นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 983

แม้ว่าซุนซือสิงจะเหมือนกับเอาเฟิ่งชิงเฉินไปขาย แต่ยังดีที่เขาก็รู้ถึงความเหมาะสม จึงไม่ได้หยิบหูฟังทางการแพทย์ออกมาด้วย เพียงแค่หยิบเอากล่องยาเล็ก ๆ หนึ่งกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความสบายใจ จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วซุนซือสิงก็หน้าแดงขึ้นมา ราวกับว่าเข้าใจแล้วกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดมากไปเมื่อครู่นี้

ในไม่ช้ากลุ่มสี่คนก็มาถึงโรงหมอที่องค์รัชทายาทกำลังพักอยู่เป็นเวลาสั้น ๆ พอมาถึงประตูทางเข้าเหล่าสาวใช้ก็ออกไปต้อนรับ “แม่นางเฟิ่ง ฝ่าบาทฟื้นแล้ว ขณะนี้กำลังรอแม่นาง”

“ให้ฝ่าบาทรอนานแล้ว”

ในขณะที่สาวใช้กำลังชะเง้อคอนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็มาถึงห้องโถงแล้ว องค์รัชทายาทและชิงอ๋องก็กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมาถึงแล้ว ทั้งองค์รัชทายาทและชิงอ๋องต่างก็พร้อมใจกันหันหน้าตะแคงมองมา ทางด้านเฟิ่งชิงเฉินจึงโค้งหัวให้หนึ่งที เพื่อแสดงเจตนาใก้สี่คนได้รู้ว่าตนกำลังจะนั่งลง

สำหรับชื่อเลี่ยนสุ่ยและกัวเป่าจี้ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่โรงหมออื่นนั้น องค์รัชทายากลับไม่ถามคำถามอันแสนฉลาดสักประโยตเดียว สองคนนั้นจึงทำได้เพียงแค่หัวเราะ

หากมันตกอยู่ในมือเสด็จอาเก้า แล้วจะไปไหนได้

“องค์รัชทายาท ยื่นมืออกมา” ในการผ่าตัดทรวงอกนั้น พึ่งพาชีพจรอย่างเดียวคงไม่พอ เฟิ่งชิงเฉินจึงทำการเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะแล้วจึงจับชีพจรพอเป็นพิธี

“ชีพจรปกติดี ส่วนการหายใจก็ราบรื่น ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้องค์รัชทายาททรงดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี” เฟิ่งชิงเฉินไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ขนาดการจับชีพจรนางยังสามารถทำได้

“โชคดีที่มีทั้งท่านชายกัวและท่านชายซื่อ หากไม่มีทั้งสองท่านในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ คงต้องไปโรงหมอที่อื่น” องค์รัชทายาทขายหน้าที่เอาแต่เชื่อมั่นในตัวเอง

"ผู้อาวุโสทั้งสองมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และชิงเฉินก็ชื่นชมพวกเขามาก" หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินจับชีพจรแล้ว นางก็ก้าวถอยหลังและส่งสัญญาณให้ซุนซือสิงก้าวออกไปข้างหน้า

ด้วยความสามารถของนาง เพียงแค่มอง ดม และถามอะไรที่หาไม่เจอ หรือให้ซุนซือสิงมาทำแทนเพื่อไม่เป็นการสิ้นเปลืองเวลา

การวัดชีพที่เหมือนกัน แต่ซุนซือสิงเห็นอะไรมากมายจากชีพจร เพียงแต่ซุนซือสิงต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบเท่านั้น และยังไม่ได้พูดผลการวินิจฉัยออกมา แต่ตามที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาแล้วนั้น เขาจึงจดบันทึกการเต้นของชีพจรลงไป

ทุกครั้งที่ตรวจสอย ก็จดบันทึกไว้ทุกครั้ง ซุนซือสิงเองก็หน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ กัวเป่าจี้และชื่อเลี่ยนสุ่ยนั่งคอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ คอยดูประวัติคนไข้ที่ออกแบบอย่างง่าย ๆ โดยเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก เมื่อซูนซือสิงบันทึกเสร็จแล้วจึงถือมาพลิกอ่านดู

ซุนซือสิงมองดูเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นจึงถามทางสายตาว่าต้องการให้เอากลับไปหรือไม่

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวไปมา ซุนซือสิงเองก็เช่นกัน

การผ่าตัดหัวใจนั้นไม่ควรต้องเสียเลือดมาก พวกเขายังคงต้องการเลือดขององค์รัชทายาท เพื่อทำการใส่ถุงตระเตรียมให้เรียบร้อย

“สิ่งนี้ใช้ทำอะไร” กัวเป่าจี้วางประวัติคนไข้ลง แล้วมองไปที่หลอดเลือดที่ซุนซือสิงดึงออกมาจาร่างกายขององค์รัชทายาท จากนั้นนำมาเทลงในหลอดทดลองใสสามหลอด

“เพื่อป้องกันไม่ให้เสียเลือดมาก จึงต้องเตรียมถุงเลือดให้พร้อมเสียก่อน” ซุนซือสิงอธิบายอย่างง่าย ๆ แค่หนึ่งประโยค แต่มันก็ไม่สามารถทำให้กัวเป่าจี้พอใจได้

“อย่างนั้นเหตุใดจึงต้องเจาะเลือดก่อนถ่ายเลือด”

“นี่เป็นการตรวจเลือด ไม่ใช่เลือดของทุกคนเหมือนกัน จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเลือดของทั้งสองฝ่ายหลอมรวมเข้าด้วยกันจึงจะใช้ได้”

ไม่รู้ว่าซุนซือสิงฉลาดขึ้นหรือเป็นอะไรไป เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาดูเฟิ่งชิงเนเป็นพิเศษ และหลังจากได้รับการอนุมัติจาก เฟิ่งชิงเฉินเขาก็อธิบายหลักการจับคู่เลือด

ชื่อเลี่ยนสุ่ยและกัวเป่าจี้สนใจเรื่องการถ่ายเลือดมากและขอให้ซุนซือสิงอธิบายโดยละเอียดเพื่อที่พวกเขาจะได้จดบันทึกไว้ อย่างไรก็ตาม องค์รัชทายาทและชิงอ๋องไม่ค่อยเข้าใจ แต่องค์รัชทายาทเข้าใจสิ่งหนึ่ง “เหตุใดจึงพูดว่า ไม่ใช่แค่สายเลือดพ่อลูกเท่านั้นที่หลอมรวมกันได้?”

“ใช่พะยะค่ะ” ซุนซือสิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ