องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 112

“นั่น... นั่นมัน...”

ผู้นำตระกูลอู๋จ้องเขม็ง เห็นว่าสัญญากู้ยืมอยู่ในมือฉินเหยียน ในใจพลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“เจ้าเป็นไอ้ขี้ขโมยจริงๆ เป็นองค์ชายแห่งอาณาจักรฉินเสียเปล่า กลับไม่ทำอย่างที่พูด... ขโมยสัญญากู้ยืมไปจากข้าอีก!”

ในเมื่อสัญญาได้มาอยู่ในมือฉินเหยียนแล้ว จะคืนให้ได้อย่างไรกันเล่า เขาจึงฉีกสัญญากู้ยืมออกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าผู้นำตระกูลอู๋

ดวงตาทั้งสองของผู้นำตระกูลอู๋เบิกกว้าง

“เจ้า!”

ฉินเหยียนพูดด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์

“เจ้าต้องการกระดาษพวกนี้ใช่หรือไม่ รับไปสิ!”

หลังจากพูดเช่นนั้น เขาโยนเศษกระดาษในมือขึ้น เศษกระดาษปลิวไปตามลมปะทะเข้าใบหน้าของผู้นำตระกูลอู๋

ผู้นำตระกูลอู๋มองไปยังเศษกระดาษที่ปลิวว่อนไปทั่ว ความโกรธยิ่งเพิ่มสูงขึ้น

“ข้าจะสู้กับเจ้า!”

เขาโกรธมากจนอย่างจะลงมือ

แต่ในวินาทีต่อมา ทหารชั้นดีกลับชักดาบออกมาและเผชิญหน้ากันทันที นักสู้ที่มีประสบการณ์สู้กับอีกฝ่ายที่เป็นผู้ลากมากดีในท้องถิ่น เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็สามารถจัดการพวกเขาได้แล้ว

“เจ้ายังไม่ยอมรับอยู่อีกหรือ?”

ฉินเหยียนมองไปยังผู้นำตระกูลอู๋ที่ถูกคุ้มกันและคุกเข่าต่อหน้าเขา

เสียง “เคร้ง” ดึงดาบออกจากฝักและพาดไปบนคอของผู้นำตระกูลอู๋

“ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด หากเจ้าไม่ได้วางแผนขัดขวางกองทัพข้า ข้าคงจะแบ่งทรัพย์สินบางส่วนให้เจ้าได้ แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าคงต้องฝืนใจฆ่าเจ้า!”

“ข้าเป็นคนตระกูลอู๋ ตระกูลอู๋ของพวกข้าเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ลูกพี่ลูกน้องข้าเป็นถึงกุ้ยเฟย เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”

ฉินเหยียนมองจรดหัวถึงเท้า และพูดเสียงเย็นว่า

“เจ้าลืมตามองให้ชัดๆ ดาบที่ข้าถืออยู่นี้มีที่มาอย่างไร!”

ผู้นำตระกูลอู๋มองไปที่ดาบ ถึงกับพูดไม่ออก

“กระบี่ชื่อเซียว!”

กระบี่ชื่อเซียวเป็นหนึ่งในสิบอันดับอาวุธพิเศษของโลก นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นกระบี่ที่ฮ่องเต้ฉินถือติดตัวไปด้วยเสมอ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฮ่องเต้

ทันทีที่ดาบชื่อเซียวปรากฏออกมา ก็เปรียบได้เหมือนกับการมาถึงของฮ่องเต้ ในอาณาจักรฉินใครจะกล้าแข่งขันกับเขาอีก!

“ตึง”

ผู้นำตระกูลอู๋หมดเรี่ยวแรง คุกเข่าลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทา

“ตระกูลอู๋ ตระกูลที่ร่ำรวย ล้วนแต่ขี้ขลาด”

ฉินเหยียนพึมพำอะไรบางอย่าง จากนั้นเก็บกระบี่เข้าฝัก มองไปที่ผู้นำตระกูลอู๋ด้วยสายตาเย็นชา

“เห็นแก่เจ้าที่บริจาคทรัพย์สินทั้งหมด ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังดื้อดึงต่อไป ข้าจะไม่สนใจที่จะฟันหัวเจ้าทิ้งเพื่อเป็นการสังเวยให้แก่สงคราม!”

ฉินเหยียนเดินสะบัดแขนเสื้อออกไป

ผู้นำตระกูลอู๋ทรุดลงไปกับพื้น จ้องไปที่ร่างของฉินเหยียนราวกับคนโง่

จบแล้ว!

จบสิ้นแล้ว!

เพียงแค่คืนเดียวทั้งตระกูลถูกยกเค้าทรัพย์สินจนหมดสิ้น ตระกูลอู๋จบสิ้นแล้ว!

องค์ชายเจ็ด ท่านเป็นคนบอกให้ข้าเล่นตุกติกกับองค์ชายสิบสี่ แต่ท่านไม่ได้บอกข้าว่าเขาครอบครองกระบี่ชื่อเซียว!

“เจ้าวางกับดักข้า!”

ผู้นำตระกูลอู๋รู้สึกแน่นที่หน้าอก เมื่อเห็นใบหน้าแห่งชัยชนะของฉินเหยียน ความโกรธของเขายิ่งสูงขึ้น กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขากลอกตาและล้มลงไปกับพื้น

เด็กรับใช้ตระกูลอู๋รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ

“นายท่าน! นายท่านเป็นอะไรขอรับ!”

วางมือแนบกับจมูก

“ไม่ ไม่หายใจแล้ว...”

บรรดาเด็กรับใช้ต่างตกอยู่ในความสับสน

“รีบพาตัวกลับไปยังเมืองอู๋ ตามหมอด่วน!”

พวกเขารีบอุ้มผู้นำตระกูลอู๋กลับเมืองในทันที

ฉินเหยียนมองภาพนี้ด้วยสายตาเย็นชา เต็มไปด้วยความรังเกียจ

จากการสอบสวนอย่างละเอียดของไส้ศึกอาณาจักรจ้าว ผู้นำตระกูลอู๋เป็นคนในตระกูลขุนนางที่ร่ำรวย อีกทั้งยังเป็นพระญาติขององค์ชายเจ็ด อยู่ในเมืองใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางมิชอบ เอาเปรียบประชาชน ทำให้ประชาชนต้องมีชีวิตอยู่อย่างน่าสังเวช

หากเขาเป็นคนดี ฉินเหยียนคงไม่ทำให้เขาต้องอับอายเช่นนี้

แต่เนื่องจากเขาเคยชินกับการใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางมิชอบ อีกทั้งยังคิดดูถูกฉินเหยียน

คนไร้ค่าเช่นเขา ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย แม้แต่ความตายก็ยังไม่สามารถชดเชยความโกรธของประชาชนได้!

การฆ่าคนหรือการทำให้อีกฝ่ายโกรธจนตาย ถือเป็นการบรรลุจุดประสงค์เช่นกัน

หลังจากล่าช้าไปครึ่งวัน ตอนนี้ต้องรีบออกเดินทางตามกองทัพใหญ่ให้ทัน

“รีบออกเดินทาง!”

ฉินเหยียนออกคำสั่ง และกองทัพก็ออกเดินทางกันอย่างเร่งรีบ

ฉินเหยียนนั่งอยู่บนรถม้า ขณะที่หลิวเชียนเชียนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง

“คนอื่นเก่งในเรื่องการทำสงคราม แต่ท่านกลับเก่งในเรื่องรวบรวมเงินและเสบียง”

ฉินเหยียนกลอกตา มองไปที่หลิวเชียนเชียนและพูดว่า

“เจ้ารู้หรือไม่ เงินจำนวนนี้มีประโยชน์ต่อข้ามาก เมื่อไปถึงเมืองถัดไป เจ้าก็แค่จ้างคนในเมืองให้มาเป็นทหาร ซื้อม้า และรับสมัครกองกำลังจำนวนมากเสีย”

หลิวเชียนเชียนเตือนว่า

“องค์ชายต้องการใช้เงินจำนวนนี้มาเกณฑ์ทหารหรือ? แต่คนประชาชนคนธรรมดาที่ไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อน หากถูกเกณฑ์เข้ามาแล้ว ก็ไม่สามารถเข้ารบได้”

ฉินเหยียนอธิบายต่อว่า

“ไม่จำเป็นต้องให้เขาเข้ารบ แค่ให้พวกเขาถือจอบถือพลั่วไป ข้ามีแผนของข้า”

“เจ้าค่ะ ข้าเชื่อฟังท่าน”

ทหารชั้นดีลากเกวียนที่บรรทุกเสบียงและสมบัติอีกหลายสิบเล่ม ไล่ตามกองทัพใหญ่อย่างแข็งขัน

หลังจากตามกองทัพใหญ่ทันแล้ว ฉินเหยียนไปหาจ้าวจีเอ่อร์ในทันที เสบียงข้าวในแต่ละวันไม่ควรลืม

จ้าวจีเอ๋อร์ในเวลานี้ ในใจเต็มไปด้วยแผนหลบหนี การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฉินเหยียนทำให้นางตกใจกลัว

“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์