องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 111

ฉินเหยียนและหลิวเชียนเชียนรีบออกไปนอกเมืองรวมกลุ่มกับคนอื่น

จะระยะไกลเห็นกล่องสมบัติหลายกล่อง จึงรีบลงไปตรวจสอบ

เมื่อเปิดกล่องเล็กๆ มีทองคำแท่งเรียงกันอยู่ด้านในอย่างเป็นระเบียบ

แสงสีทองส่องประกายแวววาว

ฉินเหยียนหยิบทองแท่งขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลิกไปพลิกมาในมือ

ใช้ได้นี่ ทองแท่งเล็กๆ หนึ่งแท่งหนักถึงหนึ่งจินเลยทีเดียว!

เมื่อมองไปที่กล่องอีกใบ พบว่าด้านในเต็มไปด้วยเครื่องประดับผู้หญิง ทั้งลูกปัด กำไล ที่ติดผมและอัญมณี

ไม่ต้องพูดถึงในสมัยโบราณหรอก หากสิ่งของเหล่านี้อยู่ในยุคปัจจุบันก็ยังมีมูลค่าหลายหยวน!

จากนั้นเปิดกล่องอีกใบ ด้านในมีเงินจำนวนมาก ทำให้คนที่ได้เห็นอึ้งอ้าปากค้างได้เลย

หลิวเชียนเชียนที่อยู่ด้านข้างอุทานออกมาทันที

“ว้าว เงินเยอะมาก!

ฉินเหยียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจและพูดอย่างสบายๆ ว่า

“เมื่อคืนได้สิ่งใดมาบ้าง รายงานข้ามา”

“เจ้าค่ะ!”

หลิวเชียนเชียนรายงานผลด้วยความตื่นเต้น

“ได้เสบียงอาหารจากที่เก็บเสบียงหนึ่งพันห้าร้อยตั้น อีกทั้งเงินจำนวนมากที่ไม่อาจนับได้ ประมาณไว้อย่างน้อยๆ อยู่ที่หลายแสนตำลึง”

ฉินเหยียนพยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า

“เก็บมาได้เยอะทีเดียว ตระกูลชนชั้นสูงช่างร่ำรวยเสียจริง หากระหว่างทางเราเจอตระกูลที่ร่ำรวยแบบนี้อีก เราคงจะมีเงินเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว”

หลิวเชียนเชียนกลอกตาและมองไปที่ฉินเหยียน

“ท่านเป็นถึงองค์ชาย เหตุใดถึงขี้โกงเสียยิ่งกว่านักเลงในตลาดอีกเจ้าคะ?”

ฉินเหยียนไม่สนใจและพูดว่า

“เจ้ารู้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นแมวขาวหรือแมวดำ ทุกตัวล้วนจับหนูได้”

“ไม่สำคัญว่าวิธีการของข้าจะขี้โกงหรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญคือเราทำสำเร็จ”

ทันทีที่เขาพูดจบ พลันได้ยินเสียงม้าวิ่งมาแต่ไกล

มองไปเห็นว่าผู้นำตระกูลอู๋และเด็กรับใช้กำลังไล่ตามพวกเขาอย่างเต็มกำลัง

“ไอ้ขี้ขโมย หยุดเดี๋ยวนี้!”

ฉินเหยียนไม่ได้คิดจะวิ่งหนี กลับรออย่างเฉยเมยจนผู้นำตระกูลมาถึง

“ตึง”

ผู้นำตระกูลอู๋ลงจากหลังม้า เดินมาหาฉินเหยียนอย่างรวดเร็ว ขี้นิ้วไปที่เขาและตะโกนออกมาว่า

“เจ้าเป็นไอ้โจรกระจอก แอบฉวยโอกาสตอนข้าเมาและปล้นทรัพย์สินมีค่าของข้าไปจนหมด เจ้ารีบคืนให้ข้าเสียเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะแจ้งทางการให้มาจับเจ้า!”

ฉินเหยียนแคะหูอย่างรำคาญและพูดอย่างใจเย็นว่า

“เจ้าจะตะโกนทำไม ทำไมถึงไม่พูดกันดีๆ เล่า”

“อีกอย่าง ทรัพย์สมบัติพวกนี้ ตอนที่เราดื่มด้วยกันเมื่อคืนเจ้ารับปากกับข้าเอง เป็นบุรุษพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ ตอนนี้เจ้ากำลังเสียใจอย่างนั้นหรือ?”

“ไร้สาระ! หากคิดเสียว่าข้าพูดออกไปแล้วจริงๆ แต่นั่นเป็นเพราะข้าเมา ถือเป็นอันโมฆะ!”

ฉินเหยียนหัวเราะเยาะ

“ท่านผู้นำอู๋ อย่างไรก็ตามท่านก็เป็นญาติของพี่เจ็ด อีกอย่างตอนนี้สงครามระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด คนรวยย่อมบริจาคเงิน คนจนย่อมใช้กำลังช่วยแทน ท่านได้นำทรัพย์สินทั้งหมดของท่านมาบริจาคแล้ว ถือว่าท่านมีส่วนสนับสนุนราชวงศ์ฉินและนั่นถือเป็นเกียรติแก่ท่าน”

ฉินเหยียนไม่เพียงแต่เก่งในเรื่องหัวหมอ แต่ยังพูดจาคารมคมคาย คำพูดเช่นนี้ทำให้ผู้นำตระกูลอู๋ที่ยังไม่หายสร่างเมาดีถึงกับตอบอะไรกลับไปไม่ถูก

ในเมื่อเจรจาลำบาก เช่นนั้นคงทำได้แค่รีบปล้นคืนมา ผู้นำตระกูลอู๋ออกคำสั่ง

“เจ้ามันไอ้ขี้ขโมย ดีแต่สร้างปัญหา หากเจ้าไม่คืนให้ข้าอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

“ไปเอาทรัพย์สินของข้ากลับคืนมา!”

เด็กรับใช้ตระกูลอู๋ยกไม้หน้าสามขึ้น กำลังจะก้าวไปข้างหน้า

โดยไม่คาดคิดทหารชั้นดีชักดาบออกมา แต่ละคนต่างมีประสบการณ์ในการต่อสู้ และสายตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า พวกเขายืนเฝ้ารถม้าราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว

เมื่อเด็กรับใช้ตระกูลอู๋เห็นดังนั้น พวกเขาหยุดแน่นิ่งในทันที ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงแม้จะมีไม้หน้าสามอยู่ในมือก็ตาม

ผู้นำตระกูลอู๋ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ปากก็ยังคงพูดไม่หยุด

“เจ้าคิดจะทำอะไร เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ ข้าเป็น...”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ฉินเหยียนขัดจังหวะเขาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายเสียก่อน

“เจ้าอยากรายงานทางการ แต่ข้าเองก็เป็นคนของทางการเช่นกัน เจ้าไม่เคยได้ยินคำนี้หรือ คำพูดของข้าราชสำนักไม่น่าเชื่อถือ กลับกลอกไปเรื่อย”

ผู้นำตระกูลอู๋โกรธมากจนตัวพอง ฉินเหยียนเป็นคนพูดเก่ง พูดจาคารมคมคาบและเป็นคนหัวหมอ

พูดไปก็คงไม่ชนะ จะเอาทรัพย์สินคืนมาก็คงไม่ได้คืนแน่ เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้? ใช่แล้ว!

เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา

“วิธีการขององค์ชายสิบสี่ข้าเคยเห็นมาก่อนแล้ว อย่าพูดมากอีกเลย เจ้ายกเค้าเสบียงอาหารของข้าไปจนหมด คิดจำนวนได้คงสองสามร้อยตั้น เช่นนั้นยึดตามสัญญากู้ยืมที่เขียนเอาไว้ เจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า!”

ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกมา ฉินเหยียนพลันหัวเราะ จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าไร้เดียงสาพร้อมกับพูดว่า

“สัญญากู้ยืม? สัญญากู้ยืมอะไรกันเล่า? องค์ชายอย่างข้าไม่เคยทำสัญญากู้ยืมมาก่อนเลย!”

เคยเห็นพวกเบี้ยวหนี้ แต่ไม่เคยเห็นคนเบี้ยวหนี้ขนาดนี้มาก่อน ผู้นำตระกูลอู๋โกรธมาก

“เจ้าอยากจะหนีหนี้ใช่หรือไม่ กระดาษแผ่นนี้เขียนอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีรอยประทับลายนิ้วมือของเจ้าด้วย เจ้าอย่าคิดจะปฏิเสธเสียให้ยาก!”

ขณะที่เขาพูด เขาก็เอื้อมมือไปค้นสิ่งที่อยู่ในแขนเสื้อ

แต่แขนเสื้อเขากลับวางเปล่า

“นี่ใช่สิ่งที่เจ้ากำลังหาอยู่ใช่หรือไม่?”

ฉินเหยียนพูดพลางโบกสัญญากู้ยืมในมือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์