“ออ บังเอิญเหลือเกิน”
ฉู่หยุนหลิงพูดไปคำหนึ่งอย่างเฉยเมยไร้ความรู้สึก ฟังพวกเขาคุยกันเรื่องดาวเคราะห์บังเกิดอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเดินมาถึงหน้าตำหนักหยั่งซิน นางก็หดสายตาทันที ชะงักฝีเท้าลงกะทันหัน
เซียวปี้เฉิงถูกนางประคองตัวอยู่ ก็หยุดลงพร้อมกัน “ทำไมไม่เดินแล้ว?”
ฉู่หยุนหลิงพยายามควบคุมความตื่นตระหนกและตื่นเต้นในใจ สูดหายใจเข้าลึกๆพูดว่า “ไม่มีอะไร หลังจากแต่งงานแล้วพบเสด็จพ่อครั้งแรก ในใจขลาดกลัว”
เมื่อครู่นั่นเอง นางรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเกิดการประสานกับพลังอำนาจของตัวเองอย่างลึกลับ
สิ่งนั้นอยู่ในตำหนักหยั่งซิน!
เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้ว “ข้ายังนึกว่าเจ้าไม่กลัวอะไรเลย แต่ว่าเจ้าเป็นหลานสาวของพระอาจารย์ผู้เฒ่า แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพ่อก็เมตตาต่อเจ้า”
เขาคิดว่าหยุนหลิงกลัวถูกลงโทษเรื่องคืนงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ แต่ว่าเห็นแก่หน้าของพระอาจารย์ผู้เฒ่าที่ล่วงลับไป เจาเหรินตี้แต่ไหนแต่ไรมาก็รักใครเมตตาต่อฉู่หยุนหลิง
ถึงแม้จะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ก็แค่โมโหด่าว่าซื่อจื่อเฒ่าไปยกหนึ่งเท่านั้น สำหรับฉู่หยุนหลิงไม่ได้มีการลงโทษจริงจังอะไร มิหนำซ้ำยังพระราชทานงานแต่งอีก
ฉู่หยุนหลิงตอบรับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบรวบรวมตั้งสติ สัมผัสตำแหน่งที่อยู่ของสิ่งของนั้น
เข้าไปในตำหนักหยั่งซินแล้ว ฉู่หยุนหลิงและเซียวปี้เฉิงทักทายต่อเจาเหรินตี้พร้อมกัน
เจาเหรินตี้ชุดมังกรหลวงทั้งตัว ดูแล้วประมาณสี่สิบต้นๆ มีหนวดใต้คาง
เขาดูแลได้อย่างดี มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ ยังคงสามารถเห็นความหล่อเหลาสมัยอายุน้อยได้
“เจ้าสองคนหลายวันนี้อยู่ร่วมกันได้ดีหรือไม่?”
ใจของฉู่หยุนหลิงทั้งหมดอยู่บนสิ่งของนั้น ได้ยินแล้วก็พยักหน้าไปเลื่อย “ดีมาก!”
เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของฉู่หยุนหลิงอย่างเงียบๆ เตือนนางให้ระวังมารยาท
ฮ่องเต้มองไปที่นาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ออ? ทำไมข้าถึงได้ยินว่าเจ้าร้องไห้อยากตายไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าสามล่ะ?”
แววตาฉู่หยุนหลิงประกายเล็กน้อย แน่ใจแล้วว่าสิ่งของที่เกิดความรู้สึกร่วมกับพลังอำนาจนั้นคืออะไร
นั่นก็คือหินหยกสีแดงที่วางอยู่บนแท่นหนังสือ ใหญ่เท่ากำปั้น รูปร่างไม่เป็นทรงแต่พื้นผิวเรียบสว่าง ในนั้นเหมือนมีแสงเคลื่อนไหวอย่างลับๆ
ในใจฉู่หยุนหลิงตื่นเต้น สีหน้ายังคงไม่แสดงแม้แต่น้อย “ไม่เลยเลยเพคะ! นั่นเป็นเพราะหม่อมฉันได้ยินว่าจะได้แต่งงานตื่นเต้นต่างหาก”
“เสด็จพ่อก็รู้ว่าหม่อมฉันหน้าตาอัปลักษณ์ ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงตลอดว่าข้าจะไม่ได้แต่งงาน เสด็จพ่อพระราชทานให้ข้าแต่งงานกับท่านอ๋อง ข้าก็ต้องดีใจอย่างบ้าคลั่ง!”
นางมองดูเจาเหรินตี้ ยิ้มอย่างประจบ คิดอยู่ว่าทำความสัมพันธ์ให้ดีขอหยกแดงชิ้นนั้นมา
พ่อตาเจอลูกสะใภ้ ให้ของขวัญแต่งงานสักนิดไม่เกินไปหรอกมั้ง!
เจาเหรินตี้ประกายความแปลกใจ กระตุกมุมปาก เซียวปี้เฉิงยิ่งอยากจะอุดปากฉู่หยุนหลิงไว้ตรงนี้
นางไม่รู้หรือว่า ต่อหน้าฮ่องเต้ไม่สามารถเรียกตัวเองว่า “ข้า” ?
ในใจของเซียวปี้เฉิงเคร่งเครียด รู้อยู่แล้วว่านางเป็นคนพูดจาไม่รู้จักควบคุม เมื่อครู่ตอนมาควรจะเตือนก่อนถึงจะถูก
เจาเหรินตี้หัวเราะ มองแล้วดูเมตตา “เช่นนั้นเจ้ารังเกียจที่เจ้าสามมองไม่เห็นหรือไม่?”
“ไม่เพคะ! ข้ากับท่านอ๋องเป็นคู่ครองฟ้าลิขิต เขาตาบอดข้าอัปลักษณ์ ในโลกนี้ไม่มีสามีภรรยาที่เหมาะสมกว่าพวกเราอีกแล้ว”
ถึงแม้ว่าฉู่หยุนหลิงไม่ชอบเซียวปี้เฉิง แต่ว่าในใจของนางคิดเช่นนี้จริง
พอฝูกงกงได้ยินแล้วก็เกือบสำลักน้ำลาย ทำไมหลานสาวของพระอาจารย์ผู้เฒ่าคนนี้ยิ่งเลี้ยงยิ่งเลยเถิดแล้ว เขาแอบคิดในใจ
ดีที่เจาเหรินตี้นิสัยดี และเมตตาต่อพระชายาจิ้ง ได้ยินคำพูดเลอะเทอะเช่นนี้ก็ไม่โมโห
เซียวปี้เฉิงกลับทนฉู่หยุนหลิงไม่ไหวจริงๆแล้ว รีบพูดตัดขึ้นมา “เรียนเสด็จพ่อ หยุนหลิงรักษาพิษเย็นของวี่จือหายแล้ว ตอนนี้ลูกกับนางก็พยายามลบเรื่องสงสัยก่อนหน้านี้ อยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ปรองดอง”
เจาเหรินตี้พยักหน้าอย่างพอใจ “เป็นเช่นนี้ก็ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว ต้องใช้ชีวิตอย่างรักใคร่กัน อย่าไปคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดอีก”
เขาพระราชทานงานแต่งลงไป หนึ่งคือเพื่อหยุดความคิดของฉู่หยุนหลิงที่มีต่อตวนอ๋อง สองคือไม่ยินยอมให้ลูกสาวอนุภรรยาอย่างฉู่หยุนหานกลายเป็นพระชายาเอก
“ลูกรับทราบ”
เซียวปี้เฉิงนิ้วมือขยับเล็กน้อย ในใจไม่อาจระงับความรู้สึกอันวุ่นวาย
ประโยชน์หนึ่งเตือนทั้งสองคน ฉู่หยุนหลิงกลับไร้หัวจิตหัวใจ นางอดถามไม่ได้ “เสด็จพ่อ หวงกุ้ยเฟยบอกว่าข้ารักษาพิษเย็นของท่านเยียนอ๋องจนหาย จะพระราชทานรางวัลให้ข้า”
เจาเหรินตี้มองความคิดของนางออก พูดอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าช่วยเจ้าสี่รักษาพิษเย็น คือผลงานชิ้นใหญ่จริง อยากได้รางวัลอะไรก็พูดโดยตรงได้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ