุและปลุกปั่นชื่อเลี่ยนฉุยนั้นก็เป็นเพราะอยากเห็นเขาอับอายขายหน้า

“เสด็จอาเก้า ท่านเข้าใจในตัวข้าผิดไป ข้ามิได้มีความหมายแอบแฝงอื่นใดจริง ๆ” องค์รัชทายาทลูบคลำจมูกตนเองด้วยความสำนึกผิดโดยไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

เขาเพียงแค่อยากมาดูความสนุกครึกครื้นเพียงเท่านั้น เขาทราบดีไม่ว่าชื่อเลี่ยนฉุ่ยหรือเสด็จอาเก้าต่างก็ไม่เล่นตามกฎเกณฑ์กติกากันทั้งสิ้น

“หากเจ้ามีความหมายอื่นแอบแฝงก็คงจะไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอกกระมัง?” เสด็จอาเก้าแสดงท่าทีข่มขู่ ในขณะเดียวกันก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้นหากองค์รัชทายาทกล้ามาเล่นลูกไม้ต่อหน้าตนละก็คงกลายเป็นศพไปเสียนานแล้ว

หลังออกจากคอกม้าแล้ว มันง่ายกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีกถ้าเขาคิดจะฆ่าองค์รัชทายาท

องค์รัชทายาททรงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำข่มขู่ของเสด็จอาเก้า พลางหันไปมองตงหลิงชิงอ๋องด้วยสายตาเว้าวอนเพื่อให้เขาช่วยกล่าวแก้ต่างให้ตน

เขารู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่ออกเดินทางมา วัน ๆ เขาก็เอาแต่ขลุกตัวพักฟื้นร่างกายอยู่แต่ในรถม้าจนมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ยากนักที่จะมีผู้ใดคิดมายั่วยุปลุกปั่นเสด็จอาเก้า ถ้าเขาไม่ออกโรงช่วยก็คงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว

เอาเถอะ ถือเสียว่าพี่ก่อเหตุเพราะขาดความยั้งคิด ส่วนน้องควรต้องลุกขึ้นยอมรับแต่โดยดีก็พอ ตงหลิงชิงอ๋องแสดงความเคารพให้กับเสด็จอาเก้าและชื่อเลี่ยนฉุ่ย จากนั้นจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางให้พวกเขาฟัง

เสด็จอาเก้าได้โปรดยกโทษให้กับการเล่นพิเรนทร์ในครั้งนี้ขององค์รัชทายาทด้วยเถิด องค์รัชทายาทกระทำลงไปเพราะตนเจ็บป่วยและเบื่อหน่ายมิมีสิ่งใดทำ สุดท้ายนี้ข้าไม่ได้ขอความเมตตาแต่อย่างใด เพียงแต่ขอให้เสด็จอาเก้าลงโทษเขาแทนเถิด ซึ่งเป็นเพราะเขาเองที่ดูแลองค์รัชทายาทได้ไม่ดีพอ

เสด็จอาเก้าชื่นชมตงหลิงชิงอ๋องมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าชิงอ๋องยอมรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตนเพียงผู้เดียวจึงกล่าวอย่างผ่อนปรน “ถือเสียว่าข้าเห็นแก่คำขอร้องของชิงอ๋อง และคราวนี้จะไม่ถือโทษเอาผิดเจ้า”

แต่เขาจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้ และค่อยคิดบัญชีทีหลัง

“ขอบน้ำใจเสด็จอาเก้าเป็นอย่างยิ่ง” ถือว่าตัวรอดมาได้ องค์รัชทายาทแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตน และก็มิกล้าปริปากเอ่ยเรื่องของชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้อีก เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ว่าใครก็ตามสามารถรับมือกับโทสะของเสด็จอาเก้าได้

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าความเดือดดาลของเสด็จอาเก้าสงบลงพอสมควรแล้ว จึงเดินเข้าไปไกล่เกลี่ยเพื่อให้เข้าใจกัน และบอกองค์รัชทายาทว่าควรไปพักผ่อน

ถ้าหากไม่มีเหตุอันใดขัดข้อง ตอนบ่ายนางจะไปตรวจดูอาการขององค์รัชทายาทสักหน่อย

การเดินทางครั้งนี้ขององค์รัชทายาทนั้นสะดวกสบายมากทั้งรถและยารักษาพร้อมสรรพ ทรงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยในการต้องเร่งเดินทางแม้แต่นิดเดียว พักผ่อนเพียงครึ่งวันก็เพียงพอแล้ว เมื่อเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัว สีหน้ากระเซ้าเย้าแหย่ขององค์รัชทายาทก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อสื่อว่าตนจะพักผ่อนอย่างเต็มที่

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะแสดงท่าทีเชื่อฟังถือชิงเฉินมาโดยตลอด และไม่กลัวแม้ตัวตาย แต่ในตอนนี้เขากลับพบว่าตัวเองตกอยู่ในความหวาดกลัวและตึงเครียดเป็นอย่างมาก

เขาไม่อยากตาย แม้นิดเดียวก็ไม่อยาก

องค์รัชทายาททรงเดินทอดกายออกมาแหงนมองท้องฟ้าสีครามเข้ม ด้วยความรู้สึกถวิลหาอาลัยอาวรณ์ เขายังคงอยากจะเห็นท้องฟ้าสีครามเข้มเช่นนี้อีก และเขาก็ยังอยากเห็นดวงตะวันขึ้นขอบฟ้าด้วยของวันพรุ่งนี้เช่นกัน

เขาไม่อยากตายจริง ๆ แต่ไม่ใช่เพราะหวังในราชบัลลังก์ เพียงแค่อยากใช้ชีวิตของตนอย่างมีความสุขเท่านั้น

“เสด็จพี่ เจ้าวางใจเถิด แม่นาง......เฟิ่งชิงจะต้องรักษาเจ้าได้เป็นแน่” สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดมิใช่ความตาย แต่คือการรอความตายต่างหาก วินาทีที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าความตายเสียอีก

รอยยิ้มกล้ำกลืนฝืนทนผุดขึ้นบนใบหน้าขององค์รัชทายาท จากคำพูดของหมอหลวง ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้นั้น เขาเข้าใจดีว่าถึงแม้เฟิ่งชิงสามารถรักษาเขาให้หายได้ แต่ทว่าโอกาสที่จะรอดชีวิตนั้นกลับมีไม่สูงนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ