องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 106

กองทัพออกเดินทางและตรงไปยังด่านเจียยวี่

องค์ชายใหญ่เดินเข้ามาใกล้กองทัพของฉินเหยียน แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาบ้างแต่ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

ขบวนกองทัพที่มีบรรดาผู้คุ้มกันสินค้าในยุทธจักรไม่มีกฎระเบียบเลยแม้แต่น้อย บรรดาหญิงหอโคมเขียวที่ส่งเสียงดัง บางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าฟังดังมาจากทั้งสองฝ่าย

บรรยากาศของกองทัพเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ไม่มีความตึงเครียดที่ต้องไปสู้รบเลยแม้แต่น้อย

“นี่คือบรรยากาศที่กำลังจะไปออกรบอย่างนั้นหรือ? เฮอะ!”

องค์ชายใหญ่ฉินชงควบม้า ไปหาฉินเหยียนด้วยความไม่พอใจ

...

เมื่อกองทัพเข้าสู่สงคราม เป็นเรื่องปกติที่บุคคลสำคัญจะเป็นคนกระตุ้นให้เกิดสงคราม บุคคลสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยนั่นคือ องค์หญิงสามแห่งอาณาจักรจ้าว จ้าวจีเอ๋อร์

ฉินเหยียนยังคงใจดี จัดรถม้าแยกให้นาง นอกจากเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของนางแล้ว ยังมีเสบียงอาหารอีกหลายสิบจินวางบนรถ

สินสอดที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกวันมีส่งมาให้นางไม่ขาด วันนี้ต้องออกเดินทัพ นางจึงพาทุกอย่างติดตัวไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้แต่การขับรถม้า นางเป็นคนขับเอง

จ้าวจีเอ๋อร์แอบวางแผนไว้ในใจว่า หากกล้าพานางไปถึงสนามรบ ขอเพียงแค่มีโอกาสให้นางหนี นางต้องหนีให้ได้ ตอนนี้เพียงแค่รอโอกาสเท่านั้น

...

กองทัพเดินขบวนเป็นเวลากว่าห้าชั่วโมง

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง จึงตัดสินใจตั้งค่ายพักแรมบริเวณใกล้ภูเขาและแม่น้ำ

บรรดาผู้คุ้มกันสินค้าที่ได้รับการจ้างวานจากฉินเหยียน ล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์เอาชีวิตรอดในป่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องให้ฉินเหยียนออกคำสั่งอะไรมากนัก

ทุกคนมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน ทั้งกางเต็นท์ หากิ่งไม้มาจุดไฟ ตักน้ำดื่มจากแม่น้ำ ทั้งหมดต่างแบ่งหน้าที่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี

ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเต็นท์ถูกตั้งขึ้นทีละหลัง กองไฟถูกจุดขึ้นกลางเต็นท์ ทหารชั้นดีต่างหยิบอุปกรณ์เพื่อทำการจุดไฟ บรรดาหญิงหอโคมเขียวกำลังหุงข้าว ทำอาหารเท่าที่จะสามารถทำได้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและกลมเกลียวกัน

พวกทหารตั้งค่ายเห็นว่ากลุ่มขององค์ชายสิบสี่มีสาวงามติดตามมาด้วยมากมาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอิจฉาหรือความจริงใจ พวกเขาต่างพูดจาเยาะเย้ยเสียดสีว่า

“เฮ้ย เสียงร้องนี้ดังมาจากที่ไหน พาผู้หญิงมาออกรบมากมายขนาดนี้ คงกลัวว่าในสนามรบจะเปล่าเปลี่ยวใจกระมัง?”

องค์ชายใหญ่ฉินชงโกรธมาก เดินมาหาฉินเหยียนด้วยความโกรธว่า

“น้องสิบสี่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

ในเวลานี้ ฉินเหยียนกำลังดื่มด่ำไปกับเหล้าและอาหารรสเลิศในเต็นท์ ทั้งเต็นท์เต็มไปด้วยบรรดาหญิงงามที่ล้อมรอบตัวฉินเหยียนต่างมีความสุขกันมาก

จ้าวจีเอ๋อร์เองก็อยู่ที่นั่นด้วย นางกำลังนั่งอยู่ตรงมุมเต็นท์ ทุบแขนและขาที่เจ็บและชาของตนเอง

“พี่ใหญ่มาแล้ว หาที่ให้ท่านพี่ข้านั่งหน่อย”

จ้าวจือหย่ายืนขึ้น นำเก้าอี้มาให้องค์ชายใหญ่ โค้งคำนับด้วยความเคารพ

“องค์ชายใหญ่ เชิญนั่งเจ้าค่ะ”

องค์ชายใหญ่ฉินเหยียนจำใจยอมนั่งลง ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูด จ้าวจือหย่าก็รินเหล้าใส่แก้ว

นี่ยิ่งทำให้ฉินชงโกรธมากขึ้นไปอีก

“สงครามก็คือสงคราม ไม่ใช่เพราะเกิดสงครามแล้วจะต้องสูญเสียความสุขไป ท่านพี่ว่าถูกต้องหรือไม่?”

“ถูกต้องที่ไหนกันล่ะ!”

ฉินชงเริ่มโกรธ

“คำสั่งทหารเป็นเหมือนดั่งภูเขา ออกรบแต่ยังมีหน้ามาดื่มเหล้าจะโดนตำหนิเอาได้!”

ฉินเหยียนกระพริบตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ข้าไม่ใช่ทหารรบนี่ พวกเราเป็นแค่กองทัพที่คอยหนุนหลังก็เท่านั้น”

“พี่ใหญ่ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปเลย นั่งลงฟังข้าก่อน”

ฉินเหยียนดึงฉินชงให้นั่งลงและพูดอย่างฉะฉานว่า

“ก่อนออกเดินทัพพวกเราคุยกันแล้วมิใช่หรือ ว่าท่านพี่จะรับผิดชอบหน้าที่นำทัพ พี่เจ็ดจะรับผิดชอบด้านเสบียงอาหาร ส่วนข้ารับผิดชอบด้านการวางแผน”

“เจ้า!”

องค์ชายใหญ่ฉินชงต้องการจะว่าฉินเหยียน แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่ฉินเหยียนพูดมานั้นถูกต้อง

จ้าวจือหย่าที่อยู่ด้านข้างคอยรินเหล้าและวางอาหารให้กินฉินเหยียน ด้วยนิสัยและความอ่อนโยนของหญิงในสมัยโบราณ คุณธรรมและความผ่อนคลายสะท้อนจากตัวเธอออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

ฉินชงพูดออกมาย่างเผ็ดร้อนว่า

“เจ้ามีความสุขแน่ล่ะ ออกรบแต่มีหญิงงามตามติดมากมายขนาดนี้ สบายใจมากเลยกระมัง!”

หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็ดื่มเหล้าเข้าไปหนึ่งแก้ว

ฉินเหยียนพูดอย่างภาคภูมิใจว่า

“พี่ใหญ่อย่าอิจฉาข้าเลย ด้านนอกมีหญิงงามมากมายขนาดนี้ ท่านพี่สามารถเลือกได้ตามชอบใจ รับรองได้เลยว่าคืนนี้ข้าจะให้พวกนางดูแลปรนนิบัติท่านพี่ให้มีความสุขอย่างแน่นอน”

ฉินชงหยุดพูดจาไร้สาระ ยิ่งมองไปที่ฉินเหยียนเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ เขาสงสัยตนเองว่าเหตุใดถึงยอมขึ้นเรือโจรสลัดลำนี้ได้

“เจ้าสิบสี่ ผลของการออกรบในครั้งนี้ยังไม่มีผลสิ้นสุด ข้าต้องการพยายามให้เต็มที่ ไม่อาจพูดไร้สาระกับเจ้าได้”

เขายืนขึ้นตั้งใจจะออกไป เมื่อเขายืนถึงประตูเต็นท์ ฉินชงก็หันหน้ากลับไปพูดว่า

“เจ้าให้เจ้าเจ็ดทำหน้าที่รวบรวมเสบียงอาหารนั่นเป็นเรื่องที่เจ้าตัดสินใจผิด หากไม่เชื่อ เจ้ารอดูต่อไปเถิด”

ฉินชงจากไปพร้อมกับความโกรธ

เขาพูดถูก

เหตุผลที่องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ออกเดินทางมาก่อนนั้น เป็นเพราะเขาวางแผนที่จะจัดการฉินเหยียน

เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งในทุกพื้นที่ ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปยังสถานที่ใด เขาจะบอกเจ้าเมืองในละที่เป็นแน่ เพียงแค่กองทัพเดินทางผ่าน เขาจะต้องให้บทเรียนกับเจ้าสิบสี่แน่ ทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์

เมื่อบรรดาเจ้าเมืองในแต่ละเมืองได้รับข่าว เพื่อช่วยองค์ชายเจ็ดและขจัดความกังวลเรื่ององค์รัชทายาท พวกเขาต้องหาวิธีทำให้ฉินเหยียนเจอเรื่องที่ยากลำบากแน่นอน

ฉินเหยียนไม่ได้ใส่ใจ ยิ้มอย่างเย็นชาขณะดื่มเหล้า

“มาดูกันว่าใครจะชนะใคร อ้อ ใช่แล้ว จ้าวจือหย่า เจ้ามานี่”

จากนั้นเขากระซิบบางอย่างที่ข้างหูนาง

“นี่...”

สีหน้าของจ้าวจือหย่าจากมีสีสันพลันเป็นหน้าซีด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์