องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 108

ฉินเหยียนไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก ราวกับว่าคิดเอาไว้แล้ว พูดอย่างใจเย็นว่า

“ข้าก็คิดว่าเรื่องอะไร เจ้ากังวลอะไรล่ะ?”

หลิวเชียนเชียนพูดอย่างกังวลในใจว่า

“จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร พวกเราคนเยอะขนาดนี้ เสบียงอาหารที่ไม่ได้มีจำนวนมากขึ้นนี้ ไม่ช้าก็เร็วคงถูกกินจนหมด อีกอย่างยังไม่รู้ว่าสงครามกับอาณาจักรจ้าวจะยืดเยื้อนานเพียงใด”

“ถ้าเราไม่สามารถเก็บเสบียงระหว่างทางได้ นั่นไม่ได้ถือเป็นการรอกินสมบัติเก่าหรือ เมื่อถึงเวลานั้นพวกทหารจะเอาแรงจากไหนมาสู้รบ!”

ฉินเหยียนพูดอย่างใจเย็น

“อย่าเพิ่งตกใจไปเลย ค่อยๆ พูด กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ หากเกิดปัญหาขึ้นเราก็แค่แก้ไขมัน”

หลิวเชียนเชียนกระพริบตาและขมวดคิ้ว

“หรือว่าท่านคิดวิธีแก้ปัญหาได้แล้วหรือ?”

ฉินเหยียนคาดเดาเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นฝีมือขององค์ชายเจ็ด อย่างไรก็ตามตระกูลทางแม่ของเขาเป็นกลุ่มชนชั้นสูงในด่านเจียยวี่ เพียงแค่พวกเขากระทืบเท้าในเมืองเล็กๆ นี้ ก็อาจทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ได้ หากคิดจะวางกับดักระหว่างการเดินทางของฉินเหยียน ต้องใช้เรื่องเสบียงอาหารแน่นอน

เขาพูดอย่างใจเย็นว่า

“แอบย้ายพวกเสบียงล่วงหน้า คงคิดจะต่อต้านอาณาจักรฉิน พวกเราแพ้พวกเขาจะได้ประโยชน์อันใดล่ะ?”

หลิวเชียนเชียนตระหนักได้ทันที

“ใช่ มีประโยชน์อะไรเล่า?”

ฉินเหยียนยิ้มและพูดว่า

“ไปกันเถอะ ทุกปัญหาย่อมมีทางออก”

...

ฉินเหยียนเข้าไปในเมืองพร้อมกับหลิวเชียนเชียน ไส้ศึกอาณาจักรจ้าว และทหารชั้นดีอีกแปดนาย

กลุ่มคนมาถึงประตูหน้าจวนตระกูลอู๋ ที่ร่ำรวยมากที่สุดในเมือง

เมื่อมองดูแล้ว ที่ตั้งของจวนสกุลอู๋นี้ให้ความสำคัญกับตำแหน่งเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งการก่อสร้างที่ดูหรูหรา ให้ความแตกต่างกับประตูบ้านเล็กๆ ที่อยู่โดยรอบเป็นอย่างมาก

ฉินเหยียนพูดกับหลิวเชียนเชียนที่อยู่ข้างๆ ว่า

“ดูสิว่าลานบ้านกว้างใหญ่ขนาดไหน สมกับที่เป็นครอบครัวฝ่ายแม่ของพี่เจ็ดจริงๆ”

หลิวเชียนเชียนมองไปจวนที่หรูหราตรงหน้านาง แล้วพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย ต้องมีเงินขนาดไหนถึงสร้างลานบ้านกว้างได้ถึงเพียงนี้

ฉินเหยียนให้สัญญาณ ทหารชั้นดีจึงก้าวไปข้างหน้าและเคาะประตูทันที

ประตูเปิดออกเล็กน้อย คนรับใช้ตระกูลอู๋โผล่หัวออกมา พูดด้วยความเย่อหยิ่งว่า

“พวกเจ้ามาทำอะไร?”

ทหารชั้นดียิ้มและทักทาย

“พวกเราเป็นทหารของอาณาจักรฉิน มาที่นี่เพื่อต้องการแลกเปลี่ยนเสบียงอาหาร ไม่ทราบว่าพวกท่านสะดวกหรือไม่?”

คนรับใช้ตระกูลอู๋กลอกตา

“พวกเจ้าตาบอดหรือ? ที่นี่จวนสกุลอู๋ ไม่ใช่ร้านขายข้าว ออกไปจากที่นี่เสีย!”

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ปิดประตูทันที

ทหารชั้นดีผิดหวัง หันตัวกลับไปหาฉินเหยียน

“องค์ชาย เด็กรับใช้ผู้ชายคนเมื่อครู่หยิ่งได้ถึงเพียงนั้น เจ้าบ้านต้องหยิ่งมากกว่านี้แน่ขอรับ คงไม่ต้องการให้เราขอเสบียงหรอกกระมัง?”

ไม่ต้องคิดเยอะ ตระกูลนี้ต้องได้รับคำสั่งจากองค์ชายเจ็ดอย่างแน่นอน จงใจพยายามทำให้ฉินเหยียนต้องอับอาย

ฉินเหยียนสั่งเสียงเย็น

“ไม่ให้เข้าไปใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะเคาะต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะให้เข้าไป”

การเคาะประตูในครั้งนี้แตกต่างจากการเคาะประตูโดยทั่วไปมาก

ฉินเหยียนสั่งให้ทหารชั้นดีทั้งสี่นายใช้หมัดกระแทกเข้าที่ประตูอย่างแรง

ด้วยเสียงหมัดที่ดังดั่งค้อนทุบ ทำให้เกิดเสียง”ตึงตึงตึง” ราวกับเสียงเดินของกองทัพให้สงคราม

หลังจากนั้นไม่นาน คนด้านในก็ไม่อาจทนฟังเสียงได้อีกต่อไป ประตูจวนสกุลอู๋ถูกเด็กรับใช้ผู้ชายสองคนเปิดออก ผู้นำตระกูลอู๋ยืนอยู่ที่ประตูแล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างรู้ทันว่า

“พวกเจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่?”

ฉินเหยียนก้าวไปข้างหน้า ยืดอกและพูดว่า

“ต้องการให้ผู้นำตระกูลออกมา!”

ผู้น้ำตระกูลอู๋หัวเราะเยาะ

“ข้าเป็นผู้นำตระกูลอู๋ มีเรื่องชี้แนะอันใด?”

ฉินเหยียนมองเขาและเยาะเย้ยในใจ

“ข้า องค์ชายสิบสี่แห่งราชวงศ์ฉิน ข้ากำลังจะออกเดินทาง อยากจะขอเสบียงอาหารจากท่านเสียหน่อย”

“มาถึงจวนสกุลข้าเพื่อขออาหารอย่างนั้นหรือ ได้ ไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องคุกเข่าขอร้องข้า ข้าจะให้เสบียงอาหารแก่เจ้าอย่างเมตตา”

“บังอาจ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทหารชั้นดีต่างพากันโกรธเคือง อ๋องเหยียนของพวกเขาเป็นดั่งวีรบุรุษ ตระกูลชั้นสูงตระกูลเล็กๆ แค่นี้ คิดกล้าพูดจาอวดดี ถ้าไม่ใช่เพราะอ๋องเหยียนสั่งไม่ให้บุกเข้าไปด้านใน พวกเขาเองก็อยากจะสอนบทเรียนให้คนในเมืองนี้รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริงๆ

ฉินเหยียนไม่ได้วิตก กังวลหรือโกรธแต่อย่างใด แต่เขากลับยิ้มและพูดอย่างใจดีว่า

“พูดได้ดีนี่”

ทันทีที่เขาพูดจบ ไส้ศึกหญิงแห่งอาณาจักรจ้าวหลายคนคนเดินบิดขึ้นมาด้านหน้า พวกนางโค้งคำนับและพูดอย่างอ่อนโยนว่า

“บ่าวจะทำให้เป็นเรื่องง่ายเองเจ้าค่ะ!”

อ๊ะ!

หญิงงามที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รูปร่างผอมและอวบตรงหน้านี้!

ผู้นำตระกูลอู๋เมื่อเห็นเช่นนั้นพลันเบิกตากว้าง

ผู้หญิงนางหนึ่งจับจ้องไปที่การแสดงออกของผู้นำตระกูลอู๋ ก้าวออกไปข้างหน้าทันที จับแขนและกระซิบข้างหูเขาว่า

“นายท่าน ท่านก็แค่อำนวยความสะดวกให้พวกเราเสียหน่อย ไม่ได้หรือเจ้าคะ!”

ดังสุภาษิตที่ว่า แม้วีรบุรุษยังไม่อาจเมินเฉยต่อหญิงงามได้ เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงชายผู้มั่งคั่งและมากด้วยตัณหา

หูข้างที่ถูกหญิงงามกระซิบพลันอ่อนลงทันที แต่เขาแสร้งทำท่าทีสงบและพูดว่า

“เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่มีเงินให้มากพอ พวกเจ้าอยากได้อะไร ก็เอาไปเสีย”

กับดักหญิงงามได้ผล ฉินเหยียนยิ้มออกมา

“ไม่มีปัญหา!”

ผู้นำตระกูลอู๋มองไปที่ฉินเหยียนด้วยรอยยิ้ม เจ้าโง่คนนี้ไม่ได้ฉลาดอย่างที่องค์ชายเจ็ดพูดเอาไว้เลย ในเมื่อมาหาถึงประตูเช่นนี้ เช่นนั้นวางกับดักพวกเขาเสียแล้วกัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์