หยุนหลิงเงียบไปสักพัก ในโลกนี้มีกษัตริย์ขุนนาง มีประชาชน และมีสำนักศาสนาและสำนักนักคิดต่างๆ
มีความแตกต่างระหว่างคนกับคน บางคนเกิดมาพร้อมความสามารถครอบงำสิ่งธรรมชาติ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
คนสมัยใหม่ยังคำนึงถึงข้อได้เปรียบของทะเบียนบ้านกับเขตบริเวณใกล้โรงเรียนเมื่อต้องเลี้ยงลูก ยุคศักดินาที่มีมารยาททางชนชั้นที่เคร่งครัดยิ่งแย่กว่านั้น
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ข้าต้องคิดเผื่อลูก ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขทางวัตถุและสุขภาพจิต”
การขาดความรักจากพ่อจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูก เด็กกำพร้าอย่างหยุนหลิงนั้นรู้ซึ้งดี
“งั้นเราสองคน....อยู่ด้วยกันไปก่อน”
หยุนหลิงล้มเลิกความคิดที่จะจากไปก่อน นางเองก็ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ตอนนี้การเป็นพระชายาจิ้งต่อไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เซียวปี้เฉิงค่อยแอบโล่งอก พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างจริงจังว่า “ลูกสองคนนี้ไม่เพียงเป็นลูกของเจ้า ยังเป็นลูกของข้าด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะดูแปลกอัปลักษณ์แค่ไหน ข้าก็จะปกป้องพวกเขาให้ดี จะไม่ยอมให้พวกเขาถูกทำร้ายแม้เพียงนิด”
ต่อให้เป็นปีศาจ ก็เป็นลูกของเขา
ใบหน้าเซียวปี้เฉิงแน่วแน่ ดวงตาสุกใสดุจดั่งดวงดาว ราวกับกำลังให้คำมั่นสัญญากับนางอย่างจริงจัง
หยุนหลิงจ้องมองดูเขาอย่างว่างเปล่า รู้สึกขมขื่นและไม่เข้าใจชั่วขณะ ปลายจมูกรู้สึกแสบเล็กน้อย
หากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดนางก็เป็นเหมือนเซียวปี้เฉิง งั้นนางก็คงไม่ถูกทอดทิ้ง มีชีวิตดิ้นรนล้มลุกคลุกคลานเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายอำมหิตอยู่ในองค์กร
“ใครบอกว่าปีศาจจะต้องแปลกประหลาดอัปลักษณ์ ไม่เห็นหรือว่าข้าสวยขนาดไหน?” หยุนหลิงย่นจมูก พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “เอ้อ ข้าลืมไปว่าเจ้าตาบอด”
พ่อของลูกคนนี้ นางทำใจยอมรับก็ได้
เซียวปี้เฉิงแอบขำในใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกกับข้าว่า เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์น่ากลัว หน้าตาเหมือนครึ่งหน้าฉู่หยุนหลิง”
เขารู้อยู่แล้ว ยัยปีศาจคนนี้ไม่มีคำพูดใดที่เชื่อถือได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ