ลู่ชีรีบพยุงเขาทันที “ขอรับ!”
อยู่ข้างนอก เขายังต้องแกล้งตาบอดต่อไป
ถึงแม้ลู่ชีจะมีนิสัยโผงผางเสียงดัง แต่กลับเป็นนักวิทยายุทธที่ไม่เลวเลยคนหนึ่ง ทั้งสองเดินไปที่หน้าห้องเรือสำราญชั้นหนึ่งเงียบๆโดยไม่มีเสียง
เซียวปี้เฉิงตั้งสติหรี่ตาแล้วมองผ่านเข้าไปในหน้าต่าง ตอนนี้คนที่อยู่ในห้องไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฉู่หยุนหาน!
ในมือนางถือของอะไรสักอย่าง กำลังสำรวจรอบด้านอย่างร้อนรน สุดท้ายก็เอาของยัดไว้ในแจกันดอกไม้
พอทำเสร็จแล้ว ฉู่หยุนหานก็โล่งอก นางตั้งสติจัดเครื่องทรงหน้าผม แล้วเดินออกจากไปห้องเงียบๆ
เพิ่งเปิดประตูออกไป ก็เห็นเซียวปี้เฉิงยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นางก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง จนเกือบกรี๊ดออกมา
ลู่ชีเห็นฉู่หยุนหลิง ก็เบิกตาโพลงทันที “แม่ ...แม่นางหยุนหาน? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เขาไม่ได้เจอฉู่หยุนหานมานานมากแล้ว ตั้งแต่พระชายาแต่งงานเข้ามา ฉู่หยุนหานก็แทบจะไม่เคยมาเลย ตอนนี้พอได้เห็นนางอยู่ที่นี่ เขาก็ตกใจมาก
เซียวปี้เฉิงได้ยินแล้ว ก็มองไปข้างหน้าไกลๆเหมือนตาบอดอยู่ “หยุนหาน?”
ฉู่หยุนหานได้สติ ก็ถึงรู้ตัวว่าตัวเองตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กทั้งหน้าผากและแผ่นหลัง นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลอยๆเหมือนไม่มั่นใจ
“พี่……พี่ปี้เฉิง”
ฉู่หยุนหานในตอนนี้รู้สึกดีใจมากที่เซียวปี้เฉิงตาบอด ไม่งั้นสิ่งที่นางทำเมื่อกี้ เขาคงเห็นทั้งหมดแล้วล่ะ
ในตอนที่ฉู่หยุนหานกำลังคิดแผนการนั้น เซียวปี้เฉิงก็เอียงตัวสั่งว่า “ลู่ชี เจ้าไปรอข้างนอกก่อน อย่าเพิ่งให้ใครเข้ามาใกล้ตรงนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ