ตำหนักชีหลิน
ต้าหย่งและต้าจ้วงกลับมารายงานหลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว
“รายงานพ่ะย่ะค่ะอ๋องเหยียน รวมแล้วได้แลกเนื้อสดยี่สิบคัน และมีข้าวสารสามพันตัน รวมแล้วมีรถม้าหนึ่งร้อยคัน พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”
“รายงานพ่ะย่ะค่ะอ๋องเหยียน ได้ทำการรวบรวมผู้คุ้มกันขนส่งสองพันนายในเมืองเรียบร้อยแล้ว รอรับคำสั่งและออกปฏิบัติการได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนหยักหน้าอย่างพอใจกับการทำภารกิจของต้าจ้วงและต้าหย่งแล้วพูดว่า “ทำได้ดี ไปเตรียมรถม้าอีกสักหน่อย เอาให้พอกับไส้ศึกหญิงอาณาจักรจ้าวทั้งสองร้อยคนนั้น”
ต้าหย่งและต้าจ้วงเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ แม้จะไม่เข้าใจแต่พวกเขาก็ทำตามคำสั่งของอ๋องเหยียนอย่างเต็มที่ ประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะไปเตรียมการทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”
และในขณะนี้ องค์ชายใหญ่ฉินชงก็ได้มาหา “น้องสิบสี่ เตรียมการไปถึงไหนแล้วบ้าง?”
ฉินเหยียนยืนขึ้นต้อนรับ “มีพี่ชายทั้งสองไปร่วมรบกับข้าด้วย ข้ายังต้องเตรียมอะไรอีกละ”
เมื่อองค์ชายใหญ่ฉินชงได้ยินดังนั้นก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “น้องสิบสี่ ใช่ว่าพี่อยากจะว่าเจ้าหรอกนะ โอกาสดีในการสยบอาณาจักรจ้าวในครั้งนี้เราไปกันสองคนก็พอแล้ว เหตุใดเจ้ายังจะพาพี่เจ็ดของเจ้าไปอีก อีกอย่างใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่า พี่เจ็ดของเจ้าเห็นเราสองคนเป็นตัวเกะกะ เขาจะเป็นหนึ่งเดียวกับเราได้อย่างไรกัน”
ฉินเหยียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าองค์ชายเจ็ดฉินอวี่ดูถูกเขา แต่อย่างไรเครือญาติขององค์ชายเจ็ดฉินอวี่ก็ล้วนเป็นตระกูลใหญ่ทั้งนั้น มีเสบียงในมือ หากต้องสู้รบกับอาณาจักรจ้าวตรงๆขึ้นมาจริงๆ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอำนาจของฉินอวี่
จึงได้พูดอย่างไม่แยแสว่า “โธ่พี่ใหญ่ อย่างไรพี่เจ็ดก็เป็นพี่น้องเรา หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่มีทางไม่ช่วยเราหรอก วางใจเถิด”
ฉินชงเห็นว่าพูดไปฉินเหยียนก็ไม่เข้าใจ จึงพูดเตือนว่า “เจ้าเห็นเขาเป็นพี่น้อง แต่เขาไม่เคยเห็นเจ้าเป็นพี่น้องเลย ข้าจะบอกให้นะ เมื่อครู่นี้คนของข้ามารายงานว่าพี่เจ็ดของเจ้าออกจากเมืองหลวงก่อนเราไปแล้ว!”
ฉินเหยียนรู้ตั้งนานแล้ว แต่แสร้งทำเป็นตกตะลึงแล้วพูดว่า “หา? พี่เจ็ดไปแล้วรึ? รีบร้อนขนาดนี้จะไปทำอะไรรึ”
องค์ชายใหญ่ฉินชงทำเสียงเย็นชา “ที่เขามุ่งหน้าไปก่อนจะต้องมีแผนไม่ดีแน่ ระหว่างทางมีกองกำลังของตระกูลพระมารดาของเขาเต็มไปหมด ข้าสงสัยว่า ไม่แน่เขาอาจวางแผนอะไรเพื่อให้เราพลาด”
ฉินเหยียนพูดปลอบใจว่า “พี่ใหญ่อย่ากังวลไปเลย ไม่เป็นไร ต่อให้พี่เจ็ดจะเริ่มมุ่งหน้าไปก่อน ไว้เราค่อยๆตามไปก็ได้”
ฉินชงหมดคำจะพูด “ข้าพูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็โบกแขนเสื้อแล้วเดินจากไปจากตำหนักชีหลิน
เมื่อส่งองค์ชายใหญ่ไปแล้ว ฉินเหยียนก็ยิ้มออกมา
......
วันต่อมา มาถึงวันที่ต้องออกทัพแล้ว
กองทัพใหญ่ออกรบทำให้ดูยิ่งใหญ่อย่างมาก เหล่าขุนนางทุกคนต่างรอกันอยู่ที่ประตูเมืองหลวงแล้ว ฮ่องเต้ฉินเองก็มองจากหอคอย เบื้องล่างมีทหารห้าหมื่นนายรวมตัวกันอยู่
หมู่ขุนนางมีคนพูดขึ้นอย่างเสียงเบาว่า “เหตุใดองค์ชายสิบสี่จึงยังไม่มาอีก?”
“คงไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาแล้วก็เกิดกลัว เพราะต้องสู่รบกับอาณาจักรจ้าว เลยหนีไปแล้วหรอกนะ!”
“หึ พูดไว้ดิบดี ยังบอกว่าจะให้คํามั่นสัญญาโดยการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรตามกฎทหารอีก ช่างขี้ขลาดจริงๆ!”
สีหน้าของฮ่องเต้ฉินเองก็ไม่ดีนัก วันสำคัญเช่นนี้ยังมาสายอีก เจ้าสิบสี่ช่างไม่รู้ลำดับความสำคัญจริงๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดกันอยู่ ก็เห็นว่ามีขบวนหรูหราค่อยๆเดินมา
“พวกเจ้าดูสิ นั่นคือกองทัพขององค์ชายสิบสี่!”
ทุกคนมองไปตามเสียง ในขบวนนั้นมีรถม้านับร้อยคันที่ขนเสบียงอยู่ ทุกคันมีผู้คุ้มกันขนส่งล้อมอยู่นับสิบคน ทุกคนดูกำยำกันหมด ในสายตาของพวกขุนนางในราชสำนักแล้ว ล้วนเป็นนักรบพเนจร
เมื่อมองดูดีๆแล้ว ในขบวนยังมีรถม้าประดับดอกไม้อีกสิบกว่าคัน บนรถม้ามีหญิงงามนับร้อยคนอยู่ พวกนางปัดม่านขึ้นแล้วพูดคุยราวกับกำลังหารืออะไรกัน
หากในขบวนไม่มีทหารหัวกะทิแปดร้อยนายที่ทำให้ขบวนดูจริงจังขึ้นมาหน่อย ไม่เช่นนั้นใครมองไปก็ไม่เชื่อว่าเป็นพวกนักสู้พเนจร ไม่สมกับที่จะออกไปสู้รบเลย
เมื่อเหล่าขุนนางมองเห็นชัดเจนแล้วว่าคนที่นำทัพคือองค์ชายสิบสี่ฉินเหยียน ก็ได้หัวเราะขึ้นมาตามๆกัน
“หึ ข้าคิดว่าดูผิดไปเสียอีก นั่นคือขบวนทัพขององค์ชายสิบสี่ไม่ใช่รึไง!”
“นี่จะไปสู้รบกับอาณาจักรจ้าวงั้นรึ ออกไปท่องเที่ยวเพลิดเพลินซะมากกว่า!”
“ใครเขาไปสู้รบแล้วยังพาผู้หญิงไปด้วยกัน นี่ล้อเล่นกันชัดๆ!”
“องค์ชายสิบสี่ติดนิสัยเจ้าชู้ คนไร้ความสามารถทำอะไรก็ไม่สำเร็จ หมดหนทางจะช่วยเหลือจริงๆ!”
เหล่าขุนนางต่างพากันประชดประชันฉินเหยียน แม้แต่ฮ่องเต้ฉินยังสงสัยขึ้นมาว่าการที่ให้เจ้าสิบสี่ไปสมรภูมิเช่นนี้เป็นความผิดรึเปล่า
แต่เขาคือฮ่องเต้แห่งอาณาจักรนี้ สิ่งที่ได้กล่าวออกไปแล้วก็ยากจะกลับคำ หากเจ้าสิบสี่สามารถปิดปากพวกนี้ได้ด้วยการเอาชนะ นั่นจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หากไม่อาจเอาชนะได้ ก็ถือว่าได้ทุ่มเทให้อาณาจักรฉิน อุทิศตนให้กับมัน คนอื่นก็จะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้
ยอมปล่อยมือดูสักตั้ง และพูดอย่างเข้มงวดว่า “เคลื่อนพล!”
จากนั้นเสียงกลองสงครามอันน่าตื่นเต้นก็ดังขึ้นตึงตึงตึง แถวขบวนที่ยืนส่งอยู่ทั้งสองข้างก็ได้ยกแตรขึ้นมาเป่าพร้อมกัน เสียงแตรอันโกรธเกรี้ยวดังก้องอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงอยู่นาน
ฉินเหยียนและฉินชงได้โบกมือให้กับทุกคนในเมืองหลวง จากนั้นก็หันหัวม้าแล้วออกคำสั่งว่า
“เคลื่อนกองทัพ ออกเดินทางได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ด้วยคำสั่งของทั้งสองคน พวกเขาได้ก้าวออกไปสู้รบอย่างหนักแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
เห็นเขาว่ามี 700 กว่าตอน จริงไหมครับ ละดูที่ไหนได้ครบทุกตอนครับ...
กำลังสนุกรอตอนต่อไป...
รอตอนต่อไป...
จะต่ออีกภาคเมื่อไร...
มีชื่อ ENG มั้ย...
ใช้แอปอะไรอ่านแบบยาวๆครับ...
สนุกมาก อยากดูแบบคนเล่นเลย...
สนุก น่าติดตาม รอตอนต่อไป ครับ...
รออ่านครับ สนุกมาก...
สนุกน่าติดตาม...